บทที่2 เป็นพ่อคนแล้ว
อะไรนะ!
ฮัวจิ่นถิงโกรธจนตัวสั่น ยกมือข้างขวาขึ้นเตรียมจะตบลงไป
“หึ!จะตบฉันหรอ?ฮัวจิ่นถิง แกกล้าหรอห้ะ?เดี๋ยวกูจะเอาหน้าวางไว้ดีๆ แกจะกล้าตบไหม?ตบนี้ฟาดลงมา แกจะต้องเสียอะไรไปบ้าง แกไม่รู้ตัวเองรึไงห้ะ?”
ในที่สุด ฮัวจิ่นถิงวางมือลง ไม่ได้ทำเพื่อคำสัญญาที่ได้ให้ไว้กับคุณปู่ที่ว่าจะใช้วิธีปืนใหญ่เคลือบน้ำตาล(เป็นการเปรียบเปรยถึงการใช้วิธีประนีประนอมดึงคนเข้าพวก)แต่ทำเพื่ออีอีลูกสาวของตนเอง เธอจำเป็นต้องอดทนไว้
ทันใดนั้น ม่านน้ำตาก็ครอบคลุมไปทั่วทั้งดวงตา
เพี๊ยะ!
ในตอนที่ฮัวว่านถงกำลังจะพูดต่อด้วยความได้ใจนั้น ใบหน้าของเขาก็เกิดเจ็บปวดแสบร้อนขึ้นมาทันที เขาหันกลับไปมองฉู่เทียนเจียง
“กะ……แกกล้าตบฉันหรอ?”
“ขอโทษเมียฉันเดี๋ยวนี้”
ใบหน้าของฉู่เทียนเจียงไร้ซึ่งความรู้สึก ราวกับหุ่นยนต์ก็ไม่ปาน เขาเห็นฮัวว่านถงที่กำลังจะโถมตัวเข้ามา มือขวาของเขาก็สะบัดออกไปอีกครั้ง
เพี๊ยะ!
เสียงตบดังกังวานขึ้นที่กกหูของเขา ฮัวว่านถงโดนตบจนหมุนตัวไปหนึ่งรอบแล้วล้มลงกองกับพื้นทันที
“ขอโทษเดี๋ยวนี้!”
ค่อยๆยันตัว แล้วมองฮัวว่านถงที่ล้มอยู่ตรงพื้นด้วยสายตามองจากที่สูง เสียงของฉู่เทียนเจียงเหมือนเสียงเรียกจากนรก ราวกับทั่วทั้งงานเลี้ยงตกอยู่ในอุโมงค์ที่เก็บน้ำแข็ง
คนที่เป็นสามีถูกเลือกโดยฮัวจิ่นถิง ถึงกับตกใจจนเผ่นแนบหนีหายไปทันที
มองดูฉู่เทียนเจียง ฮัวว่านถงกลัวมาก ใบหน้าของเขาค่อยๆบวมขึ้น รู้ว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา จึงกัดฟันกรอด
“ถิงถิง ขะ……ขอโทษนะ”
“ไสหัวไปซะ!”
หลังจากที่วิ่งส่ายไปมาจนถึงประตู ในที่สุดฮัวว่านถงก็ได้สบถระบายออกมา
“แม่งเอ้ย พวกมึงรอก่อนเถอะ ฉู่เทียนเจียง อย่าคิดว่าเข้ากองทัพแล้วมีกำลังหน่อยจะทำอะไรก็ได้นะ กูจะให้มึงคุกเข่าสำนึกผิดต่อหน้ากูให้ได้”
เขาไม่สนใจตัวตลกแบบนั้น มองดูฮัวจิ่นถิงที่กำลังจะเปิดปากพูด นิ้วชี้ข้างขวาของฉู่เทียนเจียงก็พาดไปที่ริมฝีปากนั้นทันที
“เมียจ๋า เรื่องทุกอย่างเรากลับบ้านไปค่อยพูดกันเถอะนะครับ”
ฮัวจิ่นถิงพักอาศัยอยู่ในย่านเล็กๆของชานเมืองในเมืองหนิง ถึงแม้จะเป็นคฤหาสน์ที่มีพื้นที่สองร้อยตารางเมตร แต่คนพักอาศัยอยู่กลับมีน้อยกว่าสิบเปอร์เซ็นต์ สามารถคิดได้เลยว่าบ้านหลังนี้ราคาต่ำขนาดไหน
หลังจากผ่านไปสองชั่วโมง ในบ้านมีเพียงรถออดี้รุ่นA4Lหนึ่งคันจอดอยู่บริเวณสวนหน้าประตูบ้าน
กลับมาถึงบ้านที่จากมาแล้วถึงสี่ปี ในใจของฉู่เทียนเจียงนิ่งสงบดุจดั่งสายน้ำ สิ่งที่ควรค่าแก่การคิดถึงที่นี่เพียงสิ่งเดียว นั่นก็คือฮัวจิ่นถิงภรรยาของเขา
“คุณพ่อคุณแม่คะ เลือกเสร็จเรียบร้อยแล้วหรอคะ?ครั้งนี้พี่สาวของหนู……”
ในตอนที่กำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่นั้นก็มีลมพัดโชยกลิ่นหอมเตะจมูกผ่านไป ฉู่เทียนเจียงก้มหัวลงเล็กน้อย
“เมิ่งหยวน”
ฮัวเมิ่งหยวน ผู้เป็นน้องสาวของฮัวจิ่นถิงถึงกับตกตะลึงจนอ้าปากค้างยืนหยุดนิ่งอยู่กับที่ มองดูฉู่เทียนเจียงอย่างคาดไม่ถึง
จนกระทั่งคนที่อยู่ด้านหลังเดินตามเข้ามา เธอถึงพึ่งรู้สึกตัว นิ้วของเธอชี้ขึ้นอย่างตกใจ พลางพูดอย่างเกินจริง
“พระเจ้าช่วย!ฉู่เทียงเจียงเนี่ยนะ เขา……พี่ เขามีชีวิตกลับมาได้?ไม่ได้ตายอยู่ในสนามรบ?”
พอได้ยินน้องสาวพูดแบบนี้ออกมา ฮัวจิ่นถิงขมวดคิ้วเป็นปม ถึงแม้เธอจะไม่พอใจที่ฉู่เทียนเจียงจากไปเป็นเวลาถึงสี่ปี ในใจยังคงไม่ให้อภัย แต่ก็ไม่สมควรที่จะมาสาปแช่งแบบนี้
“หยวนหยวน ยังไงเขาก็เป็นพี่เขยของเธอ ระวังคำพูดของตัวเองด้วย”
ฮัวเมิ่งหยวนยิ้มแหยๆ และใช้สองมือเขาไปคล้องแขนของเธอไว้ แล้วมองไปที่ฉู่เทียนเจียงอย่างเย้ยหยัน มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า
“พี่เขย?พี่อย่าล้อเล่นไปหน่อยเลย สวะอย่างเขาเนี่ยนะ นายคิดว่าเข้ากองทัพไปสี่ปีจะสามารถเปลี่ยนอะไรไปได้งั้นเหรอ?อย่าฝันไปหน่อยเลย หึๆ”เธอหัวเราะอย่างเย็นชา ทันใดนั้นฮัวเมิ่งหยวนก็คิดอะไรสนุกๆออกจึงพูดขึ้นมาอีกว่า
“ทำไม?ไม่พอใจงั้นหรอ?ถ้านายเป็นลูกผู้ชายจริงๆล่ะก็ ไปเอาลูกสาวที่ถูกเอาไปห้างประมูลกลับมาให้ได้สิ”
พอคำพูดนี้ถูกพูดออกไป ฮัวจิ่นถิงทั้งสามก็ตกใจจนหน้าถอดสี อย่างไรเสียพวกเขาก็ยังไม่ได้บอกการมีตัวตนอยู่ของอีอีให้กับฉู่เทียนเจียงได้รับรู้
“ลูกสาว……ของฉัน?”
ฉู่เทียนเจียงขยับคอเล็กน้อย ในสมองของเขาสับสนวุ่นวายไปหมด
“ห้ะ!พี่ไม่ได้บอกเขาเรื่องนี้หรอกเหรอคะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมยุทธ์กบฏโลก