จากนั้นเสียงเพลงก็ดังขึ้นบนโต๊ะอาหาร
หวางจื้อหรงฟังอย่างมีความสุข จากนั้นเขาก็เลือกเพลง ‘หิมะรอบสุดท้ายในปี 2002’ ‘หนูรักข้าวสาร’ และเพลง ‘ขอพรกับพระพุทธเจ้า’ เพื่อรำลึกถึงช่วงเวลาที่ดีในสมัยหนุ่มของเขา
ส่วนครอบครัวตระกูลติงได้แต่นั่งดูตระกูลหวางเสแสร้งอย่างทำตัวไม่ถูก
จากนั้นสวีชงจงใจพูดกับติงเมิ่งเหยนว่า "จริงด้วยสิเมิ่งเหยน ถึงแม้เจียงชื่อทำโอทีอยู่ แต่เนื่องในวันสำคัญแบบนี้ เขาควรให้ของขวัญกับคุณหรือคุณลุงเพื่อแสดงความรักบ้างนะ? เงียบหายไปแบบนี้มันใช่เหรอ?"
เอิ่ม......
จากนั้นติงเมิ่งเหยนเริ่มเงียบอีกครั้ง
เจียงชื่อ ไม่เคยเตรียมอะไรให้เธอจริงๆ ไม่ต้องพูดถึงของขวัญพิเศษหรอก แม้แต่ช่อดอกไม้สักช่อยังไม่เคยมีเลย
ติงฉี่ซานจ้องเขม็ง จากนั้นหยิบรีโหมดขึ้นมาเปิดทีวีแล้วเปิดเสียงให้ดังที่สุด
"พอแล้ว พอแล้ว ไม่ต้องฟังวิทยุแล้ว"
"มาดูทีวีกันดีกว่า"
"คืนนี้มีคอนเสิร์ตวันส่งท้ายปีเก่านะ มาฟังนักร้องชื่อดังร้องเพลงกันไม่ดีกว่าเหรอ?"
ระหว่างอี้โม่เอนเตอร์เทนเมนต์กับบริษัทบันเทิงและวัฒนธรรมผ้าข้อง พวกเขาเลือกที่จะดูช่องของอี้โม่เอนเตอร์เทนเมนต์ไม่ได้เป็นเพราะพวกเขาชอบอี้โม่เอนเตอร์เทนเมนต์ แต่พวกเขารู้จักนักร้องทุกคนของอี้โม่เอนเตอร์เทนเมนต์มากกว่า
เด็กใหม่ของบริษัทบันเทิงและวัฒนธรรมผ้าข้องมีแค่ไม่กี่เท่านั้นที่รู้จักพวกเขา
ในขณะที่ดูรายการอยู่ เสียงโทรศัพท์ของติงเมิ่งเหยนก็ดังขึ้น
กริ๊งงงง......
กริ๊งงงง......
ติงเมิ่งเหยนเหลือบมองไปที่โทรศัพท์และเห็นเป็นสายโทรจากเจียงชื่อ
โทรมาทำไมในเวลานี้?
ติงเมิ่งเหยนรู้สึกดีใจและรู้สึกเศร้าใจในขณะเดียวกัน สิ่งที่เธอดีใจก็คือเจียงชื่อยังคิดถึงเธออยู่ แต่สิ่งที่เธอเศร้าใจนั้นก็คือเจียงชื่อไม่ได้มาหาเธอเลย
สวีชงก็เห็นว่าเป็นสายโทรเข้าจากเจียงชื่อ เขาจึงหัวเราะอย่างร่าเริงและพูดว่า "ไอ้หมอนี่ยังมีหน้าโทรมาอีกเหรอ เมิ่งเหยน คุณถามเขาสิว่าคืนนี้ไปหลอกใครที่ไหนอีก?"
ติงเมิ่งเหยนถอนหายใจแล้วเอื้อมมือไปรับโทรศัพท์
"ฮัลโหล เมิ่งเหยน ฟังอยู่ไหม?"
"อยู่"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบท้าโลก
บทที่ 1 2 3 หาย...