จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 1117

สรุปบท บทที่ 1117 สำนักฉีเทียน: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

สรุปตอน บทที่ 1117 สำนักฉีเทียน – จากเรื่อง จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่

ตอน บทที่ 1117 สำนักฉีเทียน ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดยนักเขียน จูผาซู่ เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ประธานาธิบดีหน้าถอดสีทันที “ความหมายของท่านก็คือ เมื่อไรที่ค่ายกลพังทลายลงมาประตูเซียนก็จะต้องเปิดออกอย่างสิ้นเชิงเหรอ?”

โม่เฉินพยักหน้าแล้วพูดว่า “ถูกต้อง! เมื่อไหร่ที่คนในประตูเซียนเดินออกมาได้แล้ว งั้นทั่วทั้งโลกจะเปลี่ยนแปลงไปยังไงนั้น ไม่มีใครสามารถนึกภาพออกได้เลย! แม้แต่จะต้องถูกทำลายจนหมดสิ้นก็เป็นเรื่องปกติ”

คำพูดของโม่เฉินทำให้ประธานาธิบดีที่สุขุมเยือกเย็นมาโดยตลอดนั้น ก็เกิดความรู้สึกว้าวุ่นขึ้นในใจแล้ว

สูดลมหายใจลึกๆเข้าไป พยายามทำให้ตัวเองเยือกเย็นที่สุด

ประธานาธิบดีถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “ท่านครับ งั้นที่ท่านมาหาฉันวันนี้มีจุดประสงค์อะไรเหรอ?”

โม่เฉินพูดว่า “เหตุทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะหลินหยุนคนเดียว ตอนนี้ก็มีเพียงหลินหยุนเท่านั้นที่มีความสามารถในการแก้ไขได้!”

“ที่ผมมาหาประธานาธิบดีคราวนี้ ก็เพื่อขอให้ประธานาธิบดีช่วยให้หลินหยุนรีบออกจากการเก็บตัวให้เร็วที่สุด!”

“แล้วไปที่โลกบู๊โบราณ เพื่อทำการยึดตราประทับของค่ายกลให้มั่นคงขึ้นมาใหม่อีกครั้ง!”

ประธานาธิบดีรีบพูดว่า “แต่ว่า หลังจากที่หลินหยุนกลับมาจากอเมริกาแล้ว ก็เข้าไปเก็บตัวแล้ว!”

โม่เฉินพูดว่า “ประเด็นนี้ผมทราบดีครับ ในช่วงเวลานี้ สำนักโม่เหมินของเราจะพยายามยึดค่ายกลให้มั่นคงอย่างสุดกำลัง ผมก็ไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้นาน จำเป็นจะต้องรีบกลับเข้าไปในโลกบู๊โบราณแล้ว”

“ดังนั้น ถ้าเมื่อไหร่ที่หลินหยุนสิ้นสุดการเก็บตัวแล้ว รบกวนประธานาธิบดีรีบส่งข่าวนี้ให้หลินหยุนรู้ด้วยนะครับ!”

ประธานาธิบดีรีบพยักหน้า “ได้! คำพูดของท่าน ฉันจดจำไว้แล้ว! ขอเพียงให้หลินหยุนเสร็จจากการเก็บตัวแล้ว ฉันก็จะรีบส่งข่าวบอกเรื่องนี้กับเขาโดยด่วนเลย!”

โม่เฉินก็โค้งคำนับอีกครั้งหนึ่ง “ขอฝากด้วยนะครับ!”

พอสิ้นเสียง เงาร่างของโม่เฉินก็หายไปจากที่เดิมแล้ว

ประธานาธิบดีก็รู้สึกตกตะลึง รีบตะโกนด้วยเสียงเข้มว่า “เด็กๆ รีบแจ้งให้ท่านหงมาพบฉันด่วน!”

……

โลกบู๊โบราณ

บริเวณเขาคุนชาง

โม่เฉินก็รีบกลับมาอย่างรวดเร็ว

เพราะว่ามีกำลังเสริมจากคนของสำนักโม่เหมินมาช่วย ในที่สุดค่ายกลสี่พิทักษ์ก็สามารถมั่นคงขึ้นมาบ้างเล็กน้อย

แต่ก็ยังไม่มั่นคงแข็งแรงเหมือนเดิม

มีคนของโลกบู๊โบราณพูดด้วยสีหน้าที่ดุร้ายว่า “ฮื่อ! เป็นเพราะหลินชางฉองนั่นคนเดียวเลย ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเขาบุกเข้ามาอาละวาดในโลกบู๊โบราณเรา แล้วเข่นฆ่าผู้คนจำนวนมากมายเช่นนั้น ไฉนเลยค่ายกลสี่พิทักษ์นี้จะกลายเป็นเช่นนี้ไปได้?”

ชายชราตระกูลหวางที่เหลืออีกคนหนึ่งก็พูดด้วยเสียงโกรธว่า “ถูกต้อง! ทุกอย่างเป็นเพราะว่าฝีมือของหลินชางฉองที่ประทานมาให้ทั้งนั้นเลย!”

“ฉันว่าหากไม่สามารถที่จะรักษาไว้ได้จริงๆละก็ ปล่อยให้ค่ายกลนี้พังทลายลงมาก็แล้วกัน! ต่อให้ต้องตาย งั้นก็ตายด้วยกันทุกคนเลย!”

โม่เฉินเปิดปากพูดว่า “ทุกท่านอย่าได้พูดเช่นนั้นอีกจะดีกว่านะ!”

“ประตูเซียนจำเป็นจะต้องประทับตราสกัดกั้นเอาไว้!”

“เมื่อไหร่ที่ประตูเซียนเปิดออก ผู้คนทั่วโลกก็จะกลายเป็นมดตัวเล็กตัวน้อยกันไปหมด!”

“จะต้องไม่ให้เรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นได้เป็นอันขาด!”

ในเวลานี้เอง ตราประทับก็เกิดสั่นคลอนอย่างรุนแรงขึ้นมาอีก

ทุกคนก็รีบเงียบปาก แล้วต่างก็รวบรวมสมาธิในการฝึกฝนบำเพ็ญเพียร เพื่อพยุงไว้ให้มั่นคงอย่างถึงที่สุด

ในเวลานี้เอง ทางหุบเขาที่ไม่ห่างไกลจากเขาคุนชางมากนัก

มีเงาร่างของชายหนุ่มสองคนแทรกตัวจากรอยแตกร้าวที่คับแคบออกมาได้

มองดูสิ่งแวดล้อมบริเวณรอบๆที่ไม่คุ้นเคย มองดูท้องฟ้าสีครามที่อยู่เหนือศีรษะ ทั้งสองคนต่างก็มองหน้ากันและกัน และต่างมองเห็นสีหน้าแววตาที่ตื่นเต้นอย่างเหลือล้นของอีกฝ่ายหนึ่ง

ถ้าหากตอนนี้มีผู้บำเพ็ญเพียรได้เห็นสองคนนี้ละก็ จะต้องเกิดการอาการช็อกอย่างแน่นอน

เพราะว่ากลิ่นอายที่มองไม่เห็นที่ปลดปล่อยออกจากร่างของคนทั้งสองนั้น เป็นที่น่าสะพรึงกลัวสุดขีดเลยทีเดียว

หลังจากที่มองตากันแล้ว ชายหนุ่มทั้งสองคนก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งขึ้นมาทันที

ผู้ชายที่สวมชุดยาวสีม่วงตะโกนพูดอย่างตื่นเต้นว่า “พี่เจียง คิดไม่ถึงจริงๆว่า พวกเราสองคนถึงกับมีบุญวาสนาที่สูงส่งขนาดนี้ ถึงกับได้พบรอยแตกในช่องว่างนี้โดยบังเอิญเข้า!”

ส่วนชายชุดยาวสีเขียวอีกคนหนึ่งพยักหน้าแล้วพูดว่า “ถูกต้อง! โลกเซียนเราเคยมีตำนานร่ำลือมาเมื่อหลายพันปีก่อนแล้ว ความหายนะจวนจะมาถึงแล้ว พวกบรรพบุรุษของพวกเราได้ประทับตราสกัดกั้นคนรุ่นหลังอย่างพวกเราไว้ในโลกเซียนเล็กๆใบนี้”

“คิดไม่ถึงจริงๆเลย คำร่ำลือในตำนานนี้ถึงกับเป็นจริงแล้ว!”

“แต่ว่า.......ทำไมชี่ทิพย์นอกโลกนี้ถึงได้เบาบางเช่นนี้? มิหนำซ้ำยังรู้สึกว่าแทบจะไม่มีชี่ทิพย์เหลืออยู่เลย!”

เจียงยี่หัวเราะฮาๆ มองไปยังหวางซูเฟินก่อน แล้วมองไปยังฉินหลันที่อยู่ข้างๆ ลูบคางตัวเองด้วยความพึงพอใจ แล้วพูดว่า “ใช่เลย ใหญ่หนึ่งเล็กหนึ่ง สมตามคำร่ำลือทุกอย่างจริงๆเลย ล้วนแต่เป็นสุดยอดของดีชั้นหนึ่งทั้งนั้น!”

หวางซูเฟินได้ยินแล้ว ก็ตะโกนพูดด้วยความโมโหว่า “บังอาจ! แกเป็นใครกันแน่? อย่าคิดว่าแกเป็นผู้บำเพ็ญเซียนแล้ว ก็สามารถที่จะทำอะไรตามอำเภอใจที่นี่ได้นะ!”

เจียงยี่ทำตาหรี่เล็กลง แล้วพูดด้วยเสียงหัวเราะอีกครั้งว่า “ดี! นิสัยดุเด็ดเผ็ดมัน ถูกใจฉันพอดีเลย! สาวงามทั้งสอง ตามฉันไปไหม? ฉันจะถ่ายทอดวิชาอยู่ยงคงกระพันของต้าเต๋าให้พวกคุณทั้งสองเลย!”

หวางซูเฟินได้ยินดังนั้น ก็รีบลากฉินหลันเข้ามาอยู่ข้างหลังตัวเอง แล้วตะคอกเสียงเย็นชาว่า “ฉันรู้ว่าแกเป็นใคร แกก็คือหนึ่งในเจ้าสำนักฉีเทียนอะไรนั่นที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นมาใหม่ไม่นานนี้ ใช่ไหมล่ะ?”

“ฉันขอเตือนคุณไว้ก่อน พวกคุณเป็นผู้บำเพ็ญเซียน ลูกชายฉันก็เป็นผู้บำเพ็ญเซียนเหมือนกัน!”

“ถ้าแกกล้าแตะต้องพวกเราละก็ รอให้ลูกชายฉันออกจากการเก็บตัวก่อน แกจะต้องได้เจอดีแน่!”

“ถึงเวลาตอนนั้นแล้ว เกรงว่าแกจะรับความโกรธแค้นของลูกชายฉันไม่ไหวแน่!”

เจียงยี่หัวเราะแล้วพูดเยาะเย้ยว่า “ลูกชายของคุณก็คือหลินชางฉอง เทพแห่งสงครามอันดับหนึ่งของประเทศจีน ใช่ไหมล่ะ? วางใจเถอะ หลังจากที่เขาออกมาจากการเก็บตัวแล้ว ฉันก็จะถ่ายทอดวิชาอาคมเซียนที่แท้จริงให้กับเขาเหมือนกัน”

“อย่างน้อยที่สุดถึงเวลานั้นแล้วฉันก็น่าจะกลายเป็นพ่อของเขาแล้วล่ะ! ฮ่าๆๆ!”

“สาวงามทั้งสอง ตามฉันมาเถอะ!”

เจียงยี่โบกมือทีเดียว ก็มีลำแสงสีเขียวปรากฏขึ้นมาแล้ว ทันใดนั้นก็ไปม้วนตัวหวางซูเฟินและฉินหลันไว้ ทั้งสามคนก็หายไปจากห้องทำงานพร้อมกัน

ในเวลาเดียวกันนี้เอง คฤหาสน์บ้านตระกูลนิ่งในเมืองหลวง

นิ่งโหย่วหรงก็ถูกมู่หงเจ้าสำนักอีกคนหนึ่งของสำนักฉีเทียนจับตัวไปเช่นเดียวกัน

รวมทั้งอีหลิง หยางหรง สาวๆพวกนี้เป็นต้น ก็ไม่มีใครที่สามารถรอดพ้นไปได้สักคนเดียว

หลังจากได้ยินข่าวที่หวางซูเฟินและฉินหลันถูกลักพาตัวแล้ว นายท่านหลินก็รีบติดต่อซูจื่อเหลียงและซูหนันที่อยู่ทะเลสาบเยว่หยาทันที

นายท่านหลินพูดอย่างร้อนใจว่า “อาจารย์พวกคุณออกมาจากเก็บตัวแล้วยัง? แม่เขาและฉินหลัน ตอนนี้ถูกเจ้าเดียรัจฉานของสำนักฉีเทียนนั้นจับตัวไปแล้ว!”

ซูจื่อเหลียงและซูหนันเมื่อได้ยินแล้วก็บันดาลโทสะขึ้นมาทันที “อะไรนะครับ? นายท่านข่าวนี้เป็นจริงหรือเปล่า?”

นายท่านหลินพูดด้วยเสียงหนักแน่นว่า “ก็จริงแน่นอนสิ! พวกคุณรีบไปเรียกหลินหยุนออกจากการเก็บตัวเดี๋ยวนี้เลย! เดียรัจฉานทั้งสองนั้นเป็นผู้บำเพ็ญเซียนเหมือนกับพวกเราอย่างแน่นอน อีกทั้งพลังฝึกฝนก็สูงส่งมากด้วย!”

ซูจื่อเหลียงและซูหนันพูดด้วยสีหน้าดูน่าเกลียดว่า “นายท่านครับ อาจารย์กำลังเก็บตัวอยู่ พวกเราไม่สามารถติดต่อได้เลย ฉันว่าอย่างนี้ดีกว่า ฉันกับซูหนันจะรีบไปที่สำนักฉีเทียน จะต้องไปช่วยผู้อำนวยการหวางและคุณฉินหลันออกมาก่อน!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์