จะอ่อยให้คุณรักหัวปักหัวปำ นิยาย บท 31

สรุปบท บทที่ 30: จะอ่อยให้คุณรักหัวปักหัวปำ

บทที่ 30 – ตอนที่ต้องอ่านของ จะอ่อยให้คุณรักหัวปักหัวปำ

ตอนนี้ของ จะอ่อยให้คุณรักหัวปักหัวปำ โดย เลอบัว ผลิกา ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 30 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

บทที่ 30

“เฮ้ๆๆ คุณกำลังทำให้จระเข้ของผมพลาดอาหารมื้อพิเศษไปนะคุณเจตต์” เพลิงแสร้งขัดขึ้น

“ถึงโทษตายจะถูกละเว้น แต่โทษเป็นก็ยังอยู่นี่” สองหนุ่มหันมาหยักยิ้มให้กัน

“นั่นสินะ มาหยามกันถึงถิ่นแบบนี้ ปล่อยไปเฉยๆ ก็เสียชื่อแย่ เอาเป็นว่าผมจะตอบแทนมันสองตัวอย่างสาสม ทั้งเรื่องวันนี้แล้วก็เรื่องที่มันวางยาคนของคุณวันนั้น” อีกครั้งที่ความกลัวเข้าจู่โจม ทำเอาสองคนที่คุกเข่าอยู่กับพื้นแทบจะเปลี่ยนเป็นก้มกราบกรานด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง ก็ได้แต่หวังว่าเพื่อนเก่าอย่างเจตต์จะช่วยอะไรได้บ้าง

“แล้วแต่คุณสิ ผมขอแค่ลมหายใจของพวกมันไว้นี่ อย่างอื่นถ้าคุณอยากทำอะไรก็ตามสบาย ผมไม่ยุ่ง” เจตต์ยักไหล่พลางลุกขึ้นอย่างไม่แยแส

“แล้วนั่นคุณจะไปไหน” เพลิงถาม

“จะไปดูยัยตัวแสบสักหน่อย ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง” สิ้นเสียงเขาก็เดินออกไป ทิ้งให้สองคนที่นั่งอยู่กับพื้นร้องเรียกตามด้วยเสียงโหยหวน ประหนึ่งรู้ชะตาตัวเองว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง และแน่นอนว่าพวกมันจะต้องเจออย่างเลี่ยงไม่ได้เลยละ

เจตต์เดินตรงไปยังด้านหลังเวที ซึ่งเป็นห้องพักของนักดนตรี แต่ภาพเบื้องหน้าที่นภัทรกำลังบีบไหล่ให้มีนาก็ทำให้สีหน้าเขาเปลี่ยนเป็นถมึงทึงทันที

“ทำอะไรกัน” เสียงเข้มๆ ของเจตต์ดึงดูดสายตาของคนทั้งคู่ให้หันไปมอง

“เอ้า! คุณเจตต์ คุณหายไปไหนมาตั้งนาน ฉันกำลังเป็นห่วงอยู่เลย หรือว่าสองคนนั้นสร้างปัญหาอะไรให้คุณ” เธอรีบลุกมาหาด้วยความเป็นห่วงแกมกังวลว่าเขาจะเดือดร้อนเพราะเธออีก

“ฉันถามว่าเมื่อกี้ทำอะไร” เขาไม่ได้สนใจในสิ่งที่เธอพูด เพราะมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับคำถามของตัวเองที่ยังไม่ได้รับคำตอบ

“หมายถึงที่ภัทรนวดให้น่ะเหรอ” เธอขมวดคิ้วด้วยความไม่แน่ใจ

“นวด?” เสียงเขาแทบเป็นเสียงตะโกน จนคนตรงหน้าผงะด้วยความตกใจ

“แล้วคุณจะเสียงดังทำไมเนี่ย ก็ฉันเมื่อย เมื่อยก็ต้องนวดสิ คิดดูนะฉันต้องนั่งตีกลองตั้งเกือบสองชั่วโมงเลยนะ เมื่อยจนแขนจะหลุดอยู่แล้วเนี่ย” คนที่ห่างหายจากการตีกลองไปนานถึงกับบ่นอุบ พลางบีบแขนตัวเองแรงๆ

“งั้นก็รีบกลับไปพัก เดี๋ยวฉันไปส่ง” คนที่ยังไม่สบอารมณ์สักเท่าไรรีบเดินไปหยิบสัมภาระของเธอมาถือไว้

“เดี๋ยวสิคุณ ฉันยังกลับไม่ได้” ประโยคนี้ทำเอาเขาหันขวับมามองด้วยใบหน้าบูดบึ้งกว่าเดิม

“งานเสร็จแล้วไม่ใช่รึไง แล้วทำไมยังกลับไม่ได้” เสียงเขาแข็งขึ้นมาทันที

“พอดียังมีเรื่องที่ต้องคุยกับพี่ๆ เขาต่อ คุณกลับไปก่อนเลยก็ได้นะ ไม่ต้องรอ ฉันเกรงใจ”

“แล้วเธอจะกลับยังไง”

“เฮ้ย!” เขาสะบัดมือด้วยความตกใจ ครั้นพอหันไปมอง หัวคิ้วทั้งสองข้างก็ขมวดเข้าหากัน

“ขอกลับด้วยได้ไหมอะ” มีนาขยับเข้ามาใกล้ๆ พลางทำเสียงออดอ้อน

“ไหนบอกจะกลับกับเพื่อน ทำไมเปลี่ยนใจซะล่ะ” เขาทำท่ากระเง้ากระงอด ทั้งที่ในใจกำลังลิงโลด

“อยากกลับกับคุณมากกว่า ก็คุณบอกเองว่าเรามาด้วยกัน แล้วจะให้ฉันปล่อยให้คุณกลับไปคนเดียวได้ไง อีกอย่างให้คุณขับรถกลับคนเดียวกลางค่ำกลางคืน ฉันก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี เพราะงั้นไปด้วยกันดีกว่า จะได้ไม่ต้องมานั่งกังวลอยู่ ว่าแต่…ขอกลับด้วยได้ไหมอะ” เธอยืนทำตาปริบๆ ก่อนจะกลายเป็นเอียงคอมองด้วยความสงสัย เมื่ออีกฝ่ายไม่ตอบแต่กลับยื่นมือมาแทน

“คะ?”

“ส่งมาสิ เมื่อยแขนไม่ใช่รึไง” เขาบุ้ยใบ้ไปยังสัมภาระที่เธอทั้งถือทั้งสะพายอยู่ แต่เมื่อเห็นว่าเธอยังยืนนิ่งไม่ยอมส่งให้ เขาจึงขยับเข้าไปฉวยมาเอง

“ถ้าจะไปก็รีบๆ ตามมา” เขาบอกเสียงห้วน ก่อนจะหันหลังเดินนำออกไปด้วยรอยยิ้มที่เธอไม่มีโอกาสได้เห็น แต่ถึงไม่เห็นเธอก็รับรู้ได้ เพราะถึงเสียงเขาจะห้วน แต่ความใส่ใจที่เขามีให้ มันก็อ่อนโยนเหนือสิ่งอื่นใดแล้ว

“คุณ…รอด้วย” หลังจากยืนซาบซึ้งกับความใส่ใจของเขาพักหนึ่ง เธอจึงรีบวิ่งตามไป โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าตรงมุมหนึ่งมีใครบางคนกำลังแอบมองอยู่ และคนคนนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นนภัทรเพื่อนของเธอเอง

“ถ้าฉันสารภาพตอนนี้ แกจะหันกลับมามองฉันไหม…มัด” นภัทรได้แต่รำพันกับตัวเองขณะมองตามเธอไปจนสุดสายตา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จะอ่อยให้คุณรักหัวปักหัวปำ