สิ่งที่เวินหนิงพูดนั้น อันที่จริงเธอไม่ได้หวังว่าอันหรานจะสามารถเข้าใจทั้งหมด
อันที่จริง เธอแค่ไม่รู้ว่าจะอธิบายให้เด็กอายุห้าขวบเข้าใจได้อย่างไรว่าปัญหาระหว่างเธอกับลู่จิ้นยวนเป็นยังไง ดังนั้นจึงให้คำอธิบายเขาไปแบบนี้
แม้ว่ามันจะไม่มีวันนั้นเลยก็ตาม เพราะถ้าเอาลู่จิ้นยวนนั้นไปเทียบกับคนธรรมดาทั่วไปแล้ว ฐานะของเขาอยู่สูงเกินเอื้อมจริงๆ ซึ่งต่อให้เธอทำงานหนักหรือจะพยายามแค่ไหน มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเทียบเท่าเขา
เวินหนิงคิดอยู่พักหนึ่ง อยู่ๆก็เข้าไปอยู่ในความเศร้าอย่างอธิบายไม่ถูก เพราะไปคิดถึงเรื่องราวประวัติของตัวเอง
บางที ถ้ามีความช่วยเหลือของตระกูลหยง เธออาจจะสามารถบรรลุเป้าหมายนี้ได้
แต่เพราะศักดิ์ศรีของตัวเอง ยังมีแม่ผู้บังเกิดเกล้าของตัวเองยอมเปลี่ยนลูกแท้ๆเพื่อไม่ให้เธอกลับสู่บ้านตระกูลนั้น แสดงให้เห็นว่าจะต้องมีเรื่องที่สับซ่อนกว่านี้อย่างแน่นอน
ดังนั้น เวินหนิงไม่เคยคิดที่จะพึ่งพาอำนาจหรือความแข็งแกร่งของตระกูลหยง
“ ถ้างั้นก็รอจนกว่าแม่จะเหมือนอย่างกับคุณพ่อ มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปก่อน แม่ถึงจะยอมอยู่กับคุณพ่อ ใช่ไหมครับ ”
ความเข้าใจของลู่อันหรานมีอยู่แค่นี้
“ น่าจะประมาณนั้นล่ะ อย่างน้อยทันทีที่แม่ปรากฏตัว คุณย่าของหนูจะไม่กล้าดูหมิ่นอีกต่อไป และไม่กล้าจัดผู้หญิงแปลก ๆ มากมายให้มาเป็นแม่เลี้ยงของหนู
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลู่อันหรานดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง " ถ้าอย่างนั้นคุณแม่พูดแบบนั้น ผมสนับสนุนครับคุณแม่"
ถึงแม้ว่า เขายังไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมเวินหนิงถึงได้ดื้อดึงแบบนี้ แต่เขาคิดว่ามันฟังดูสมเหตุสมผล ถ้าสามารถหยุดคุณย่าไม่ให้จัดผู้หญิงที่ไม่รู้จักกลับมาบ้านอีก
เวินหนิงถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อได้ลู่อันหรานพูดเช่นนั้น
“ ถ้างั้นหนูก็ไม่ต้องคิดมากอีกต่อไป ตั้งใจเรียนดีๆ อย่าให้เรียนตก เข้าใจไหม ”
เมื่อพูดถึงการเรียน ลู่อันหรานก็อดรู้สึกผิดไม่ได้
ยังโชคดี ที่เรื่องโยนสมุดการบ้านทิ้งไปในวันนี้ แม่ยังไม่รู้เรื่อง ไม่งั้นเขาตายแน่ๆ
" ผมเข้าใจแล้วครับคุณแม่ "
หลังจากที่ลู่อันหรานพูดจบ เวินหนิงถึงเดินออกไปด้วยความพึงพอใจ
เมื่อไป๋ซินหรานเห็นเช่นนี้ จึงได้อุ้มกระเป๋าหนังสือเดินเข้าไปที่ห้องของลู่อันหราน " ถ้าอย่างนั้น การบ้านของเธอ ฉันคิดว่า ฉันเอามันไม่ได้แล้ว เธอควรจะเอากลับไปเขียนต่อนะ "
ลู่อันหรานมองเธอต่อกับพูดอะไรไม่ออก " เธอบอกว่าเธอจะเอามันไปไม่ใช่เหรอ
ทำไมถึงเอามาคืนล่ะ "
“ ฉันได้ยินในสิ่งที่น้าหนิงพูดแล้ว น้าหนิงบอกว่าไม่อย่าให้เธอเรียนตก ถ้าเธอไม่ทำการบ้านเดียวเธอก็เรียนตกหรอก
อย่างงี้ดีไหม พวกเราทำด้วยกัน ฉันจะเขียนคำตอบลงบนกระดาษ ส่วนเธอเขียนไว้ในสมุดการบ้าน อย่างงี้ก็โอเคแล้ว
เธอฉลาดขนาดนี้ จะต้องทำได้อย่างแน่นอน "
ลู่อันหรานมองท่าทางที่จริงจังของไป๋ซินหราน ในใจมีเพียงความคิดเดียว : สิ่งที่เธอพูดนั้นสมเหตุสมผลดี ทำให้เขาพูดไม่ออก ...
“ งั้นก็ได้……”
ลู่อันหรานถูกท่าทางที่จริงจังของไป๋ซินหรานจับตามอง ทำให้ลู่อันหรานรู้สึกกดดันไม่น้อย แต่ถ้าเขาปฏิเสธ ก็จะดูเหมือนว่าเขานั้นโง่ สุดท้ายเขาก็เลยต้องเอาสมุดการบ้านกลับมา
ทั้งสองคนนั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ ต่างคนต่างเขียนคำตอบของตัวเอง จะพูดคุยกันเป็นครั้งคราว
หลังจากที่เวินหนิงออกมาจากห้องของลู่อันหราน เธอก็โทรไปหาเย่ซือเยวี่อีกครั้งเพื่อถามถึงอาการของเธอ
เพราะกลับมา ก็เห็นว่าไป๋ซินหรานไม่อยู่แล้ว
หลังจากมองไปหา ก็พบว่าเด็กทั้งสองคนนั่งอยู่ด้วยกัน ในมือมีสมุดอย่างกับกำลังเขียนอะไรบางอย่าง อย่างจริงจัง เธอก็อดยิ้มอย่างรู้ทันไม่ได้
จะทำอย่างไรดีจู่ๆเธอก็รู้สึกไม่อยากให้เด็กผู้หญิงต้องจากไป เพราะการที่ลู่อันหรานจะทำการบ้านนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
เวินหนิงอดยิ้มอย่างมีความสุข และไม่เข้าไปรบกวนการทำการบ้านของเด็กทั้งสองคน แล้วเดินกลับไปที่ห้องของเธออย่างเงียบ ๆ
พอดีเลยว่า เธอจะต้องติดต่อคน เพื่อไปสืบหาเรื่องของแม่ไป๋ซินหราน
...
เช้าวันรุ่งขึ้น
ลู่อันหรานลุกขึ้นจากเตียงนอน แล้วยืดแข้งยืดขาเล็กน้อย
เมื่อวานทำการบ้านจนถึงเกือบจะสี่ทุ่ม ทำให้เขาเหนือยไม่น้อย ยังดีที่การบ้านที่เอาบ้านมาทำเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก