เมื่อเหอจื่ออันเห็นใบหน้าที่ไม่เป็นตัวของตัวเองของเวินหนิง ในใจของเขาพอจะรู้คราวๆแล้วว่าเป็นเพราะอะไร
บางที พฤติกรรมของเขาตอนกลางวันนั้นอาจจะรีบร้อนเกินไปหน่อย
คิดไปคิดมา ถ้ากดดันเธอจนเกินไป กลัวว่าจะส่งผลไปในทางที่ไม่ได้อีก เหอจื่ออันจึงฝืนตัวเองไม่พูดว่าเขาอยากจะอยู่ต่ออีก
" โอเค แต่ถ้าคุณเจอปัญหาอะไรแล้วล่ะก็ อย่าลืมโทรหาผม ผมจะมาทันที"
เวินหนิงพยักหน้า ใช้สายตาส่งเหอจื่ออันออกไปจากโรงพยาบาล
ความเหนื่อยล้าจากการวิ่งไปวิ่งมาทั้งวัน เวินหนิงเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย นอนลงบนเตียงเฝ้าไข้ที่อยู่ข้างๆ หลับตาลง เตรียมพร้อมที่จะพักผ่อน
แต่แค่หลับตาก็เห็นภาพที่หยงซือเหม่ยอยู่ในอ้อมแขนของลู่จิ้นยวน บวกกับสายตาที่มีชัยของเธอ ...
เวินหนิงหายใจเข้าลึก ๆ รีบลบล้างความคิดที่ยุ่งเหยิงเหล่านี้ออกจากสมอง แล้วบังคับให้ตัวเองนอน
...
ในช่วงเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นที่คฤหาสน์หลังเก่าของตระกูลลู่
ลู่จิ้นยวนตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดหัว เพราะเมื่อคืนเขาดื่มมากเกินไปหน่อย ซึ่งตอนนี้หัวของเขาปวดเหมือนจะระเบิด
ใบหน้าของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความเครียดและรำคาญเล็กน้อย อยากจะลุกขึ้นนั่ง แต่จู่ๆก็รู้สึกเวียนหัวแล้วล้มตัวลงไป
แม้ว่าเมื่อวานเย่หวานจิ้งจะสั่งให้คนรับใช้เตรียมน้ำขิงส่งขึ้นมาให้ แต่ลู่จิ้นยวนก็ไม่มีกะจิตกะใจที่จะดื่มเลย
ชายหนุ่มยื่นมือออกมาแตะหน้าผาก อุณหภูมิที่ร้อนจัด ทำให้เขาอดหัวเราะดูถูกตัวเองไม่ได้
ลู่จิ้นยวนมีสุขภาพที่แข็งแรงมาโดยตลอด ซึ่งน้อยมากที่เขาจะเจ็บไข้ได้ป่วย อาจเป็นเพราะเขาดื่มมากจนเกินไปแล้วยังตากฝนอีก บวกกับอารมณ์จิตใจที่ไม่ดี ถึงทำให้เขาเป็นไข้ขึ้นมา
แต่ลู่จิ้นยวนกับไม่ได้ให้ความสนใจเลย ยังคงฝืนตัวเองให้ลุงขึ้นยืน เดินอย่างกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกำลังลงโทษตัวเอง หรือว่าอะไร
ทันทีที่เขาเดินออกมากจากประตู ก็ถูกเย่หวานจิ้งที่นั่งอยู่ห้องรับแขกเรียกเขาไว้ " เดินรีบร้อนขณะนี้ทำไม เมื่อกี้พึงจะได้ของคนไปทำอาหารที่ลูกชอบ ทานเสร็จแล้วค่อยไปทำงาน.”
เดิมที ลู่จิ้นยวนอยากจะปฏิเสธอยู่ แต่ก็โดนเย่หวานจิ้งพูดขึ้นอีกว่า " ลูกไม่ได้ทานข้าวที่บ้านมานานแล้ว ช่วยทานเป็นเพื่อนแม่หน่อยจะได้ไหม "
คำพูดของเย่หวานจิ้งทำให้ลู่จิ้นยวนไม่อาจปฏิเสธได้ลงคอ
ทั้งสองคนนั่งอยู่บนโต๊ะอาหารรับประทานอาหารเช้า
เย่หวานจิ้งมองไปที่ใบหน้าของลู่จิ้นยวน " จิ้นยวน ไม่สบายหรือเปล่า ใบหน้าของลูกแดงมาก ถ้าไม่งั้นวันนี้ลูกก็พักผ่อนที่บ้านหนึ่งวัน "
ลู่จิ้นยวนส่ายหัว
ตอนนี้ เขาต้องหาอะไรบางอย่างทำ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเอง มิฉะนั้น ในสมองของเขาเต็มไปด้วยเรื่องของเวินหนิง ซึ่งมันทำให้เขาไม่สามารถสงบอารมณ์ลงได้
เย่หวานจิ้งรู้ดีว่าเกลี้ยกล่อมยังไงก็ไม่มีประโยชน์ ดังนั้นจึงให้คนนำยามาให้ลู่จิ้นยวน
เมื่อดูลู่จิ้นยวนจากไป เย่หวานจิ้งเต็มไปด้วยความกังวล
เวินหนิงคนนั้น มีความสำคัญต่อเขามากถึงขนาดนี้เลยเหรอ สำคัญจนส่งผลต่อสุขภาพของลู่จิ้นยวนได้
ในขณะที่คิดฟุ่งซ่านอยู่ คนรับใช้ก็รีบเข้ามารายงานว่า " นายหญิง มีผู้หญิงคนหนึ่งอ้างตัวว่าเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลหยง บอกอยากพบท่าน"
คุณหนูตระกูลหยงเหรอ
เย่หวานจิ้งครุ่นคิดก็นึกจำขึ้นมาได้ว่าล่าสุดที่นายท่านคุยสายที่โทรเข้ามาจากเมืองจิงเฉิง
หรือว่าจะเป็นคุณหนูของตระกูลหยงมาแล้ว
ใบหน้าของเย่หวานจิ้งค่อยมีรอยยิ้มขึ้นมาหน่อย “ รีบไปเชิญคนเข้ามา”
คิดไปคิดมาไปรับด้วยตัวเองจะดีกว่า ดูสิว่าคนที่มานั้นหน้าตาเป็นอย่างไร
หยงซือเหม่ยนั่งอยู่ในรถหรูรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นระดับโลกของเธอ เห็นผู้หญิงที่ดูสง่างามและดูเป็นคุณนายเดินออกมาจากประตู ถ้ามองใกล้ ๆ คิ้วของเธอค่อนข้างคล้ายกับของลู่จิ้นยวนนิดๆ
หยงซือเหม่ยรีบเก็บนิสัยและบุคลิกที่ปกติวางตัวเป็นคุณหนู แล้วเดินเข้าไปด้วยรอยยิ้มที่ถ่อมเนื้อถ่อมตัว “ สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อหยงซือเหม่ยค่ะ ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก