ทางฝ่ายอเมริกานั้นได้โต้เถียงกันมาถึงสามวันแล้ว ก็ยังไม่ได้ข้อยุติเลย
สุดท้ายแล้วจนปัญญา ประธานาธิบดีสหรัฐจึงสั่งปิดประชุมรัฐสภา ให้พวกผู้อาวุโสทั้งหลายกลับไปถกเถียงกันต่อที่บ้าน
ภายใต้พฤติกรรมที่ดูเหมือนไร้เหตุผลของพูท รัฐสภาจึงยุติการโต้เถียงกันได้
สุดท้ายแล้ว พูทก็ได้ตัดสินใจเดินสายกลาง
จะไม่เปิดศึกกับประเทศจีนโดยตรง เพียงแต่ส่งกองเรือบรรทุกเครื่องบินลำหนึ่ง มุ่งหน้าไปยังเขตพื้นที่ทะเลทางตอนใต้ของประเทศจีน
อีกด้านหนึ่ง อเมริกาก็ร่วมมือกับประเทศต่างๆทางโลกตะวันตก ให้พวกเขาออกหน้าช่วยกันประณามจีน และบีบบังคับให้ประเทศจีนส่งตัวหลินชางฉองออกมา
นโยบายนี้ได้รับความเห็นชอบจากทั้งสองฝ่ายของรัฐสภาอย่างเป็นเอกฉันท์
ดังนั้น เจนเนอรัลสทิวแม่ทัพที่เชี่ยวชาญการรบได้รับคำสั่งเป็นผู้บัญชาการกองเรือบรรทุกเครื่องบินนอทิลัส รับผิดชอบในการเคลื่อนเรือไปยังเขตพื้นที่ทะเลทางตอนใต้ของประเทศจีนในครั้งนี้ เพื่อเป็นการยั่วยุและแสดงแสนยานุภาพ
อีกด้านหนึ่ง ประธานาธิบดีพูทก็ได้โทรศัพท์ไปยังประธานาธิบดีประเทศต่างๆทางโลกตะวันตก เพื่อเรียกร้องให้แต่ละประเทศร่วมประณามจีนกับเขาด้วย
แต่ว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมาประเทศต่างๆทางโลกตะวันตกก็ได้ติดต่อทางการค้ากับจีนมาโดยตลอด อีกอย่างเศรษฐกิจของพวกเขาก็ยังต้องพึ่งพาประเทศจีนอยู่ด้วย และที่สำคัญคือหลินชางฉองนั้นก็ไม่ได้มีความแค้นบาดหมางอะไรกับพวกเขาเลย แล้วจะใช้เหตุผลอะไรในการประณามจีนได้ล่ะ?
ดังนั้น พวกสุนัขรับใช้ของอเมริกาเหล่านี้ก็คิดเหตุผลที่เลิศเลออย่างหนึ่งออกมา
พวกเขาบอกว่าประเทศจีนมีประชากรมากเกินไป ทำให้สูญเสียปริมาณออกซิเจนของโลกนี้ไปจำนวนมาก ทำให้เกิดมลภาวะที่รุนแรงต่อโลกใบนี้ มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่พวกเขาอาศัยอยู่ ดังนั้นจึงขอประณามจีน ต้องการให้ประเทศจีนส่งมอบคนที่ชื่อหลินชางฉองคนนั้นออกมา เพราะว่าเขาเป็นคนที่ทำให้เกิดมลภาวะร้ายแรงที่สุด
ได้ข่าวว่าหลังจากที่ได้ยินข้ออ้างพวกนี้แล้ว หวางจิงหลงถึงกับพ่นน้ำชาออกจากปากทันที
แม้แต่หวางจิงหลงที่เป็นคนสุขุมเคร่งขรึมขนาดนี้ยังพ่นน้ำชาออกมาเลย ท่าทางของคนอื่นที่เหลือก็ไม่ต้องพูดถึงแล้ว
แต่เป็นเพราะว่าเหตุผลที่ไร้สาระพวกนี้ กลับได้รับการตอบสนองจากสุนัขรับใช้ของอเมริกาจำนวนมาก ทั้งญี่ปุ่น อินเดียและออสเตรเลียต่างก็ทยอยกันออกมา เรียกร้องให้ประเทศจีนชดใช้ค่าเสียหายที่ทำให้เกิดมลภาวะทางอากาศ อีกทั้งยังยื่นค่าเสียหายที่สูงเสียดฟ้าให้กับประเทศจีนอีกด้วย
โฆษกรัฐบาลจีนโต้แย้งด้วยคำพูดเพียงประโยคเดียวก็ทำให้อินเดียต้องโกรธแค้นกลับไป “ถ้าจะบอกให้ชดเชยค่าเสียหายจากมลภาวะทางอากาศที่เกิดขึ้นละก็ งั้นประชากรของอินเดียยังมากกว่าประเทศจีนเลย ประเทศที่ควรจะชดใช้มากที่สุดก็น่าจะเป็นอินเดีย!”
แต่ว่า พูดไปพูดมา ใครที่มีอำนาจเหนือกว่าก็ย่อมเป็นฝ่ายชนะ
กองเรือบรรทุกเครื่องบินนอทิลัสของอเมริกาก็ได้มาจอดอยู่ตรงใกล้บริเวณโอะกินะวะของประเทศญี่ปุ่น และกำลังจะแล่นเข้ามายังเขตพื้นที่ทะเลทางตอนใต้ของประเทศจีนแล้ว
แต่ว่าโฆษกต่างประเทศของแต่ละประเทศก็ยังคงทำสงครามน้ำลายกันอย่างไม่หยุดหย่อน
สถานการณ์ในตอนนี้สำหรับประเทศจีนแล้วไม่ค่อยสู้ดีนัก
คนของสี่ตระกูลยิ่งใหญ่ก็ย่อมจะต้องยืนอยู่ฝ่ายตรงข้ามอีกเช่นเดิม เสนอให้มอบหลินชางฉองออกมาเพื่อสยบความโกรธแค้นของชาวโลก
อีกอย่างหวางจิงหลงยังเปิดเผยข่าวลับพิเศษที่ตัวเองได้มา บอกว่าอเมริกาทางนั้นได้ผลิตหุ่นยนต์ชุดเกราะทหารที่ร้ายกาจมาก หุ่นยนต์ชุดเกราะแต่ละลำแข็งแกร่งเท่ากับพละกำลังของนักบู๊แดนเทพคนหนึ่งเลยทีเดียว
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ มีอยู่ทางเดียวก็คือจะต้องส่งมอบหลินหยุนตัวปัญหานี้ออกไป จึงจะรักษาความสงบให้กับประเทศจีนได้
หวางจิงหลงเอ่ยปากพูดขึ้น คนของพรรคฝ่ายสี่ตระกูลใหญ่นั้นก็รีบกระโดดออกมาขานรับทันที เปิดประเด็นวิพากษ์วิจารณ์จากการคุกคามของหลินหยุนขึ้น มิหนำซ้ำยังพูดถึงหลินหยุนว่าเป็นปีศาจร้ายที่ทำลายโลก ถ้าไม่สังหารหลินหยุนก็จะถึงวันสิ้นโลกแล้ว ถ้าไม่สังหารเขาก็ไม่สามารถระงับความโกรธแค้นของชาวโลกได้
เดิมทีฝ่ายที่อยู่สายกลางบางพรรคที่ไม่คิดจะต่อต้านอเมริกาเลย คราวนี้ก็ทยอยออกมาสนับสนุนให้มอบหลินหยุนออกมาเพื่อรักษาความสงบสุขให้กับประเทศจีน
สภาในประเทศจีนก็โกลาหลวุ่นวายเช่นกัน เมื่อเทียบกับรัฐสภาสหรัฐแล้วก็ไม่แตกต่างกันมากนัก
หงซานเหอสีหน้าดำมืด คำรามเสียงดังแล้วเดินสะบัดออกไป “ประเทศจีนเราคงยังไม่ตกต่ำถึงขั้นต้องเสียสละชีวิตคนคนหนึ่งเพื่อแลกกับสันติสุขเช่นนั้น!”
หลังจากถูกตบหน้าจากหงซานเหอแล้ว ทำให้พรรคเรียกร้องความสงบสุขของฝ่ายหวางจิงหลงนั้นก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อไปอีก
ดังนั้นประธานาธิบดีจีนจึงถือโอกาสยุติการประชุม ให้รอดูการเคลื่อนไหวของสหรัฐไปก่อน แล้วค่อยปรึกษานโยบายการตอบโต้ของจีนในขั้นตอนต่อไป
สำหรับความวุ่นวายโกลาหลที่เกิดขึ้นในสังคมทั่วโลกนั้น หลินหยุนไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย อีกอย่างเขาก็ไม่เคยไปสนใจเช่นกัน
ในสายตาของเขา มีเพียงแต่จักรวาลดวงดาวเท่านั้น
หลินหยุนในตอนนี้กำลังฝึกสอนลูกศิษย์อยู่ เพียงแต่วิธีการสอนลูกศิษย์ของเขานั้นทำให้ผู้คนรู้สึกไม่อยากจะไปเอ่ยถึงเลย
ภายในห้องนั้น เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ ค่อยๆจิบน้ำชาไปอย่างเงียบๆ
ส่วนข้างๆตัวเขานั้น ถึงแม้ว่านิ่งโหย่วหรงได้ถอดชุดเสื้อไว้ทุกข์แล้ว แต่ก็ยังคงแต่งกายด้วยชุดสีขาว
สาวงามที่สุดในเมืองหลวง ถึงแม้ว่าในช่วงเวลานี้อาจจะซูบผอมไปบ้าง แต่ความงามก็ยังคงสามารถทำให้ผู้คนจิตใจสั่นไหวได้เช่นเดิม
“ไปเปลี่ยนน้ำมากานึงสิ” หลินหยุนมองดูนิ่งโหย่วหรงอย่างเรียบๆ แล้วพูดด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก
“ค่ะ!” นิ่งโหย่วหรงก็ก้มหน้าตอบรับ หันหลังเดินไปเปลี่ยนน้ำ
หลังจากผ่านไปไม่กี่นาที นิ่งโหย่วหรงก็ยกกาน้ำกลับมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...