ในไม่ช้า ค่ายกลก็เสถียรอย่างสมบูรณ์ และรอยแยกที่หน้าของหลินหยุนก็ปิดสนิทลงแล้ว
ถ้าเขาไม่ได้เตรียมการล่วงหน้า และวางค่ายกลเคลื่อนย้ายเอาไว้ ตอนนี้เกรงว่าเขาคงจะไม่มีทางเข้าไปได้แล้วจริงๆ!
หลินหยุนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาและโทรหาแม่ของตน เพื่อบอกว่าเขาจะต้องเก็บตัวต่ออีกระยะเวลาหนึ่ง
หลังวางสายจากแม่ เขาก็บอกซูจื่อเหลียงและซูหนันให้เฝ้าอยู่ที่ทะเลเย่วหยา ขณะเดียวกันก็ให้เฝ้าดูสถานการณ์ด้านแม่ของเขาอยู่ตลอดด้วย
ตนอาจจะไม่ได้กลับมาเป็นเวลานาน
หลังจากทุกอย่างถูกจัดการแล้วเรียบร้อย หลินหยุนก็เก็บโทรศัพท์ เขาหายวาบเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้ายนั้น
ในไม่ช้า ช่องว่างนั้นก็เกิดความผันผวนอย่างรุนแรง
แต่หลังจากนั้นไม่นาน มันก็กลับคืนสู่ความสงบอย่างรวดเร็ว
ทั่วทั้งหุบเขาไร้เงาของหลินหยุนอีกต่อไป
วินาทีถัดมา
หลินหยุนก็ปรากฏตัวในโลกที่แปลกประหลาด
โลกคุนชาง หน้าผา
ทันทีที่หลินหยุนปรากฏตัว เขาก็รู้สึกถึงพลังอันยิ่งใหญ่ในอากาศ
แน่นอนว่า พลังอันยิ่งใหญ่นี้เป็นการเปรียบกับโลกภายนอก
และหากเทียบกับโลกแห่งการบำเพ็ญ พลังทิพย์นี้ยังคงเบาบางอย่างมาก และหากจะเรียกว่า “ดินแดนที่แห้งแล้ง" ก็คงไม่มากเกินไป!
แต่นี่ก็ยังทำให้หลินหยุนประหลาดใจ
อย่างน้อยๆความเข้มข้นของพลังทิพย์ที่นี่ ก็ยังดีกว่าที่ทะเลสาบเยว่หยา
ดวงตาของหลินหยุนราวกับไฟฟ้าที่สแกนไปทุกทิศทาง
นี่คือหน้าผาที่สูงชันมากแห่งหนึ่ง
คนธรรมดาหมดโอกาสที่จะมาที่นี่ได้ อีกทั้งผู้ฝึกตนบางคนก็เกรงว่าไม่มาที่แห่งนี้เหมือนกัน!
ไม่รู้ว่าทำไมมู่หงและเจียงยี่ถึงได้มาที่นี่และพบรอยแยกที่นำไปสู่โลกภายนอก
อย่างไรก็ตาม ไม่ช้าหลินหยุนก็พบเบาะแส
ที่ด้านล่างของหน้าผา มีกลิ่นอายที่ผันผวนอย่างรุนแรงอยู่
จนดูคล้ายกับมีสัตว์อสูรที่ทรงพลังมีอยู่
หลินหยุนสัมผัสถึงมันอยู่ชั่วขณะหนึ่ง และเมื่อเขาคิดจะลงไปที่ด้านล่างของหน้าผาเพื่อค้นหาคำตอบ กลิ่นอายทั้งสามสายก็พุ่งจากทางทิศเหนือมายังทางที่เขาอยู่
ร่างกายของหลินหยุนไหววาบและหายวับไปในอากาศ
ไม่นาน ชายสองคนและผู้หญิงหนึ่งคนก็มาถึงขอบหน้าผา
ในเวลานี้ ชายสองคนที่อยู่ด้วยกันมองมาที่ผู้หญิงคนนั้นด้วยใบหน้าตื่นตัวทันที
ผู้หญิงคนนั้นเป็นหญิงชราอายุประมาณ 60 หรือ 70 ปี และก็กำลังขมวดคิ้วเช่นกัน
เมื่อมองไปที่ชายชรา หญิงชราก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "หวงเซิ่ง ตาเฒ่าอย่างนายมาทำอะไรที่หน้าผานี้?"
ชายชราที่ถูกเรียกว่าหวงเซิ่ง หัวเราะหึหึและพูดว่า “ยายเฒ่าสิบเยว่ เธอเองก็มาที่นี่ด้วย? หรือว่าที่หน้าผานี้มีแค่เธอเท่านั้นที่มาได้ ฉันมาไม่ได้งั้นหรือ?”
ยายเฒ่าสิบเยว่ คนนั้นขมวดคิ้วอีกครั้งและพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “ดูเหมือนว่านายจะพบเจียวร้ายตัวนี้แล้ว ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็มีแค่สองทางเลือก!”
“ข้อแรก นายและฉันตัดสินผลแพ้ชนะกันก่อน! ผู้ชนะจะได้รับเจียวร้ายไป”
“ข้อสอง นายกับฉัน่วมมือกัน! แล้วค่อยตัดสินแพ้ชนะหลังจากฆ่าเจียวร้าย!”
หวงเซิ่งกล่าวด้วยรอยยิ้มจาง ๆ "เจียวร้ายตัวนั้นยังไม่ขึ้นสู่ขั้นรวมยา เธอกับฉันทำไมต้องร่วมมือกัน! ต่อสู้กันโดยตรงไปเลยเถอะ! คนแพ่ต้องจากไป และอย่าพูดพร่ำอีก!"
ยายเฒ่าสิบเยว่ พูดอย่างเย็นชาว่า “ได้ อย่างนั้นก็ตามที่นายต้องการ!”
เมื่อเสียงสิ้นสุดลง ก็ลงมือทันที
แม้ว่าฝ่ายนี้จะร่างเล็กและอ่อนแอ อีกทั้งยังแต่งกายไม่ประณีตมากนัก ราวกับหญิงชราชาวนาผู้หนึ่ง
แต่เมื่อลงมือกลับมีพลังที่ทรงพลังจนทำให้คนใจสั่น
ชายชราชื่อหวงเซิ่งเองก็ไม่ลังเลเช่นกัน เขาสะบัดเชือกสีดำเส้นหนึ่งออกมาอย่างไม่รีบร้อน จากนั้นก็โยนมันใส่หญิงชราในทันที
เชือกนั้นจะต้องเป็นของวิเศษที่น่ากลัวชิ้นหนึ่งอย่างแน่นอน
หลังจากที่หวงเซิ่งขว้างออกไปมันก็พกพาพลังที่น่าหวาดกลัวสุดขีดไปด้วยและกวาดเข้าใส่หญิงชรา
หญิงชราตกใจหน้าถอดสีทันที
"พระจันทร์มืด!"
หญิงชราตะโกน และทันใดนั้นเอง โลกทั้งใบก็มืดมิด] ’
ดวงจันทร์จำลองดวงหนึ่งปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...