หลังจากนั้นไม่นาน ทุกคนก็ออกมาจากที่นั่งพิเศษนั้น พร้อมกับยืนเรียงแถวกันทีละคน มองออกไปประตู
ที่ประตูมีคนเข้าออกเรื่อยๆ แต่ไม่มีใครมองเห็นแม้แต่เงาของหลิงเหยา
ผู้คนยืนอยู่ตรงนั้นเป็นเวลากว่าห้านาทีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววของอะไรเลย
สวีชงถามด้วยรอยยิ้มว่า “เจียงชื่อ หลิงเหยาล่ะ?”
เจียงชื่อตอบกลับอย่างใจเย็น “ตอนกลางคืนรถเยอะ ผมเดาว่าน่าจะอีกสักพัก”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว นายยังจะพูดมั่วซั่วอยู่อีกเหรอ?เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าหน้านายหนาขนาดนี้ ลุงติงครับ ผมขอแนะนำอะไรบางอย่างได้ไหมครับ ท่านจะต้องคิดดีๆนะครับ ว่าควรไม่ควรเปลี่ยนลูกเขย เมิ่งเหยนเป็นหญิงที่ดีขนาดนี้ มาแต่งงานกับคนปากไวแบบนี้ ก็มีแต่เสียเปล่า!”
เมื่อพูดจบ สวีชงก็เดินผลักเตรียมเข้าไปในที่นั่งทานอาหารพิเศษ ไม่สนใจเจียงชื่ออีกต่อไป
ณ ขณะนั้นเอง
ทันใดนั้น ผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกันที่ประตู เสียงดัง ผู้คนมากมายต่างล้อมเอาไว้
รปภ. ล้อมวงกันไม่ให้คนเดินผ่านไปมา จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ปูพรมแดงลงไปด้านล่างจนถึงเวที
ทันใดนั้น ก็มีเสียงร้องดังเข้ามาในโรงแรม
“อ๊าย~~!!!หลิงเหยา!!! ”
“หลิงเหยา หลิงเหยา หลิงเหยา!”
“หลิงเหยา ผมรักคุณ มองผมหน่อยครับ~~!!!”
มีเสียงร้องมากมายบนถนน หลายคนอยากที่จะเข้าไปด้วยความตื่นเต้น
ขณะที่สวีชงเตรียมกำลังจะไป หลังจากได้ยินเสียงกรีดร้องเหล่านี้ เขามองย้อนกลับไปด้วยความประหลาดใจ
เห็นกลุ่ม รปภ. ยืนเป็นวงกลม พาหญิงสาวไปที่ประตูโรงแรม จากนั้นเหยียบพรมแดง แล้วเดินไปที่เวที
สวีชงเห็นมันจริงๆ ถ้าไม่ใช่หลิงเหยาแล้วจะเป็นใครไปได้ล่ะ?
เมื่อไม่กี่วันก่อน เขาเพิ่งมีงานกิจกรรมกับหลิงเหยาที่ไปเป็นแขกรับเชิญ ดังนั้นเขาจึงคุ้นเคยกับหลิงเหยาเป็นอย่างมาก
“หลิงหยาจริงๆเหรอ?”
ทุกๆคนที่อยู่ตรงนั้นต่างอ้าปากค้าง ต่างรู้สึกเหลือเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบท้าโลก
บทที่ 1 2 3 หาย...