นายท่านลู่ไม่เคยเสียใจที่ตอนนั้นตัดสินใจพาเวินหนิงออกมา ไม่ว่าลู่จิ้นยวนจะฟื้นขึ้นมาเอง หรือเพราะดวงชะตาของเธอช่วยก็ตาม
เพื่อเห็นแก่เรื่องที่เธอสามารถทำให้ลู่จิ้นยวนฟื้นคืนมาได้ ต่อไปเขาก็จะไม่ทำให้เธอต้องลำบากใจอีก พอถึงเวลาที่เธอต้องไป เขาก็จะให้เงินเธอก้อนหนึ่ง และหางานตำแหน่งทั้วไปให้เธอทำสักงาน
แต่เขาจะไม่ยอมให้ผู้หญิงแบบนี้มาเกี่ยวพันธ์กับทายาทที่เขาเฝ้าดูแลมากว่ายี่สิบกว่าปีเด็ดขาด
"จิ้นยวน ฉันก็เหมือนไม้ใกล้ฝั่ง มีเวลาเหลือไม่มากแล้ว แต่เธอยังเป็นพระอาทิตย์ที่เพิ่งจะขึ้นจากขอบฟ้า ต่อไปบริษัทฯในเครือตระกูลลู่คงต้องฝากให้เธอดูแลต่อแล้ว อย่าทำให้ฉันผิดหวังนะ"
นายท่านลู่พูดขึ้นอีกโดยไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร "ตอนนี้สภาพเธอก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆแล้ว เห็นว่าเยียนหรานเองก็จะเรียนจบเร็วๆนี้ ยังไงก็หาเวลาไปทำเรื่องหย่าให้เรียบร้อยนะ ปล่อยให้เวินหนิงอยู่ในบ้านไปแบบนี้ต่อไปก็คงไม่ดีนัก"
ลู่จิ้นยวนไม่ได้พูดอะไร ทั้งๆที่เรื่องหย่าเป็นสิ่งที่เขาเคยต้องการมากที่สุด เคยถึงขนาดพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เวินหนิงยอมหย่าให้ แต่ตอนนี้.......
มาตอนนี้นายท่านลู่ยินยอมให้หย่าแล้ว แต่เขากลับรู้สึกไม่มีความสุขอย่างที่คิด
"ผมเข้าใจสิ่งที่ท่านพูดแล้วครับ" ลู่จิ้นยวนพยักหน้ารับ
นายท่านลู่มองเขาแวบหนึ่ง ไม่ได้บีบบังคับให้เขาต้องตัดสินใจอะไร ลู่จิ้นยวนเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง ถ้าโดนบังคับมากๆอาจจะต่อต้านขึ้นมาก็ได้
.........
ชีวิตยังคงเดินไปอย่างปกติสุขทุกวัน
อาจเป็นเพราะคำพูดของเวินหนิงครั้งก่อน ทำให้คนในบ้านตระกูลเวินไม่ได้มาตอแยอะไรเธออีก ทำให้ชีวิตและการทำงานในช่วงนี้ดูราบลื่นไม่น้อย
การตามอันเฉินไปเรียนรู้สิ่งใหม่ๆที่เธอไม่รู้ ก็ทำให้เวินหนิงพบกับความรู้สึกอิ่มใจที่ไม่ได้สัมผัสมานาน
ถ้าต่อไปมีความรู้ความสามารถพอที่จะเพิ่งตัวเองได้ ต่อไปเธอก็จะสามารถเลี้ยงดูตัวเองและแม่ได้ โดยไม่ต้องคอยดูสีหน้าคนอื่นอีกต่อไป
"เวินหนิง คุณมานี่หน่อย" อันเฉินเรียกหาเธอ ขณะที่เวินหนิงกำลังดูตารางบนหน้าคอมฯที่เขาเพิ่งสอนเธอไป "ผมมีเรื่องจะรบกวนคุณหน่อย"
เย็นวันนี้ลู่จิ้นยวนจะไปร่วมงานเลี้ยงงานหนึ่ง บอกว่าเป็นงานเลี้ยง แต่จริงๆแล้วเป็นการจัดประชุมพูดคุยในรูปแบบของงานเลี้ยงมากกว่า
ลู่จิ้นยวนเองก็มีแผนงานโปรเจกต์ที่ทำกำลังทำอยู่จะนำเสนอพูดคุยในงานนี้ด้วย อันเฉินเพิ่งเห็นว่าเขาลืมของสำคัญไว้ชุดหนึ่ง และตอนนี้อันเฉินเองก็ติดงานไปไหนไม่ได้ เลยต้องขอให้เวินหนิงช่วยนำไปให้แทน
เวินหนิงฟังแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่พอนึกถึงภาพงานเลี้ยงที่มีแต่สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีที่มีหน้ามีมีตารวมตัวกันอยู่ เธอก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย
ก็ไม่ใช่ว่าเวินหนิงจะไม่เคยไปมาก่อน แต่หลังจากที่โดนเวินหลานคิดร้ายมาหลายต่อหลายครั้ง ทำให้ทุกครั้งที่เธออยู่ต่อหน้าผู้คน ก็จะโดนจ้องมองด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรตลอด นานวันเข้าเธอก็เลือกที่จะไม่ไปร่วมงานเลี้ยงอะไรอีก
นี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เธอมีเพื่อนค่อนข้างน้อย นอกจากไป๋อี้อันที่เป็นเพื่อนตั้งแต่เด็กแล้ว เธอก็แทบจะไม่มีเพื่อนที่ไหนอีก
"ฉันอาจจะทำไม่ได้หรือเปล่าคะ? เดี๋ยวงานคุณเสียหายได้" เวินหนิงลังเล
"เรื่องเล็กแค่นี้เธอกลัวอะไร? เธอบอกว่าอยากเป็นหญิงแกร่งที่ทำงานเลี้ยงดูตัวเองได้ งั้นก็ต้องกล้าที่จะเริ่มก้าว "อันเฉินให้กำลังใจเธอด้วยการตบไหล่เธอเบาๆ
เวินหนิงพยักหน้ารับ เขาพูดถูก ถ้ายังเอาแต่หลบอยู่ในโลกใบเล็กของตัวเอง เธอก็ไม่มีวันที่จะไปได้ไกลกว่านี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก