ชายหนุ่มส่งเสียงฮื่อใส่อย่างไม่แยแส สายตาก็มองสำรวจฉินเหมยและหลินหยุนจากหัวจรดเท้าอย่างละเอียด
ฉินเหมยยังดูดีหน่อย หน้าตาสะสวยทีเดียว การแต่งตัวก็ไม่เลว
แต่ว่าหลินหยุนที่อยู่ข้างๆนั้น แต่งกายชุดยาวธรรมดาเรียบๆทั้งตัว ทำให้เขาขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
“มาจากเมืองมี่หยุนเหรอ?”
“ตระกูลซิงพวกเราไม่เคยมีญาติอะไรที่มาจากเมืองมี่หยุนที่ทุรกันดารแร้นแค้นแบบนั้นหรอก!”
“ดูไปแล้วพวกแกก็พอเป็นผู้เป็นคนอยู่บ้าง ถึงกับคิดจะมาหลอกลวงตระกูลซิงเราเหรอ?”
“ก็ไม่ดูซะบ้างว่าที่นี่เป็นสถานที่อะไร!”
“รีบไสหัวไปให้พ้นเลย!”
“ไม่เช่นนั้นละก็ อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจแล้วนะ!”
ชายหนุ่มเฝ้าประตูพูดพลางก็ไล่ฉินเหมยและหลินหยุนสองคนออกไป ราวกับกำลังไล่แมลงวัน!
ฉินเหมยรีบพูดขึ้นทันทีว่า “ฉันเป็นญาติสนิทของเจ้าบ้านคุณจริงๆ ไม่ใช่พวกหลอกลวงต้มตุ๋นอะไรเลย! คุณก็เข้าไปแจ้งข่าวหน่อยก็รู้เรื่องแล้วใช่ไหม?”
ชายหนุ่มหัวเราะเยาะแล้วพูดเย้ยหยันว่า “น้ำหน้าอย่างพวกแกไม่รู้เป็นยาจกมาจากไหนกล้ามาสั่งฉันเหรอ?”
“แกเห็นฉันเป็นอะไร?”
“ฉันจะขอพูดอีกครั้ง”
“รีบไสหัวไปให้พ้นเลย!”
“ไม่งั้นฉันจะไม่เกรงใจพวกแกจริงๆแล้ว!”
“ไอ้พวกรนหาที่ตาย!”
ฉินเหมยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความเยือกเย็น
แต่ก็ยังคงอดทนไว้ไม่อาละวาดออกมา
อีกด้านหนึ่ง
หลินหยุนไม่ได้เกรงใจขนาดนั้น
มองไปยังชายหนุ่มที่เฝ้าประตูคนนั้น หลินหยุนก็พูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “งั้นแกก็ให้พวกฉันดูซิว่า แกจะไม่เกรงใจยังไง!”
ยามเฝ้าประตูหัวเราะออกมา แล้วทำตาหรี่ลง สายตาก็มองไปยังหลินหยุน
“ฮ่าๆๆ สนุกแล้วสิ!”
“สงสัยคงเป็นเพราะว่าตระกูลซิงเราสงบเสงี่ยมเกินไปจริงๆแล้ว!”
“ตอนนี้ไม่ว่าพวกหมูหมากาไก่ที่ไหนก็ยังไม่กล้ามาหาเรื่องถึงที่นี่เลยเหรอ?”
“ได้!”
“ไอ้หนู งั้นวันนี้ฉันก็จะสั่งสอนให้แกรู้ซะบ้าง!”
พูดพลางก็ชกหมัดไปตรงหน้าอกหลินหยุนหนึ่งที
พลังฝึกฝนในแดนฝึกพลังระยะแรกก็ระเบิดขึ้น ดูเหมือนก็มีพลังแรงพอสมควรทีเดียว!
หลินหยุนยืนอยู่กับที่ แล้วชี้นิ้วออกไปเบาๆ
“ปั้ง!”
พลังแรงที่มองไม่เห็นก็กระแทกไปบนร่างของชายหนุ่มคนนั้นทันที
เกิดเสียงระเบิดดังออกมา
ชายหนุ่มก็กระเด็นลอยออกไป แล้วไปชนเข้ากับประตูสีแดงอย่างแรง
ประตูใหญ่ที่หนาและหนักนั้นก็สั่นไหวขึ้นอย่างรุนแรง
ชายหนุ่มกระอักเลือดออกมา
จากนั้นแววตาแสดงออกถึงความแตกตื่นหวาดกลัว มองไปยังหลินหยุนด้วยความโกรธแค้น กัดฟันแล้วตะคอกว่า “ไอ้เด็กเวร ถึงกับมาก่อกวนที่บ้านตระกูลซิง! ฉันว่าแกกำลังจะรนหาที่ตาย!”
พูดพลางก็ลุกขึ้นยืน หันหลังกลับแล้ววิ่งเข้าไปในคฤหาสน์
หลินหยุนพูดอย่างเรียบๆว่า “น้าฉินครับ พวกเราเข้าไปเองดีกว่านะ!”
ฉินเหมยสีหน้ากังวลใจ “เสี่ยวหยุน นาย นายก็วู่วาบเกินไป! ตอนนี้ทำให้เรื่องราวใหญ่โตแล้ว เกรงว่าพวกเราคราวนี้จะไม่ราบรื่นแล้วล่ะ!”
หลินหยุนพูดว่า “น้าฉินไม่ต้องกังวลเกินไปหรอก เข้าไปก่อนแล้วค่อยว่ากันเถอะ!”
ไหนไหนก็มาถึงขั้นนี้แล้ว
ฉินเหมยก็รู้ดี
ความจริงแล้วจะโทษหลินหยุนก็ไม่ได้
จึงสูดหายใจเข้าไปลึกๆ แล้วพยักหน้า เดินเข้าไปในคฤหาสน์พร้อมกับหลินหยุน
เดินไปได้ไม่กี่ก้าว
ในไม่ช้า คนรับใช้กลุ่มหนึ่งห้อมล้อมชายวัยกลางคนในชุดยาวสีน้ำตาลคนหนึ่งก็เดินเข้ามาล้อมรอบไว้อย่างรวดเร็ว
ชายหนุ่มที่ถูกหลินหยุนใช้นิ้วชี้ทิ่มจนกระเด็นออกไปเมื่อครู่นี้ ชี้ไปยังฉินเหมยและหลินหยุนแล้วพูดอย่างโมโหว่า “พ่อบ้านใหญ่ครับ สองคนนี้แหละที่บุกรุกตระกูลซิงเรา! ผมขัดขวางเขาไว้ไม่ได้ พวกเขาถึงกับลงมือทำร้ายคนด้วย!”
ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วแล้วมองไปยังฉินเหมยและหลินหยุน พูดด้วยเสียงหนักแน่นว่า“พวกแกเป็นใคร? ถึงกับกล้ามาบุกรุกบ้านตระกูลซิง?”
“เด็กๆ!”
“จับพวกเขาเอาไว้!”
ชายวัยกลางคนไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบสั่งให้พวกลูกน้องที่อยู่ข้างกายลงมือทันที
อย่าเห็นว่าคนพวกนี้เป็นเพียงแค่คนรับใช้ตระกูลชิน แต่ทั้งหมดต่างก็เป็นผู้บำเพ็ญเซียนทั้งนั้น
ฝีมือที่ด้อยที่สุดก็คือชายหนุ่มที่เฝ้าประตูคนนั้น พลังฝึกฝนอยู่ในแดนฝึกพลังระยะแรกเท่านั้นเอง
ผู้คนจำนวนสิบกว่าคน ก็เข้าโอบล้อมหลินหยุนและฉินเหมยไว้ทันที
ฉินเหมยตกใจจนหน้าถอดสี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...