แต่ว่าในใจเขารู้ดี ถึงเรื่องราวเหล่านั้น ว่าถ้าหากลืมไปได้ง่ายๆ ก็คงไม่ปกติแล้ว
ดังนั้น จึงไม่ยืดเยื้อเวลาอะไรต่อ มองไปที่ลู่อันหราน “เด็กแบบลูกก็ต้องยึดมั่นในจุดยืน อย่าไหลไปตามกระแสลม”
ลู่อันหรานเข้าใจในทันที ในเมื่อ ปกติแล้วตัวเขามักจะถูกลู่จิ้นยวนกำหนดทุกอย่างเอาไว้ให้อย่างเรียบร้อยอยู่แล้ว ตอนนี้พอตนได้มีอิสระ ก็เลยลำพองไปหน่อย
“งั้นก็ต้องดูผลงานของพ่อแล้ว”
“หืม?”
ลู่จิ้นยวนขมวดคิ้ว “พ่อว่านะ ไม่อย่างนั้นเอาเป็นว่าพ่อจะหาสถานที่ให้ลูกไปฝึกร่างกายหน่อยเป็นไง?”
ลู่อันหรานรีบส่ายหน้าทันที “ช่างมัน ช่างมันเถอะ ผมแค่ล้อเล่น”
ต่อมาในทันทีก็ทำท่าทางราวกับผู้ใหญ่ตัวน้อย ตบลงไปที่บ่าของลู่จิ้นยวน “ในเมื่อผมเป็นลูกแท้ๆ ของพ่อ ไม่ว่าใครจะว่าอย่างไร เมื่อถึงเวลาสำคัญ แน่นอนว่าจะยังคงคอยตามพ่อไป”
กล่าวจบ ก็กอดกล่องยาแล้ววิ่งไปหาเวินหนิงทันที
เวินหนิงเดินออกมาจากห้องครัว เมื่อสักครู่เธอพึ่งสังเกตเห็นว่าริมฝีปากของเธอบวมพองขึ้นจากการกระทำอันรุนแรงของลู่จิ้นยวน อีกทั้งยังแดงช้ำเล็กน้อย ทำให้ดูเห็นได้ชัดเลยทีเดียว
ดังนั้น เธอจึงอยู่ในห้องครัวไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง แล้วใช้น้ำเย็นประคบไปสักพัก จนกระทั่งมันดูไม่เป็นที่เด่นชัดแล้วจึงเดินออกมา
“อันหราน พวกเราออกไปกินข้าวข้างนอกกันเถอะ ลูกอยากจะกินอะไร”
ลู่อันหรานส่ายหน้า “ผมไม่หิว เมื่อกี้ผมพึ่งจะกินไปแล้ว ผมทายาให้แม่ก่อนนะ”
เวินหนิงไม่ได้ปฏิเสธความปราถนาดีของเจ้าตัวน้อย จึงนั่งลงไป
ลู่อันหรานเดินเข้าไปหา แล้วหยิบยาออกมา ตั้งแต่เด็กเขาก็เป็นคนฉลาด รู้จักตัวอักษรหลายตัวแล้ว และไม่ได้ให้ผู้ใหญ่คอยช่วยเหลือก็สามารถหาของที่ตนเองต้องการเจอได้
“อันนี้ใช่ไหมฮะ?”
ลู่อันหรานหยิบยาสำหรับทาแผลลวกพุพองขึ้นมา เวินหนิงจึงพยักหน้า “อื้ม ใช่แล้ว อันหรานฉลาดมากเลยลูก”
ลู่อันหรานพยักหน้า ดีใจกับคำชมนี้มาก หลังจากนั้นก็บีบยาออกมาเล็กน้อยแล้วทาลงไปบนแผลของเวินหนิง
เพียงแต่ว่า เขาก็เป็นเพียงแค่เด็กตัวเล็กๆ มือที่ทายานั้นไม่ได้ผ่อนแรงลงเลย ไปโดนแผลที่โดนลวกบนนิ้วมือของเวินหนิงเข้า เธอก็รู้สึกเจ็บจนเผลอขมวดคิ้ว แต่ก็ยังคงอดกลั้นมันเอาไว้ได้
ก็ในเมื่อ นี่เป็นความตั้งใจของลู่อันหราน เธอไม่อยากทำให้เขาไม่มีความสุข
ลู่จิ้นยวนเห็นภาพเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมา แล้วเดินเข้ามาหา “ฉันทำเองมา”
ลู่อันหรานตอนแรกก็ไม่ยินยอม แต่เมื่อคิดดูแล้ว ตอนนี้เป็นสถานการณ์พิเศษ จำเป็นที่จะต้องดึงความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับแม่ให้ใกล้กันมากขึ้น ก็เตรียมที่จะเขยิบที่นั่งของตนเองออกไป
เพียงแต่ว่า เวินหนิงกลับพูดตัดบทเขาขึ้นมาอย่าวงรวดเร็ว “ไม่ต้อง อันหราน ลูกทำเถอะ”
เธอในตอนนี้ ไม่อยากที่จะมีความสัมพันธ์ที่จะต้องเกี่ยวข้องกันกับลู่จิ้นยวนโดยไม่จำเป็น
ลู่จิ้นยวนนั้นได้ตัวค้างแข็งไปแล้ว ลู่อันหรานเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่เข้าท่าแล้วจึงทำตัวเป็นเด็กเอาแต่ใจ “ผมกลัวว่าจะทายาแล้วเผลอลงมือแรงไป ทำให้แม่เจ็บ ผมว่าให้พ่อมาทำแทนดีกว่า”
“ถูกต้อง”
เมื่อเห็นว่าลูกชายพูดออกไปเช่นนั้น ลู่จิ้นยวนก็พยักหน้าแสดงท่าทีราวกับว่าเห็นด้วย
เวินหนิงได้ยินลูกพูดดังว่า ก็ไม่มีทางเลือก จึงเชิดคางขึ้นเล็กน้อย แสดงความนัยออกมาว่าให้ลู่จิ้นยวนมาจัดการได้
ลู่จิ้นยวนกลับไม่ได้รู้สึกเคืองกับท่าทีที่ถูกโจมตีหรือถูกพูดเย็นชาใส่ เขาตั้งใจทายาลงบนแผลลวกพุพองบนนิ้วของเวินหนิงอย่างระมัดระวัง ตอนที่ใกล้จะทาเสร็จแล้วก็ยังเป่าลมออกไปเบาๆ หนึ่งที
“เป่าไปสักหนึ่งที ก็ไม่เจ็บแล้วนะ”
น้ำเสียงทุ้มต่ำของฝ่ายชาย ทำให้มีเสน่ห์อันน่าดึงดูดเจือมาอยู่
เวินหนิงผงะไป แต่ต่อมาในทันทีก็รีบชักมือคืนกลับมา
เธอไม่รู้เลยว่า คนแบบนี้ก็พูดจาปลอบโยนคนอื่นแบบนี้ได้
ลู่อันหรานเห็นเช่นนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะเอามือขึ้นมาป้องปากแล้วหัวเราะออกมา
นี่มันอะไรกันเนี่ย คำพูดหวานซึ้งที่ยากจะเห็นได้จากพ่ออย่างงั้นเหรอ?
แต่ว่า ดูเหมือนจะไม่ได้ผลอะไรเลยนะ.........
ลู่จิ้นยวนก็กลับไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก แล้วจึงยักไหล่ขึ้น “ตอนนี้ก็สายแล้ว ไม่ออกไปกินข้าวกันเหรอ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก