อ่านสรุป บทที่ 36 จาก จะอ่อยให้คุณรักหัวปักหัวปำ โดย เลอบัว ผลิกา
บทที่ บทที่ 36 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนซ์ จะอ่อยให้คุณรักหัวปักหัวปำ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย เลอบัว ผลิกา อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
บทที่ 36
“เอ้า! คนตกงานก็ต้องออกไปหางานทำสิคุณ ขืนอยู่เฉยๆ ได้อดตายกันพอดี”
“ก็ไหนบอกจะเกาะฉันเป็นปลิงไง”
“ตกลงว่าคุณยอมเป็นควายให้ฉันเกาะแล้วเหรอ” เธอเอียงคอทำหน้าทะเล้น ในขณะที่เขาก็ทำหน้ายักษ์ตอบกลับมา
“ล้อเล่นหรอกน่า ฉันก็แค่เผื่อเอาไว้ ถ้าเกิดเกาะคุณไม่สำเร็จ ฉันก็ยังมีงานทำ ไม่อดตายไง งั้นฉันไปนะคุณ” สิ้นเสียงแม่คุณก็โบกมือหย็อยๆ แล้วก็เดินออกจากห้องไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามองหน้าตึงๆ ของคนในห้องเลยด้วยซ้ำ
“ตัวแสบ…จะมีสักครั้งที่เธอคิดจริงจังจริงๆ ไหม เดี๋ยวก็เพื่อประสบการณ์ครั้งใหม่ เดี๋ยวก็เผื่อเกาะไม่สำเร็จ นี่ตกลงเธอต้องการฉันจริงๆ บ้างไหมเนี่ย เฮอะ! เนี่ยนะนางร้ายที่อยากจับพระเอกจนตัวสั่น อย่างเธอก็เล่นได้แค่บทนางเฉยเท่านั้นแหละ เฉยจนไม่เคยรับรู้อะไรเลย ฮึ่ย! หงุดหงิดชะมัด” เขาสบถอย่างหัวเสีย นึกเขม่นตัวต้นเหตุที่เข้ามาทำให้เขาว้าวุ่น แล้วก็ทิ้งให้เขาเป็นบ้าเป็นหลังอยู่คนเดียว แต่แล้วทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีก
ก๊อก ก๊อก ก๊อก คนที่ยืนหัวเสียในคราแรกถึงกับยิ้มกว้างทันที เมื่อคิดว่าคุณเธอจะกลับมาเพื่อเอาใจ อย่างน้อยก็ให้สมกับที่ประกาศเอาไว้ว่าจะจับเขาจริงๆ
ครั้นพอประตูเปิด เขารีบปรับสีหน้าให้เป็นขึงขังดังเดิม ก่อนที่สีหน้าขึงขังจะค่อยๆ แปรเปลี่ยนไป เมื่อคนที่เข้ามาไม่ได้มีแค่เธอ แต่กลับมีถึงหกคนที่เดินตามเข้ามาด้วย ไม่ว่าจะเป็นภาคินกับแวววิวาห์ (จากเรื่อง “ท่านประธานขาพาหนูลงจากเตียง เอ๊ย! คานที”) ภากรกับศิศิรา (จากเรื่อง “Oh my boss ร้ายกาจนัก รักบอสจัง”) และพ่อเลี้ยงพิมายกับพริมรตา (จากเรื่อง “ถึงป๋าดุหนูก็ไหว”)
“Hi! คุณเจตต์ ขอบคุณนะคะที่ช่วยส่งข่าวเรื่องยัยตัวแสบนี่ให้ฉันรู้ ไม่งั้นป่านนี้ฉันก็คงยังไม่รู้เรื่องอะไร เพราะคนบางคนไม่คิดแม้แต่จะส่งข่าว ทั้งที่เราเป็นญาติกัน” ศิศิราผู้ซึ่งคุ้นเคยกับเจ้าของห้องมากกว่าใครเพื่อนเอ่ยทัก แต่ก็ไม่วายหันไปเหน็บน้องสาวด้วยอีกที ทำเอาคนถูกเหน็บถึงกับตาโต
“นี่มันอะไรกันคุณ คุณโทรไปบอกพี่ศิเหรอ ไหนเราตกลงกันแล้วไงว่าจะไม่บอก คุณทำแบบนี้กับฉันได้ไงเนี่ยคุณเจตต์” เธอขยับเข้าไปกระซิบถามเขาเสียงเขียว
“หนูขอโทษ แต่ที่หนูไม่บอกไม่ใช่เพราะเห็นพวกพี่เป็นคนอื่น แต่เพราะหนูไม่อยากให้พวกพี่ต้องมาทุกข์ใจไปกับหนูด้วย พวกพี่เพิ่งจะได้มีความสุขกันนะ แล้วจะให้หนูไปแย่งเวลาแห่งความสุขจากพวกพี่มาได้ยังไง หนูทำไม่ได้หรอก หนูอยากเห็นพี่สาวของหนูมีความสุข”
“แล้วแกรู้ไหมว่าการที่ฉันต้องมารู้ทีหลัง มันทำให้ฉันทุกข์เป็นสองเท่า ทุกข์ที่รู้ว่าระหว่างที่ฉันกำลังมีความสุข แกกลับต้องนอนร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด ทุกข์ที่อยากย้อนเวลากลับไปอยู่ข้างๆ แกแต่ก็ทำไม่ได้ ทุกข์เพราะทั้งๆ ที่ฉันเป็นพี่สาวแก แต่กลับช่วยอะไรไม่ได้สักอย่าง นี่เหรอมัดความสุขที่แกอยากเห็น” ศิศิราพูดพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น
“หนูขอโทษ” มีนาเดินเข้าไปสวมกอดพี่สาวด้วยน้ำตาเช่นเดียวกัน ทำให้อีกสองสาวแทบจะโผตามเข้าไป ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าห้องทั้งห้องดังระงมไปด้วยเสียงร้องของสี่สาวที่กำลังกอดคอกันร่ำไห้ กระทั่งหนำใจทั้งหมดจึงพากันมานั่งคุยที่โซฟาให้เป็นเรื่องเป็นราว
“ฉันคิดอยู่แล้วเชียวว่าผัวยัยเมมันต้องไม่ใช่คนดี แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเลวชาติขนาดนี้ ยัยเมก็เหมือนกัน หลงผัวจนหูหนวกตาบอด แล้วที่น่าเจ็บใจคือน้าศรีไพรก็ดันเป็นไปกับเขาด้วยอีกคน แทนที่จะเข้าข้างลูกสาวกลับไปอยู่ข้างไอ้ชั่วนั่น คอยดูเถอะ ฉันจะบอกให้แม่มาจัดการซะให้เข็ด” ศิศิราบ่นกระปอดกระแปด หลังได้รู้วีรกรรมของน้องเขยอย่างละเอียด
“เฮ้ย! อย่าเชียวนะพี่ ขืนให้ป้าศิรีรู้เรื่องนี้ ไม่ใช่แค่แม่กับพี่เมที่โดนบ่นจนหูชา ดีไม่ดีหนูจะพลอยซวยไปด้วย ไม่ๆๆ ไม่ได้เด็ดขาด ห้ามบอกป้าเด็ดขาด” แน่นอนว่าเธอรู้ดีว่าแม่ของศิศิรา ซึ่งมีศักดิ์เป็นป้าแท้ๆ ของเธอขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าระเบียบขนาดไหน ลองถ้าได้รู้ว่าเธอถูกไล่ออกมาจนไม่มีบ้านอยู่ ไม่แคล้วต้องบังคับให้เธอกลับไปอยู่ที่บ้านด้วยกันแน่ๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จะอ่อยให้คุณรักหัวปักหัวปำ