จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 1068

“แน่นอนว่าไม่มี ข้าดีเลิศเพียงนี้สตรีธรรมดาไม่คู่ควรกับข้าดอก ต่อไปข้าจะต้องหาสตรีที่งดงาม เฉลียวฉลาด กล้าหาญองอาจอย่างท่านแม่แน่นอน” จวินเสี่ยวเทียนอธิบาย

คำพูดนี้หยุนถิงฟังแล้วชอบใจนัก “ลูกชายข้านี่ตามีแววจริงๆ แต่ว่าเสวี่ยเอ๋อร์ที่รักนี่ใครกัน?”

“มันเป็นนกตัวน้อยที่ข้าบังเอิญช่วยไว้ ท่านปู่หมอยมบาลบอกว่ามันเป็นตัวเมีย ขนของมันขาวละเอียดดุจหิมะ ข้าเลยตั้งชื่อให้มันว่าเสวี่ยเอ๋อร์

ท่านอย่าเห็นเสวี่ยเอ๋อร์ตัวเล็ก มันฉลาดมากนะ จะบินมาหาข้าทุกๆสามสี่วัน ระยะนี้อาจารย์สอนโคลงกลอนพวกนี้ให้ข้า ข้าเลยเขียนตอนคัดอักษร

แต่อาจารย์บอกว่าแค่เขียน จะไม่รู้ซึ้งความหมายของโคลง ดังนั้นเลยให้พวกข้าคิดถึงคนที่อยากเจอที่สุดไปด้วย

ข้าได้เจอท่านพ่อ ท่านแม่และน้องหญิงทุกวัน ไม่เหมาะ มีเพียงผู้เดียวที่ไม่ได้เจอคือเสวี่ยเอ๋อร์ ดังนั้นข้าเลยเขียนชื่อเสวี่ยเอ๋อร์” จวินเสี่ยวเทียนตอบ

หยุนถิงมุมปากกระตุก เจ้าเด็กบ้านี่เกือบทำข้ากับพ่อเจ้าหย่าร้างแล้วไหมล่ะ แต่นางไม่มีทางพูดออกมากับลูกๆหรอก นางเลยชมออกมาว่า “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง ลูกชายข้านี่ฉลาดนัก วิธีเช่นนี้ยังคิดออกมาได้”

“ซื่อจื่อน้อย ซื่อจื่อเฟยเป็นหนึ่งไม่มีสองในใต้หล้า หากต่อไปท่านหาสตรีเช่นนางมิได้เล่า?” หลงเอ้อร์ทนไม่ไหวถามออกมา

“หากหาไม่เจอ ข้ายอมไม่แต่งงานชั่วชีวิต!” ใบหน้าน้อยๆของจวินเสี่ยวเทียนเข้มงวดนัก

“มีอุดมการณ์ดี!” หยุนถิงภูมิใจนัก

จวินหย่วนโยวเองก็ชื่นชมนัก “ต่อไปหากเจ้าจะหา ต้องหาเหมือนข้ากับท่านแม่เจ้านะ อยู่ครองคู่กันไปแค่สองคนตลอดชีวิต”

รั่วจิ่งลังเลชั่วครู่ สุดท้ายโพล่งออกมาว่า “ซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟย หากซื่อจื่อน้อยไม่เจอสตรีที่ชอบ มิต้องโดดเดี่ยวเดียวดายไปตลอดชีวิตรึ งั้นกิจการมากมายของจวนซื่อจื่อที่ท่านทั้งสองมีมิเท่ากับไม่มีผู้สืบทอดรึ!”

หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวถลึงตามองรั่วจิ่งพร้อมกัน “ปากเสีย!”

“เหลวไหล!”

รั่วจิ่งตกใจหดคอย่น ยื่นมือออกมาตบปากตน แน่นอนเขาแค่ทำไปอย่างนั้นเอง ไม่ได้ออกแรงเต็มที่จริงๆ

“ดูปากข้าสิ พูดจาไม่เป็นเล้ย ซื่อจื่อน้อยของเราหน้าตาหล่อเหลาอย่างนี้ เฉลียวฉลาดมองการณ์ไกล ต่อไปสตรีที่จะมาตามชอบซื่อจื่อน้อยต้องต่อแถวยาวจากแคว้นต้าเยียนไปจนถึงแคว้นชางเยว่แน่ ให้ท่านเลือกได้ตามสบายเลย”

จวินเสี่ยวเทียนมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่เหมือนมองคนปัญญาอ่อน เขาเหล่เห็นท่านน้าหลันซานที่เดินเข้าจากข้างหลัง พูดขึ้นทันทีว่า “ข้าได้ยินองครักษ์ลับบอกว่า เมื่อวานตอนเจ้าไปเดินตลาด จงใจชนกับสตรีนางหนึ่ง และแต๊ะอั๋งเขา?”

รั่วจิ่งสีหน้าทะมึนทันที “ซื่อจื่อน้อยท่านอย่าปรักปรำข้าสิ”

“สตรีนางนั้นโดนแขนเสื้อเจ้าหรือไม่?” จวินเสี่ยวเทียนย้อนถามกลับ

รั่วจิ่งมุมปากกระตุก “เรื่องนี้ท่านก็รู้ด้วยรึ?”

คำพูดเดียวเท่ากับยอมรับแล้ว

“รั่วจิ่ง เจ้าพูดมาให้ชัดเจนเลยนะ!” ได้ยินหลันซานแผดเสียงด้วยความโกรธจากด้านหลังทันที

รั่วจิ่งตัวสั่นเทา รีบหันไปอธิบายทันที “หลันซาน เจ้าอย่าฟังซื่อจื่อน้อยพูดเหลวไหลนะ สตรีคนนั้นนางยืนไม่มั่นคง จู่ๆก็สะดุดล้ม ไม่ทันระวังมาโดนแขนเสื้อข้าพอดีเท่านั้นเอง

แต่เจ้าวางใจเถอะนะ ข้าไม่ได้แต๊ะอั๋งสตรีผู้นั้นเลยแม้แต่นิดเดียว และไม่ได้ทำอะไรนางเลยด้วย เพราะข้าไม่ได้พยุงนาง และผละตัวจากไปเลย

อีกทั้งตอนกลับมา ข้าก็ทิ้งเสื้อผ้าชุดนั้นไปเลย เสื้อผ้าที่สตรีอื่นมาแตะต้อง ข้าไม่ใส่มันอีกอยู่แล้ว ข้าไม่มีทางทำเรื่องผิดต่อเจ้าแน่นอน”

หลันซานไม่สนใจเขา หันไปถามจวินเสี่ยวเทียนว่า “ซื่อจื่อน้อย เขาพูดความจริงหรือไม่?”

ปกติรั่วจิ่งชอบแกล้งเขานัก ครั้งนี้จวินเสี่ยวเทียนก็อยากแกล้งรั่วจิ่งเหมือนกัน แต่พอเห็นท่านน้าหลันซานยืนแบกท้องโตแล้ว จวินเสี่ยวเทียนจำได้ ท่านแม่เคยบอกว่า การโกรธไม่ดีกับคนท้องที่สุด

“ท่านน้าหลันซาน เขาพูดจริงนะ เขาไม่ได้สนใจสตรีคนนั้นจริงๆ เมื่อครู่ข้าแกล้งพูดไปอย่างนั้นเอง ใครให้เขาชอบแกล้งข้าล่ะ ท่านอย่าโกรธเลยนะ อย่าเก็บไปใส่ใจด้วย ไม่อย่างนั้นจะไม่ดีกับลูกในท้องนะ”

หลันซานซาบซึ้งนัก “ซื่อจื่อน้อยช่างรู้ความว่าง่ายจริงๆ ท่านพูดแล้วดังนั้นข้าเชื่อ วางใจเถอะ ข้าจะไม่โกรธ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ