สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในโลก ก็คือการแกล้งป่วยทั้งที่ไม่ได้ป่วย โดยการใช้กลอุบายของมิจฉาชีพ
เวลานี้คุณต้องใจเย็นๆ แล้วตั้งสติ เมื่อใดที่เราขาดสติ มันอาจทำให้ทุกคนในงานโกรธมากขึ้น ถึงเวลานั้นคิดจะแก้ไขคงยาก
ในที่เกิดเหตุ
เห็นเพียงผู้หญิงที่นั่งอยู่บนพื้นร้องไห้หนักมาก น้ำตาของเธอไหลรินลงมา ซึ่งบอกได้เลยว่าทักษะการแสดงของเธอดีมาก ทำให้ผู้คนที่ผ่านไปมารู้สึกเสียใจไปด้วย
มีคุณลุงคุณป้าใจดีเข้ามาปลอบเธอและยื่นทิชชูเปียกให้เธอ
และผู้หญิงคนนั้นก็ด่าไปเช็ดน้ำตาไป “ไอ้สารเลวบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งเล่อ แกเอาผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีคุณภาพมาหลอกให้ทุกคนใช้ ทำให้ลูกสาวฉันหมดสติไป แกกับฉันไม่จบกันง่ายๆ แน่นอน!”
เมษเดินเข้ามาถามว่า “คุณป้าครับ คุณแน่ใจหรือว่าลูกสาวของคุณเป็นลมหลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา?”
“แน่นอนน่ะสิ! ลูกสาวฉันสุภาพดีจะตาย เธอไม่มีโรคอะไร แต่หลังจากที่ใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ของพวกแก เธอก็บอกฉันว่าเธอรู้สึกไม่ค่อยสบาย แล้วก็เป็นลมหมดสติไป ไม่ใช่เพราะผลิตภัณฑ์ของพวกแกมีปัญหา แล้วจะเป็นอะไรไปได้อีก?”
เมษถามอีกว่า “แต่ทำไมคนอื่นใช้แล้วไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลยครับ? อีกอย่าง.....”
เขายังไม่ทันพูดจบ ผู้หญิงคนนั้นก็ด่าขึ้นว่า “นี่แกหมายความว่ายังไง? นี่ลูกสาวฉันล้มนอนอยู่บนพื้นแล้วนะ แกยังจะมาเถียงกันอยู่? ทุกคนช่วยออกความเห็นหน่อย ลูกสาวฉันถูกทำร้ายขนาดนี้ แต่ฉันพูดอะไรไม่ได้แม้แต่คำเดียวเหรอ? รังแกลูกค้ากันชัดๆ ประชาชนตัวเล็กๆ อย่างพวกเราอยู่ยากขึ้นแล้วจริง!”
การแสดงนี้บอกได้เลยว่าดีมาก
ผู้หญิงคนนั้นทำตัวอ่อนแอน่าสงสาร ทำให้ทุกคนเห็นอกเห็นใจเธออย่างที่ตั้งเป้าไว้
ขณะที่ฝูงชนไม่ได้ใส่ใจ ผู้หญิงคนนั้นเธอแอบยิ้มออกมาด้วยความน่าสมเพช
ชั่วขณะหนึ่งฝูงชนก็โกรธจัด
ทุกคนต่างเห็นใจผู้ที่อ่อนแอกว่า และออกมากล่าวหาบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งเล่อว่ารังแกคนอ่อนแอ
“ผลิตภัณฑ์ของพวกคุณมันมีปัญหา แค่ออกมารับผิดชอบหน่อย มันยากมากนักเหรอ?”
“ถุ๊ย! ยังอ้างตัวเป็นบริษัทชั้นนำ เกิดปัญหาขึ้นมาก็หนี นี่มันอะไรกันว่ะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบท้าโลก
บทที่ 1 2 3 หาย...