ประธานาธิบดีและท่านหงล้วนขมวดคิ้วขึ้นมา
ท่านหงลุกขึ้นยืนและตะโกนอย่างโกรธเคือง “พวกนายหมายความว่ายังไง? สถานการณ์ตอนนี้ พูดได้ว่าโลกมนุษย์ของเรากำลังตกอยู่ในอันตรายแล้ว!”
“แต่พวกนายกลับยังกล้ามาบ่ายเบี่ยงอยู่ที่นี่อีก?”
ผู้นำตระกูลจ้าวไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย เขาเอ่ย “ท่านหง คุณพูดจาออกจะลำเอียงไปหน่อยแล้ว!”
“แม้ว่าสี่ตระกูลใหญ่ของเราจะมีความสัมพันธ์บางอย่างกับตระกูลผู้พิทักษ์ในโลกบู๊โบราณอยู่บ้าง!”
“แต่ถึงคนอื่นจะไม่รู้ก็แล้วไป แต่คุณกับท่านประธานาธิบดียังไม่เข้าใจอีกหรือ?”
“ถ้าพูดให้ดูดีก็บอกว่าพวกเราเป็นตัวแทนของตระกูลผู้พิทักษ์ แต่ความจริงล่ะ? ตระกูลผู้พิทักษ์นั้นไหนเลยจะมาสนใจพวกเรา?”
“พวกเรามีสิทธิ์ที่จะสั่งไปให้คนของตระกูลผู้พิทักษ์ทำสิ่งต่าง ๆ ได้ที่ไหนกัน?”
“คุณช่างยกยอพวกเรามากเกินไป!”
ผู้นำตระกูลหลิวเองก็ยังกล่าวอีกว่า “ใช่แล้ว! พวกเรานั้นมีใจ แต่กลับไร้กำลัง!”
ผู้นำตระกูลจางเองก็เอ่ย “พี่จ้าวพูดถูก! พวกเราไม่สามารถออกคำสั่งตระกูลผู้พิทักษ์ได้! เว้นแต่เราจะไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว!”
“นอกจากนี้ ต่อให้ผนึกอาคมจะแตกจริงๆ การเปิดประตูเซียนก็อาจไม่ทำให้เกิดปัญหามากนักก็ได้!”
“ท่านประธานาธิบดี ผมว่าอย่าได้ไปสนใจเรื่องพวกนี้เลย!”
“คนของประตูเซียนออกมาแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้จะทำอะไร!”
“อีกทั้งในเวลานั้น พวกเขาก็จะต้องกระจายประตูเซียนไปในหมู่ชาวจีนของเราอย่างแน่นอน ในเวลานั้นคนจีนทุกคนจะฝึกตน สักวันจะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก!”
หวางโส่วหลี่นั่งอยู่ด้านล่าง หลังจากเข้ามาแล้วเขาก็ไม่ได้พูดอะไรมากนัก
ท้ายที่สุดแล้วเขาที่เป็นผู้นำตระกูลหวางคนใหม่ เมื่อเทียบกับบิดาของเขาหวางจิงหลงแล้วก็ยังแย่กว่ามาก
ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลหวางในปัจจุบันไม่ใช่ตระกูลหวางในตอนนั้นอีกต่อไป
ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ยังตัดสินใจที่จะผูกสัมพันธ์กับสำนักฉีเทียน
โชคดีที่เมื่อเห็นสถานการณ์เริ่มเลวร้าย หวางเจ๋อก็รีบหนีไปอย่างเด็ดขาด ดังนั้นจึงไม่ได้ถูกหลินหยุนจับได้
แต่ในเวลานี้หลินหยุนอยู่ตรงหน้าเขา แม้ว่าเขาจะนั่งอยู่ที่นั่นโดยไม่เคลื่อนไหวและไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ บนใบหน้า แต่ก็ยังสร้างความกดดันให้หวางโส่วหลี่อย่างมาก
แต่ในเวลานี้ หวางโส่วหลี่ยังคงเอ่ยปากขึ้น “ผมคิดว่าที่ผู้นำตระกูลจางกล่าวนั้นไม่เลว! คนในประตูเซียนออกมาก็ควรรู้จักเหตุผลและกฎเกณฑ์อยู่แล้ว! พวกเราไม่ต้องตื่นตระหนกไป!”
เมื่อได้ฟังดังนั้น ท่านหงก็เอ่ยเย้ยหยัน "ไร้เดียงสา! พวกนายช่างไร้เดียงสาจนถึงขีดสุด!"
“หากไม่ได้ไร้เดียงสา ก็คงต้องบอกว่าโง่จนบ้า!”
“ปล่อยให้คนในประตูเซียนออกมางั้นเหรอ?”
“คนสองคนนั้นจากสำนักฉีเทียนพวกนายไม่เห็นหรือไง?”
“พวกนายตาบอดหรือไงกัน?”
“แค่คนเพียงสองคน พวกเราก็ไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว!”
“ถ้าไม่ใช่เพราะหลินหยุน ตอนนี้ทั่วจีนคงเละเป็นโจ๊กไปแล้ว!”
“หรือว่าพวกนายไม่เห็นเรื่องทั้งหมดนี่บ้างเลยหรือไง?”
ผู้นำตระกูลจ้าวเอ่ย “ท่านหง อย่าได้โมโหขนาดนี้เลย!"
"ดูเหมือนว่าจะมีอันตรายอยู่บ้างจริงๆ และมีผลกระทบต่อโลกมนุษย์ของเรา!"
“แต่ว่าผู้นำตระกูลจางและตระกูลหลิวเองก็พูดถึงเรื่องที่อาจเป็นไปได้นี้!”
“ตอนนี้พวกเราไม่ได้กำลังหารือกันหรอกหรือ?”
"นี่เป็นสองทางเลือก หากเราไม่สามารถผนึกอาคมให้มีเสถียรภาพได้ อย่างนั้นเราก็ควรเตรียมตัวให้พร้อม!"
"ส่วนเรื่องการหาของ..."
“พวกเราสี่ตระกูลหมดหนทางจริงๆ!”
“ส่วนเหตุผล ก็อย่างที่บอกไปเมื่อครู่!”
ผู้นำตระกูลจางเหลือบมองหลินหยุนโดยไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ท่านประธานาธิบดี ท่านหง ผมว่าเรื่องนี้ ใครก่อขึ้นคนนั้นก็ควรเป็นคนแก้ไข!"
ประธานาธิบดีที่ไม่ได้เอ่ยอะไรมาตลอดสูดลมหายใจเข้าลึกและเอ่ย "พวกนายบางคนต้องการให้ประตูเซียนเปิดออก ไม่เข้าใจสถานการณ์ก็ถือว่าเข้าใจได้อยู่บ้าง ฉันไม่โทษพวกนาย!"
“แต่ฉันจำเป็นต้องบอกพวกนายว่า หากประตูเซียนถูกเปิดออกจริงๆ ผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...