เออดี ยังไม่ทันเอ่ยปากเลย ก็ถูกอุดปากเสียก่อนแล้ว
ฉินเหมยรู้สึกจนหนทาง แต่ว่าก็ยังคงพูดความคิดเห็นของตัวเองออกมา
ระหว่างที่สองคนพูดคุยกันอยู่นั้น หลินหยุนยืนอยู่ด้านข้าง ก็กำลังสังเกตหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าคนนี้
ฝ่ายตรงข้ามอายุเพียงแค่ยี่สิบต้นจริงๆ
ไม่ใช่ยายแก่อะไรที่ปลอมตัวมา
อีกอย่างที่ทำให้หลินหยุนรู้สึกประหลาดใจมากก็คือ
หญิงสาวคนนี้พลังฝึกฝนแข็งแกร่งมาก
ถ้าหากประเมินจากระดับแดนฝึกฝนแล้ว ก็น่าจะใกล้เคียงกับเขา
อยู่ในแดนฝึกพลังระยะหลังบริบูรณ์ แต่ยังไม่ถึงแดนยาทอง
อายุแค่นี้ พลังฝึกฝนขนาดนี้ ด้วยความเข้าใจเกี่ยวกับโลกคุนชางที่หลินหยุนได้รู้จักมาเป็นเวลาระยะหนึ่งแล้วนั้น
หญิงสาวคนนี้สามารถเรียกได้ว่าเป็นสุดยอดอัจฉริยะได้เลย
ฉินเหมยพูดด้วยเสียงนอบน้อมว่า “อาหญิงน้อยคะ งานเซ่นไหว้บรรพบุรุษคราวนี้ ฉันหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะให้ท่านไปร่วมงานด้วยค่ะ!”
“ผ่านไปตั้งหลายปีแล้ว ท่านไม่คิดจะไปหาเยี่ยมเธอบ้างเลยเหรอคะ?”
“ฉันคิดว่าเธออยู่บนสวรรค์รับรู้ได้ ว่าอาหญิงน้อยท่านไปเยี่ยมเธอ เธอจะต้องดีใจเป็นอย่างมากเลยค่ะ!”
สีหน้าสะสวยของหญิงสาวบึ้งตึงทันที ทำเสียงฮื่อใส่แล้วพูดว่า “เธอดีใจ แต่ฉันไม่ดีใจด้วย!”
พูดพลางมองไปยังฉินเหมย “ถ้าแกมาเพื่อเยี่ยมเยียนฉัน มาเที่ยวเล่นละก็ แกก็พักอยู่ที่นี่หลายวันก็ได้!”
“คิดอยากจะกลับไปเมื่อไหร่ งั้นก็กลับไปเมื่อนั้นแหละ!”
“แต่ถ้าคิดจะให้ฉันไปมี่หยุนกับแกละก็ งั้นก็ไม่ต้องพูดอีกแล้ว!”
“เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย!”
สีหน้าฉินเหมยย่ำแย่มากทีเดียว
ยังคิดอยากจะพูดเตือนอีก
หญิงสาวโบกมือด้วยความรำคาญ สายตาก็มองไปยังหลินหยุน
“เจ้าเด็กนี่แกไปเอามาจากไหนเหรอ?”
“เป็นชู้รักของแกเหรอ?”
“ดูไม่ออกจริงๆเลย แกถึงกับมีรสนิยมแบบนี้ด้วย!”
“วัวแก่อยากกินหญ้าอ่อนเหรอ?”
“ฉันดูเขาแล้วอายุน่าจะไล่เลี่ยกับชิงถงบ้านแกเลยใช่ไหมล่ะ?”
“แกก็ยังกินเข้าไปลงอีก!”
“มโนธรรมในใจไม่รู้สึกเจ็บปวดบ้างเหรอ?”
ฉินเหมยพูดอะไรไม่ออกทันที ทำตาเหลือกมองบนอย่างอารมณ์เสีย “อาหญิงน้อย ท่านพูดอะไรออกมาแบบนี้ได้ยังไง?”
“เขาคือหลินหยุน เป็นลูกชายเพื่อนสนิทของฉันคนหนึ่ง!”
“ช่วงนี้มาเป็นแขกที่ตระกูลฉินเรา ฉันจึงให้เขามาเป็นเพื่อนก็เท่านั้นเอง!”
หญิงสาวทำเสียงฮื่อใส่ มองดูฉินเหมยราวกับกำลังมองคนโง่ เบ้ปากแล้วพูดว่า “แล้วมันแตกต่างกันตรงไหนเหรอ?”
ฉินเหมยรีบพูดว่า “อาหญิงน้อยคะ ท่านอย่าได้พูดซี้ซั้วอีกเลย!”
หญิงสาวเห็นเช่นนั้น ก็หัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “เป็นไง ฉันพูดแทงใจดำล่ะสิ ไม่อยากจะฟังเหรอ? ไม่อยากฟังก็กลับไปเลย ฉันก็จะไม่ห้ามแกไว้หรอก!”
พูดพลางสายตาก็มองไปที่หลินหยุนอีกครั้ง ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ชู้รักคนนี้ของแก เมื่อกี้ลงมือทำร้ายคนรับใช้บ้านฉัน แกว่าตอนนี้ควรจะทำยังไงดีล่ะ?”
ฉินเหมยตกใจชะงัก รีบพูดว่า “อาหญิงน้อยคะ เสี่ยวหยุนไม่ได้อยากจะลงมือเลย แต่ไม่มีทางเลือกจึงจำเป็นทำลงไปเช่นนี้ หวังว่าอาหญิงน้อยท่านอย่าได้โกรธเคืองเลย!”
หญิงสาวพูดว่า “อะไรนะ? หมายความว่าตระกูลซิงเรากลั่นแกล้งพวกแกงั้นเหรอ?”
ฉินเหมย “..........”
เธอไม่รู้จะพูดยังไงจริงๆแล้ว
พฤติกรรมของคนรับใช้บ้านท่านเป็นยังไง ในใจท่านก็น่าจะรู้ดีไม่ใช่เหรอ?
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าท่านให้ท้ายละก็ คนรับใช้บ้านใครจะกล้าโอหังถึงขนาดนี้ได้?
หญิงสาวพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “เจ้าเด็กนี่ฉันมองแล้วขัดหูขัดตาจัง! แกช่วยไล่เขาออกไปที! ไม่งั้นแกก็ไสหัวไปพร้อมกับเขาเลย!”
ฉินเหมยพูดด้วยสีหน้าย่ำแย่ว่า “อาหญิงน้อยคะ ท่านก็อย่าจิกแต่เรื่องนี้ไม่ปล่อยเลยนะ!”
“จวนจะถึงวันที่ไหว้บรรพบุรุษแล้ว!”
“ท่านก็รีบไปกับฉันเถอะ!”
หญิงสาวพูดว่า “ฉันพูดเมื่อไหร่ว่าจะไปกับแก!”
“แกจะไล่เจ้าเด็กนี่ไปหรือไม่?”
“ดูไปแล้วแกก็คงรักใคร่ชู้รักแกคนนี้จริงๆเลยนะ!”
“ถ้าแกไม่ยอมไล่ งั้นฉันคงต้องลงมือเองแล้วล่ะ!”
ฉินเหมยถอนหายใจเฮือก พูดอย่างจนใจว่า “อาหญิงน้อยคะ ท่านก็อย่าล้อเล่นอีกเลย!”
หญิงสาวพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “งั้นฉันลงมือเองแล้วนะ!”
พูดพลาง เงาร่างก็หายวับไป แล้วตบด้วยฝ่ามือไปยังหลินหยุนหนึ่งที
เมื่อเห็นหญิงสาวลงมือแล้ว คนรับใช้สิบกว่าคนที่อยู่ข้างๆต่างก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
มองไปยังหลินหยุนด้วยความเย้ยหยัน
ดี!
คุณหนูลงมือเองแล้ว
คราวนี้เจ้าเด็กนี่เจอดีแน่แล้ว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...