เมื่อคำพูดนี้พูดออกมา จริงๆแล้วเวินหนิงเองก็รู้ดีว่าเป็นแค่อารมณ์ชั่วครู่ของเธอ
อย่างไรก็ตาม เธอไม่สามารถห้ามปากตัวเองไว้ได้
สีหน้าที่ปกติและเฉยชาของลู่จิ้นยวนในตอนแรก เมื่อได้ยินคำพูดนี้ในที่สุดสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
“ เวินหนิง คำพูดนี้จะพูดออกมาเรื่อยเปื่อยอย่างงี้ไม่ได้”
เขารอเธอมาห้าปี ในห้าปีนี้เขาเหมือนศพที่เดินได้ มันไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะรอเธอกลับมาได้ในที่สุด แต่เธอกลับคิดที่จะพาลู่อันหรานไปจากเขาอย่างงี้
เขาไม่อนุญาตไม่ยอม
“ อย่าบังคับฉันอีกเลย อย่าให้ฉันต้องคิดถึงเรื่องพวกนั้นอีกได้ไหม ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันจะต้องรู้สึกว่าตัวเองในตอนนี้น่าขยะแขยงมาก”
เวินหนิงก้มหัวลงแล้วพูดด้วยเสียงต่ำ
เมื่อลู่จิ้นยวนได้ยินคำพูดนี้ มือของเขาที่ลอยอยู่กลางอากาศก็หยุดลง
ในเวลานี้ มีรถแท็กซี่คันหนึ่งจอดลง เวินหนิงดึงประตูรถนั่งเข้าไป " ฉันจะกลับไปคนเดียว ไม่ต้องห่วง เพื่อเรื่องของเย่ซือเยวี่ยแล้ว ฉันไม่วิ่งไปไหนไกล"
ลู่จิ้นยวนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง รถก็ถูกขับออกไปแล้ว
เวินหนิงนั่งอยู่บนเบาะรถแท็กซี่ จ้องมองไปเรื่อยๆในเมืองที่ไม่คุ้นเคยด้วยอาการเหม่อลอย
เมื่อคิดถึง เพื่อมู่เยียนหรานแล้ว ลู่จิ้นยวนสามารถเสียสละการพัฒนาธุระกิจที่เมืองจิงเฉิงทั้งเมืองไป สามารถปฏิเสธการแต่งงานเชิงธุระกิจที่ดึงดูดของตระกูลหยงเช่นนี้ได้
มันเป็นอะไรที่ยากมาก ที่ใจเธอจะไม่ไปเปรียบเทียบมัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนึกถึงความยากลำบากต่างๆที่เย่หวานคอยหาเรื่องเธอ ใจนั้นยิ่งรู้สึกเจ็บปวดและหงุดหงิดมากขึ้นเล็กน้อย
"พี่คนขับคะ รบกวนขันรถพาฉันวนสักสองรอบนะคะ ฉันอยากดูทิวทัศน์ที่นี่ค่ะ"
ณ ตอนนี้เวินหนิงยังไม่อยากกลับไปที่โรงแรม ก็เลยให้คนขับพาเธอไปรอบ ๆ เมืองจิงเฉิงวนไปสองสามรอบ
เมื่อลู่จิ้นยวนกลับมาถึงที่โรงแรม ถึงได้รู้ว่าเวินหนิงยังไม่กลับมา ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกกังวลขึ้นมา
ตอนนั้น ก็ไม่ควรปล่อยให้เธอออกไปคนเดียว ถ้าหากเธอหายตัวไปอีก เขาจะทำยังไง
ลู่จิ้นยวนรีบโทรหาเวินหนิงทันที จะถามว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน
แต่ว่า ไม่มีคนรับสาย ในขณะที่สมองของลู่จิ้นยวนกำลังคิดเรื่องเลวร้ายเหล่านั้นที่อาจเกิดขึ้น เวินหนิงได้ส่งข้อความหนึ่งกลับมา
แค่ว่า ข้อความนั้นไม่ได้ส่งให้ลู่จิ้นยวน แต่ถูกส่งไปให้อันเฉินแทน
“ ฉันขออยู่ข้างนอกสักพัก อาจจะกลับดึกหน่อย ไม่ต้องเป็นห่วง”
เมื่ออันเฉินได้รับข้อความ ยังรู้สึกแปลกๆ
แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ได้เอาข้อความนี้ไปบอกให้ลู่จิ้นยวน
เมื่อลู่จิ้นยวนเห็นข้อความของเวินหนิง เห็นได้ชัดว่าเธอโกรธมาก
มิฉะนั้น ไม่จำเป็นหรือเจตนาไปรบกวนอันเฉิน โดยไม่โทรหาเขา
ลู่จิ้นยวนแย่งโทรศัพท์มือถือของอันเฉินมา
อันเฉินใช้มือแตะที่จมูกของตัวเอง ทั้งๆที่เขาไม่รู้ไม่เห็นอะไรกับพวกเขาเลยแต่ก็ถูกรานไปด้วย
ลู่จิ้นยวนส่งข้อความไปให้เธอ " คุณอยู่ที่นี่ไม่รู้จักใครและไม่คุ้นเคยสถานที่ รีบกลับมาโดยเร็วจะดีกว่า"
เมื่อเวินหนิงเห็นเช่นนี้แล้วถอนหายใจ ก็เลยให้คนขับส่งเธอกลับไป
ก็ใช่อยู่ เธออยู่ที่นี่ ไม่ใช่มาทะเลาะกับลู่จิ้นยวนสักหน่อย ธุระเร่งด่วนแบบนี้ คือการเชิญศาสตราจารย์หลี่ไปที่เมืองเจียงเฉิง
ทันทีที่เวินหนิงมาถึงประตูโรงแรม เธอก็เห็นลู่จิ้นยวนยืนพิงอยู่ที่ประตูรอเธอ ด้วยการแต่งตัวที่ธรรมดา แต่ก็ยังเป็นที่สะดุดตาของคนมากมายเช่นกัน
มีหญิงสาวบางคนที่ใจกล้าพอ ถึงกับนัดคุยและขอเบอร์โทรศัพท์ของเขา
เวินหนิงตาขาวใส่เขา ผู้ชายคนนี้นี่จริงๆเลย ยืนอยู่ตรงนั้นเฉยๆก็ยังมีผึ่งมาตอมไม่น้อย
ถึงแม้ว่า ลู่จิ้นยวนจะมายืนรอเธออยู่ที่ประตูอย่างซื่อสัตย์ แต่ในสายตาของผู้หญิงโกรธนั้น ต่อให้แก้ตัวยังไงเหตุผลก็ฟังไม่ขึ้น
เมื่อเห็นเธอกลับมาลู่จิ้นยวนก็รีบเดินเข้าไปทันที " ทำไมถึงกลับมาดึกแบบนี้ ที่นี่การจราจรค่อนข้างที่จะซับซ้อน ผู้คนก็เยอะ ไม่ควรไปไหนมาไหนคนเดียว"
เวินหนิงไม่อยากสนใจและวุ่นวายกับเขา จึงเดินตรงไปที่ห้องของเธอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก