“คุณหนูซ่ง นี่คุณกำลังขู่ฉันเหรอคะ?”
เมื่อได้ยินซ่งรั่วอวิ้นเอ่ยถึงเรื่องของคุณแม่ ดวงตาของเวินหนิงมืดมิด
ผู้หญิงตรงหน้าคนนี้ ไม่ธรรมดาจริง ๆ เพียงแค่ไม่กี่ประโยค ทำให้เธอมองซ่งรั่วอวิ้นผิดแปลกไปจากเดิม
แต่ว่า เมื่อคิดได้ว่าเธอสืบเรื่องของตัวเอง เวินหนิงก็อารมณ์เสียอย่างอธิบายไม่ถูก
“ฉันเพียงแค่ให้ตัวเลือกที่ชนะทั้งสองฝ่ายกับคุณหนูเวิน ถ้าหากตระกูลหยงเข้ามา ถึงคุณไม่ยินยอมที่จากไป ตระกูลลู่อาจจะใช้วิธีการต่าง ๆ เพื่อให้คุณจากไป ในเมื่อผลประโยชน์ของการแต่งงานของสองตระกูล เป็นเรื่องที่ดีมาก ดีจนกระทั่งการร่วมมือกันที่แข็งแกร่งอาจจะทำให้เกิดตระกูลที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของประเทศจีน”
คำพูดของซ่งรั่วอวิ้นพูดถึงตรงนี้ เรื่องที่เหลือ เธอเชื่อว่าเวินหนิงเป็นคนฉลาดคนหนึ่ง จะต้องเข้าใจเป็นอย่างแน่
เวินหนิงเข้าใจความหมายของเธอ ผลประโยชน์ใหญ่หลวงอยู่ตรงหน้า คนไม่สามารถต่อต้านต่อสิ่งล่อใจได้ ลู่จิ้นยวนจะคิดยังไงไม่ต้องพูดถึงก่อนชั่วคราว แต่นิสัยแบบนั้นของเย่หวานจิ้ง มีเพียงแต่จะบ้าคลั่งมากขึ้น ส่วนนายท่านลู่ที่ช่วงนี้ไม่ได้กีดกันเธอขนาดนั้น จะย้ายข้างไหมนะ?
เพียงแต่ เธอยังมีข้อต่อรองที่สำคัญมากอีกเรื่องหนึ่ง ที่ซ่งรั่วอวิ้นยังไงก็คาดไม่ถึง นั่นก็คือเธอมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นหลานสาวของตระกูลหยง
แต่ถ้าหากพึ่งพาทางนี้ แล้วได้รับการยอมรับจากตระกูลลู่ เธอก็น่าสมเพชเกินไปจริง ๆ
เธอก็ไม่อยากต่ำต้อยขนาดนั้นเพื่อยึดติดกับคนตระกูลลู่ เธอควรจะเป็นตัวของตัวเองถึงจะถูก
“แต่ถ้าคุณหนูซ่งอยากจะให้ฉันทำข้อตกลงนี้ อย่างน้อยต้องให้ฉันรู้ว่าพวกคุณมีความสามารถนี้จริง ๆ ที่จะสามารถหาไขกระดูกของคนที่จะเข้ากับคุณแม่ของฉันได้ถึงจะถูก”
เวินหนิงไม่ได้รีบร้อนตอบรับ แต่กลับหยิบยกเงื่อนไขของตัวเองออกมา
ซ่งรั่วอวิ้นได้ยินแบบนี้ ก็จ้องมองเธอ ดูแล้วผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ตบตาง่ายขนาดนั้น
ผู้หญิงปกติถ้าหากถูกมาหาถึงที่ ไม่ก็โมโหจนเสียสติไป ไม่ก็เสียอกเสียใจ แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะวางแผนเพื่อที่จะเจรจาข้อตกลงกับตัวเอง
“ตกลงค่ะ ในเมื่อจะค้าขายกัน แสดงความจริงใจนิดหน่อยก็เป็นเรื่องที่สมควร ศาสตราจารย์หลี่อยู่ในเจียงเฉิงตอนนี้ ตอนที่เขากลับมา ฉันจะให้เขาพาตัวอย่างเลือดกลับมา จากนั้นก็จะส่งคนให้ออกตามหา ถ้าหากเจอแล้ว ฉันจะติดต่อกับคุณนะคะ”
เวินหนิงยักไหล่ “ตกลงค่ะ”
ข้อเสนอนี้เป็นสิ่งที่เธอต้องการพอดี ยังไงซะเธอก็ไม่ได้เสียหายอะไรทั้งนั้น แถมยังสามารถใช้เส้นสายของตระกูลหยงเพื่อประโยชน์ของตัวเองได้
ทั้งสองคุยกันถึงตรงนี้ ก็ไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกันแล้ว จึงต่างคนต่างแยกย้ายกลับ
เวินหนิงออกจากร้านนี้ ก็โทรศัพท์หาลู่อันหรานถามว่าเขาอยู่ที่ไหนในทันที
ถึงแม้ลู่อันหรานจะชอบอาหารฟาสต์ฟู้ดมากที่สุด แต่ตอนนี้เขาไม่มีความสุขเลยสักนิด
ไม่มีเหตุผลอื่นนอกจาก ลู่จิ้นยวนนั่งอยู่ด้านซ้าย เหอจื่ออันนั่งอยู่ด้านขวา เขาแทบจะหนาวตายเพราะอากาศเย็นที่เล็ดลอดออกมาจากคนทั้งสอง
แต่สิ่งที่ทำให้เขาพูดไม่ออกมาที่สุดก็คือ ทั้งสองนั่งอยู่ตรงนี้ ดึงดูดสายตาของผู้คนไม่น้อย
กลุ่มเด็กสาวที่ค่อนข้างงี่เง่าพวกนั้น เมื่อเห็นแสงออร่าของทั้งสองคน ต่างคนต่างมีความหล่อในแบบของตัวเอง จึงมองมาตรงทางนี้ไม่หยุด แม้กระทั่งยังมีคนที่มีตาหามีแววจับคู่ระหว่างพวกเขา
ทำให้สีหน้าของทั้งสองยิ่งอยู่ยิ่งเคร่งขรึม
ลู่อันหรานยิมแพ้กับสมองของคนพวกนั้นจริง ๆ แถมมีบางคนพูดว่าเขาคือลูกของทั้งสองคน
น่าหวาดกลัวจริง ๆ
ดังนั้นเมื่อได้รับสายของเวินหนิง ลู่อันหรานก็รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก “คุณแม่ครับ ผมอยู่ที่แมคโดนัลด์ไม่ไกลจากโรงแรม คุณแม่มาหาผมเถอะครับ”
เมื่อได้ยินว่าเป็นสายของเวินหนิง ชายทั้งสองมองมาทางลู่อันหราน
ลู่อันหรานอายจนเหงื่อตก แล้ววางสายโทรศัพท์ไป
เวินหนิงรู้สึกประหลาดใจ ปกติลู่อันหรานโทรหาเธอจะออดอ้อนเธออยากจะคุยกับเธอตลอด วันนี้เป็นอะไรนะ?
หรือว่าอยู่กับเหอจื่ออันไม่ดีใจเหรอ?
เวินหนิงก็ไม่ได้คิดอะไรเยอะ จึงรีบเรียกรถแท็กซี่ ไปยังร้านที่ลู่อันหรานบอก
เวินหนิงเปิดประตูเดินเข้าไป เห็นในร้านฟาสต์ฟู้ดถูกคนเบียดแน่น เธอขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่เวลาทานข้าวอะไรนะ ทำไมคนเยอะแยะแบบนี้?
“เธอเห็นแล้วยัง?
“ใช่สิ หล่อมาก แถมสไตล์ไม่เหมือนกัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก