สรุปตอน บทที่ 100 ข้ามฝั่งด้วยไม้แผ่นเดียว – จากเรื่อง จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่
ตอน บทที่ 100 ข้ามฝั่งด้วยไม้แผ่นเดียว ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดยนักเขียน จูผาซู่ เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
บทที่ 100 ข้ามฝั่งด้วยไม้แผ่นเดียว
ฉินอัน เกลียดจนทนไม่ไหว “ไอ้บ้านี่สมควรตาย!”
“จัดการกับมันซะ!”
เสียงร้องตะโกนดังขึ้น ฉินอัน และอีกสามคนกระโดดลงไปในน้ำพร้อมกัน ละอองน้ำกระจายออกไป 4 ทิศ โจมตีหลินหยุนจากทั้งสี่ทาง
หลินหยุนในเวลานี้ ใต้เท้ามีเพียงแผ่นไม้แผ่นเดียวเท่านั้น หากไม่ระวัง หรือใช้กำลังหนักเกินไป อาจจะทำให้แผ่นไม้นั้นแตกกระจายได้ ตันคนก็ต้องตกลงไปในน้ำ
แต่ว่า ฉินอัน และอีกสามคนแข็งแกร่งกว่าครั้งที่แล้วอย่างชัดเจน ถ้าอยากให้แผ่นไม้นั้นอยู่อย่าสมบูรณ์ หลินหยุนก็ต้องไม่ทำอะไรทั้งนั้น
ดูจากการโจมตีที่แข็งแกร่งของทั้งสี่คน หลินหยุนสีหน้าเบื่อหน่าย สองมือไขว้หลัง
รอให้ฉินอัน และอีกสามคนโจมตีห่างจากตัวเขาครึ่งเมตร หลินหยุนก็ตะโกนขึ้นว่า “ไสหัวไป!”
ดาบลมปราณที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าตรงไปเฉือนที่คอของทั้งสี่คนนั้น เลือดสดกระจายไปรอบทิศและตกลงไปยังผิวของแม่น้ำ
ตู้ม!
เสียงตกน้ำทั้งสี่เสียงดังขึ้น ฉินอัน และอีกสามคนไม่ได้โผล่ขึ้นมาจากน้ำอีกเลย
ฉินอู๋ซวงอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา “ปล่อยลมปราณเป็นกระบี่!”
“นี่มันวิชาอะไรกันแน่?”
เส้เทียนหัวสีหน้าตกใจอย่างหนัก กดเสียงเบาลง พร้อมพูดด้วยความตื่นเต้น “เห็นไหม คุณหลินปล่อยลมปราณออกมาก็ฆ่าคนได้ เมื่อก่อนพวกคุณเคยเห็นคนแบบนี้ไหม?”
ฉีว่างหมิงและหางเยว่ต่างพากันส่ายหน้า ถามด้วยความตกใจ “นี่ไม่ใช่คนแรก เป็นเทพต่างหาก!”
เวลานี้ พวกเส้เทียนหัวต่างพากันเคารพหลินหยุนดั่งเทพไปแล้ว
ผู้มีอิทธิพลของเมืองแล้วอย่างไร? ในสายตาของหลินหยุนผู้ที่สามารถกำหนดความเป็นความตายได้แบบนี้ พวกเขาก็ไม่ต่างอะไรกับมดตัวเล็กๆ เลย
หลินหยุนยืนอยู่บนแผ่นไม้นั้นอย่างมั่นคง มองมาที่ฉินอู๋ซวงที่อยู่บนศาลา พร้อมพูดด้วยเสียงราบเรียบว่า “ให้ฉินหนันเทียนออกมาได้หรือยัง?”
ฉินอู๋ซวงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อยากเจอเจ้าบ้านของฉัน นายมาที่ศาลานี้ก่อนค่อยว่ากัน!”
เวลานี้ หลินหยุนอยู่ตรงกลางทะเลสาบ รอบข้างมีเพียงซากเรือที่ถูกทำลายทั้งสี่ลำนั้น หากอยากไปที่ศาลา มีแค่ทางเดียวคือเขาต้องบินไป
เส้เทียนหัวทนมองต่อไปไม่ไหว จึงพูดขึ้นว่า “คุณชายใหญ่ฉิน คุณบังคับคนอื่นเกินไปหรือเปล่า? คุณหลินบินไม่ได้ รอบข้างก็ไม่มีเรือ เขาจะขึ้นมาบนเกาะได้ยังไง?”
ฉินอู๋ซวงหัวเราะเยาะ “งั้นก็ต้องดูว่ามันมีปัญญาไหม ถ้าแค่นี้ยังทำไม่ได้ เจ้าบ้านของเราก็ไม่จำเป็นต้องออกมาเจอมัน!”
“นี่...” พวกเส้เทียนหัว ได้แต่โมโหแต่ไม่กล้าพูดอะไร
“หลินชางฉอง ถ้าเรื่องเล็กๆ แค่นี้แกทำไม่ได้ งั้นก็ไม่สมควรที่จะเจอกับเจ้าบ้านของเรา” ฉินอู๋ซวงตะโกนบอก น้ำเสียงเต็มไปด้วยถากถาง
หลินหยุนตอบด้วยเสียงราบเรียบ “งั้นรอดูแล้วกัน”
พูดจบ ปลายเท้าของเขาก็แตะไปที่ผิวน้ำนั้นเบาๆ แผ่นไม้แผ่นนั้นก็พุ่งตรงไปข้างหน้าทันที
เหมือนกับเรือเร็วหนึ่งลำที่พาหลินหยุนเดินทางไปยังกลางเกาะของทะเลสาบ
“ดูสิ เขามาได้แล้วจริงๆ!”
“ไม่น่าเชื่อจริงๆ เลย!”
เหล่าลูกศิษย์ของตระกูลฉินที่อยู่ในศาลา ต่างพากันลืมข้าง พากันถกเถียงด้วยความตกใจ บางคนพากันชื่นชมในตัวหลินหยุน
ฉินอู๋ซวงรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก มือทั้งสองข้างจับที่จับวีแชร์ไว้แน่นจนเห็นเส้นเลือดได้ชัดเจน “นี่คือสุดยอดวิชาข้ามแม่น้ำของปรมาจารย์ธรรมในตำนานเหรอ?”
“แม้แต่สิ่งนี้เขาก็ทำได้! ความสามารถของเขาถึงขั้นไหนกันแน่ คงไม่ถึงขั้นปรมาจารย์ใช่ไหม!”
“ไม่ เป็นไปไม่ได้! เขาอายุแค่ 20 ปี ต่อให้เริ่มฝึกวิชาตั้งแต่เกิด ก็ไม่สามารถเป็นปรมาจารย์ได้!”
“ปรมาจารย์ นั่นคือผู้ที่อยู่สูงสุดของในวงการการต่อสู้!”
พวกเส้เทียนหัว ยิ่งพากันงุนงงมากกว่าเดิม
“เขา เขาบินได้จริงๆ ด้วย!”
หลินหยุนมองฉินหนันเทียนด้วยความประหลาดใจ เมื่อได้สัมผัสใกล้ๆ เขาสามารถรับรู้ได้ว่า ฉินหนันเทียนอยู่เพียงในระดับพรสวรรค์สูงสุด ทำไมถึงทำสิ่งเมื่อกี้ได้กันแน่?
แต่เมื่อเห็นน้ำที่กระเด็นถูกกางเกงของฉินหนันเทียนจนเปียก หลินหยุนถึงได้เข้าใจ
“เป็นแบบนี้นี่เอง! วิธีนี้ถือว่าฉลาดดี ดูท่าวิชาบู๊ของโลกนี้ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น!”
เมื่อเห็นว่าหลินหยุนไม่พูดอะไรกับตนเอง ฉินหนันเทียนคิดว่าหลินหยุนไม่กล้ายอมรับ “เหอะ แกกล้าทำขาลูกฉันขาด ทำลายจุดตันเถียนของพ่อบ้านฉัน ทำไมตอนนี้แม้แต่ตัวตนของตัวเองก็ไม่กล้ายอมรับล่ะ?”
“ต่อให้แกไม่ยอมรับ วันนี้ยังไงแกก็ต้องตาย!”
หลินหยุนตอบขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เมื่อกี้กำลังคิดอีกเรื่องอยู่ ลืมตอบแกก็แค่นั้น”
“ตอนนี้ฉันจะตอบให้แกได้รู้”
“ฉันก็คือหลินชางฉอง”
เมื่อพูดถึงหลินชางฉอง สาม พยางค์นั้น พลังที่อยู่ตัวของหลินหยุนทำให้คนอื่นรู้สึกบีบรัดอยู่ ราวกับว่ามหากษัตริย์ชางฉองที่ปราบปรามทั้งจักรวาลนี้กลับมาอีกแล้ว
ฉินหนันเทียนหรี่ตา น้ำเสียงหนักแน่น “หลินชางฉอง อายุแค่นี้แต่กลับมีวิชาที่อยู่ระดับนี้ บอกสำนักของแกมา ถ้าหากว่าฉันรู้จัก อาจจะเห็นแก่หน้าสำนักของแก ไว้ชีวิตแกก็ได้!”
เมื่อได้ยินฉินหนันเทียนพูดว่าจะไว้ชีวิตหลินหยุน ฉินอู๋ซวงที่นี่งอยู่บนวีลแชร์ก็ร้อนรนทันที “พ่อ พ่อจะต้องล้างแค้นให้...”
ฉินอู๋ซวงยังพูดไม่จบ ฉินหนันเทียนก็ยกมือขึ้นห้าม “แกไม่ต้องพูดอะไร ฉันรู้ดีว่าต้องทำยังไง!”
“...ก็ได้!” ฉินอู๋ซวงไม่อยากเห็นด้วยนัก แต่ว่าต่อหน้าฉินหนันเทียน เขาก็ไม่กล้าขัดขืน
ที่ฉินหนันเทียนทำแบบนี้ ไม่ใช่เพราะตั้งใจจะปล่อยหลินหยุน เพียงแค่กังวลว่าเบื้องหลังของหลินหยุนมีอำนาจที่แข็งแกร่งเป็นที่อาศัยให้เขา เพราะไม่ว่ายังไงหลินหยุนก็อายุแค่ 20 ปีเท่านั้น ก็มีความสามารถที่ไม่น้อยไปกว่าเขาเลย
คนอัจฉริยะที่สามารถสอนหลินหยุนได้ หากไม่ใช่ตระกูลใหญ่ ก็เป็นผู้ยิ่งใหญ่ในวงการนักบู๊แน่นอน
แล้วอีกอย่าง ฉินหนันเทียนอยากจะยื้อเวลา เมื่อกี้เขาได้แสดงการเดินบนคลื่นน้ำเพื่อให้หลินหยุนตกใจกลับมาแล้ว
แต่ว่า วิธีนั้นมันสวยงามก็จริง แต่ก็ทำใช้ชี่แท้ไปเยอะมาก ตอนนี้เขาจำเป็นต้องใช้เวลาในการฟื้นฟู้ชี่แท้ในร่างกาย
หลินหยุนจะมองเรื่องนี้ไม่ออกได้อย่างไร? เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ฉันให้เวลาแกฟื้นฟูร่างกาย แต่การที่แกบอกจะไว้ชีวิตฉันน่ะ แกมีชีวิตอยู่ให้ได้ก่อน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
จบแค่นี้จริงดิ ไม่มั้ง เหมือนคนเขียนโดนตัดจบใน 5 ตอน อะไรกันนี่ อ่านถึงประมาณตอนที่ 1,500-1,600 พอละ หลังจากนั้นเละ ช่วงสุดท้ายนี่มั่วบ้านงานมั่ก ๆ...
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...