“อืม ให้เขาเสียเงินไปไม่น้อยเลย”
เวินหนิงพยักหน้า
ไป๋หลินยวี่แกล้งทำเป็นพูดโดยไม่ได้ตั้งใจ “จื่ออันนิสัยดี ไม่เกี่ยงเรื่องเล็กๆ พวกนี้หรอก ต่อไปลูกก็ติดต่อกับเขาให้มากๆ นะ อย่าห่างเหินกันเลย”
ตอนแรกเวินหนิงจะพยักหน้า แต่ก็รู้สึกแปลกๆ อย่างอธิบายไม่ถูก
“แม่ ดูแม่ชอบเหอจื่ออันมากเลยนะคะ”
“อืม……ก็ใช่มั้ง ยังไงแล้วตอนนั้นที่ลูกหายตัวไป เขาก็อยู่กับแม่บ่อยมาก ในใจแม่เขาถือว่าเป็นลูกชายครึ่งหนึ่งของแม่”
ได้ยินประโยคนี้ เวินหนิงก็ไม่รู้ควรพูดอะไรดี แค่ชมเหอจื่ออันไปไม่กี่ประโยค
ลู่อันหรานก็เดินตามเข้ามาในห้องผู้ป่วย เพราะตอนนี้สุขภาพไป๋หลินยวี่ดีขึ้นเยอะกว่าแต่ก่อนมาก ไม่ได้อ่อนแอแบบนั้น เลิกหลบหน้าเขาแล้ว
ลู่อันหรานเดินเข้ามาอย่างเชื่อฟังมาก มองคนชราที่นั่งบนเตียงผู้ป่วย “คุณยาย ผมอันหรานฮะ”
สำหรับคุณยายคนนี้ เขามีความทรงจำเลือนราง แค่จำได้ว่าตอนเด็กๆ เธอมาเยี่ยมเขาบ่อยๆ
ต่อมาได้ยินว่าเธอมีอาการป่วยแปลกๆ ถึงแม้ไม่ได้เป็นเชื้อติดต่อ แต่เพื่อไม่ให้อาการป่วยมาติดลู่อันหราน จึงไม่ได้เจอกันนานมาก
“อันหราน หนูโตแล้ว”
ไป๋หลินยวี่เห็นลู่อันหราน ก็อดน้ำตาไหลไม่ได้
สำหรับหลานชายคนนี้ เธอคิดถึงมาตลอด แต่เพราะป่วยเลยไม่กล้าติดต่อเขาเยอะ
เธอไม่อยากทิ้งภาพลักษณ์ป่วยและไม่น่าดูให้กับลูกหลานของตัวเอง
ลู่อันหรานก็ไม่รู้สึกว่ามีอะไร เขาเดินไม่กี่ก้าวไปที่หน้าเตียง เห็นมือผอมของไป๋หลินยวี่เต็มไปด้วยรูเข็ม ก็ขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้
“คุณยาย เจาะเข็มทุกวันแบบนี้ต้องเจ็บมากเลยใช่ไหมฮะ”
“ไม่เจ็บๆ คุณยายโตขนาดนี้แล้ว ไม่กลัวเจ็บ”
ได้ยินคำพูดลู่อันหราน ไป๋หลินยวี่ก็อบอุ่นในใจมาก เวินหนิงเห็นภาพอบอุ่นนี้ ก็ไม่เอ่ยปากรบกวน ยืนอยู่ข้างๆ ให้ทั้งสองคุยเล่นกัน
ลู่อันหรานถามไม่กี่ประโยค ไป๋หลินยวี่ก็จบหัวข้อนี้ แล้วถามเกี่ยวกับเรื่องที่โรงเรียนและที่บ้าน
เธอไม่ได้ออกไปข้างนอกนานมากแล้ว อยากรู้เรื่องข้างนอกมากๆ
ลู่อันหรานเหมือนเข้าใจความคิดเธอ ครุ่นคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ค่อนข้างน่าสนใจในชีวิตตัวเองเล่าให้คุณยายฟัง
เดิมทีห้องผู้ป่วยที่เงียบสงบและเหงาเล็กน้อย เพราะการปรากฏตัวของลู่อันหราน ทำให้มีความสุขเพิ่มขึ้นบ้าง
เวินหนิงยืนข้างๆ ไม่ได้พูดอะไร แค่มองเงียบๆ บรรยากาศแบบนี้ทำให้เธอสบายใจมาก
โดยเฉพาะเห็นแววตามีความสุขเปล่งประกายของไป๋หลินยวี่ เธอยิ่งตัดสินใจ ไม่ว่าจะต้องจ่ายมากแค่ไหน ก็ต้องรักษาคุณแม่ให้หายดีให้ได้
สักวันหนึ่ง เธอจะพาลู่อันหรานออกไปด้วยกัน ทำความคิดในอดีตที่ว่าอยากอุ้มหลานชายของเธอให้เป็นจริง
ทั้งสองคุยกันนานมาก จนกระทั่งพยาบาลเข้ามาตรวจสุขภาพประจำวันให้ไป๋หลินยวี่ถึงได้หยุดคุย
หลังจากตรวจสอบเรียบร้อย เวินหนิงก็เห็นไป๋หลินยวี่หอบหายใจ เหมือนเหนื่อยแล้ว ก็ดูและเธอให้นอนหลับ จากนั้นก็พาลู่อันหรานออกมา
เวินหนิงจับมือลู่อันหรานอย่างครุ่นคิด มือก็ออกแรงโดยไม่รู้ตัว ลู่อันหรานรู้สึกได้ เงยหน้าขึ้นมาเห็นแม่เหมือนเหม่อลอย ก็ไม่ได้เปล่งเสียงรบกวน
เขารู้สึกว่าแม่เหมือนมีเรื่องอะไรกังวลใจ
ผ่านไปสักพัก เวินหนิงก็ตอบสนอง “อันหราน เมื่อกี้ลูกเหนื่อยแล้วใช่ไหม แม่ไปส่งลูกกลับบ้านไหม? ”
“ไม่เหนื่อย ผมไม่ได้เจอคุณยายนานมากแล้ว ได้คุยกับเธอ รู้สึกดีมากเลยฮะ”
ลู่อันหรานส่ายหน้า พูดขึ้นอย่างรู้ประสา
เวินหนิงยิ้ม ลูบศีรษะเล็กของเขา
ถึงแม้บางครั้งลู่อันหรานจะซนมาก ทำให้เธอไม่มีทางเลือก แต่……ส่วนมากแล้ว เขาก็น่ารักมาก
“อ่า จริงสิ ของเล่นของลูก……”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก