บทที่ 29
“แล้วมึงเป็นใคร มาเกี่ยวอะไรด้วย” อันธพาลสองคนหันมาพูดด้วยน้ำเสียงยียวน แน่นอนว่าเพราะแสงสลัวๆ ภายในผับนั้นมันไม่เพียงพอให้เห็นใบหน้าทุกคนชัดเจน อีกทั้งพวกมันก็ไม่ได้ใส่ใจที่จะมอง จุดประสงค์เดียวคือแค่มาหาเรื่อง
ทั้งที่ตอนแรกพวกมันก็มาเที่ยวตามปกติ แต่พอหันไปเห็นมีนาอยู่บนเวที จึงรีบส่งรูปไปให้เพื่อนดู และเพื่อนก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นผู้ชายที่มีนามักเรียกว่า…ไอ้สารเลว แล้วสารเลวคนนั้นก็ดันมอบหมายให้เพื่อนทั้งสองตามป่วนคนบนเวทีให้ถึงที่สุด โดยมีค่าตอบแทนที่น่าดึงดูดใจพอสมควร
“กูก็เป็นเจ้าของผับที่มึงยืนอยู่ตอนนี้ไง” เพลิงบอกเสียงเรียบ แต่นัยน์ตาดุกร้าวโดยที่อีกฝ่ายไม่มีโอกาสได้เห็น
“เจ้าของผับแล้วไง มึงคิดว่ากูกลัวเหรอ กะอีแค่ผับกระจอกๆ กูจะให้เพื่อนกูสั่งปิดเมื่อไหร่ก็ได้ มึงคงไม่รู้สินะว่าเพื่อนกูลูกใคร ท่านรัฐมนตรีแดนไตรน่ะ รู้จักไหม” มันเอาชื่อพ่อเพื่อนมาขู่อย่างที่ชอบทำเสมอๆ
“งั้นเชิญคุณเพื่อนของลูกรัฐมนตรีไปคุยกันที่ห้องวีไอพีหน่อยได้ไหมล่ะ” เพลิงบอกเสียงเรียบ ในขณะที่ทั้งสองคนหันมามองหน้ากัน แล้วก็พากันหัวเราะชอบใจเมื่อวิธีนี้ยังใช้ได้ผลดี
“ฮ่าๆๆ นึกว่าจะแน่ แบบนี้ค่อยคุยกันง่ายหน่อย แต่บอกไว้ก่อนนะเว้ยว่าพวกฉันรับคำขอโทษเป็นเงินสด หรือไม่ก็เมมเบอร์ที่นี่ยาวๆ สักปีหนึ่งเป็นไง” เพลิงไม่ได้ตอบ แต่เลือกที่จะเดินนำทั้งสองออกไป ในขณะที่เจตต์ซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลก็รีบหันไปพยักหน้าให้คนที่อยู่บนเวที ก่อนจะเดินตามเจ้าของผับไปด้วยอีกคน
“เมื่อกี้มึงสองตัวบอกจะรับคำขอโทษเป็นเงินสดใช่ไหม แต่เผอิญกูชอบจ่ายเป็นตีนมากกว่าว่ะ” ทันทีที่เข้ามา ไฟในห้องวีไอพีก็สว่างโร่ พร้อมกับเจ้าของห้องที่ค่อยๆ หันมา
“เฮ้ย! พูดงี้มึงอยาก…” หนึ่งในสองคนตั้งท่าจะขู่ แต่พอได้เห็นหน้าเจ้าของผับชัดๆ ก็ถึงกับกร่างไม่ออก มิหนำซ้ำแข้งขาก็ยังไร้เรี่ยวแรงจนยืนไม่อยู่ คุกเข่าลงไปกับพื้น แทบไม่เหลือคราบของนักเลงคนก่อนหน้า
“มึงบ้าไปแล้วรึไง ไปคุกเข่าให้มันทำไม พวกมันสิวะที่ต้องคุกเข่าให้เรา กะอีแค่คนเยอะกว่า มึงจะปอดแหกทำไม อย่าลืมสิ! เรามีท่านแดนไตรกับไอ้ตฤณค่อยช่วย พวกมันไม่กล้าทำอะไรหรอก” เพราะเพิ่งสังเกตว่าภายในห้องรายล้อมไปด้วยชายชุดดำที่ยืนทำหน้าถมึงทึงอยู่ จึงคิดว่าเพื่อนอาจจะกลัว คนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรจึงพยายามจะดึงเพื่อนให้ลุกขึ้นมา ด้วยไม่อยากจะเสียภาพพจน์ไปมากกว่านี้ เพราะมันอาจทำให้พวกเขาต้องเสียเงินที่คิดว่าจะได้ตามไปด้วย
“ก็ถ้าคิดว่าสองพ่อลูกนั่นมันช่วยอะไรมึงได้ มึงก็เก่งให้ตลอดรอดฝั่งแล้วกัน กูจะคอยดู” เจตต์ที่เพิ่งเดินเข้ามาตรงไปนั่งที่โซฟาตัวเขื่องข้างๆ เพลิง และตอนนั้นเองที่พวกมันมีโอกาสได้สังเกตเห็น
“ไอ้เจตต์ พูดแบบนี้หมายความว่าไง หรือมึงคิดจะเป็นศัตรูกับไอ้ตฤณ” คนที่เทิดทูนอำนาจและเงินตราเหนือสิ่งอื่นใดหันไปมองหน้าเพื่อนเก่าอย่างเจตต์ด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ก็ไม่ได้แค่คิด แต่กูเป็นแล้ว เอาไว้ถ้ามึงรอดไปจากที่นี่ได้ มึงก็ลองไปถามมันเองแล้วกัน” เจตต์บอกพลางหยิบแก้วไวน์ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาจิบอย่างไม่แยแส
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จะอ่อยให้คุณรักหัวปักหัวปำ