อ่านสรุป บทที่ 1173 ค้นหา จาก จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่
บทที่ บทที่ 1173 ค้นหา คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายใช้ชีวิต จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย จูผาซู่ อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
พวกเธอทั้งสองคนเดินเข้าไปยังทางเดินด้วยความระมัดระวัง
ผ่านไปไม่นาน พวกเธอก็เดินมาถึงห้องแรก
ฉินเหมยพูด "สถานที่แห่งนี้มีห้องลับทั้งหมดสามห้อง พวกเราก็เริ่มค้นหาทีละห้องๆละกัน!"
ซิงเฟยขมวดคิ้วและพูด "คุณแน่ใจเหรอว่าเจ้าคนโตซิงจะเก็บความลับของสำนักหยุนเยว่ไว้ตรงนี้จริงๆ?"
ฉินเหมยส่ายหัวและพูด "ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน! แต่ฉันคิดว่ามันยังมีความหวังที่จะค้นเจอในสถานที่แห่งนี้! ก่อนที่คุณแม่จะมรณภาพ เธอเรียกฉันเข้ามา ฉันคิดว่าคุณแม่ไม่ได้แค่อยากเจอฉันเท่านั้น บางทีคุณแม่ต้องการบอกวิธีเข้ามายังสถานที่แห่งนี้ให้ฉันทราบด้วย!"
ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่หลินหยุนมาถึงแล้ว เธอจึงกระตือรือร้นและเป็นมิตรมากๆ
ตั้งแต่เล็กจนโต เธอเคยเห็นหน้าคุณแม่แค่ครั้งเดียว และเธอมีเวลาอยู่กับแม่แค่หนึ่งวันเท่านั้น
แต่เธอเชื่ออย่างสนิทใจ เธอคือคนที่เข้าใจคุณแม่มากที่สุด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตัวเองเริ่มมีอายุมากขึ้น และมีประสบการณ์ชีวิตที่เยอะขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เธอแน่ใจเรื่องนี้มากๆ
คุณแม่คงไม่ยอมให้ความลับที่สืบทอดจากปากต่อปากของสำนักหยุนเยว่ตายไปพร้อมกับตัวเองอย่างแน่นอน
ประตูของห้องลับยังคงมีค่ายกลที่แข็งแกร่งอยู่ ฉินเหมยใช้พลังจากสายเลือดของเธอเปิดห้องลับอีกครั้ง และเข้าไปในห้องลับทันที
ในห้องลับนี้ไม่มีอะไรเลย นอกจากตำรา
มีชั้นวางตำราหลายชั้น ทุกๆชั้นก็เต็มไปด้วยตำรา
ตอนนี้ ตำราที่อยู่บนชั้นต่างมีฝุ่นหนาๆเกาะอยู่ และมีใยแมงมุมจำนวนมากด้วย
พวกเธอทั้งสองคนรีบเปิดตำราดูทันที จากนั้นพวกเธอก็สบตากันและส่ายหัว
ตำราพวกนี้เป็นเพียงแค่ตำราธรรมดาทั่วไป มันไม่ได้มีค่ามากนัก
หลังออกจากห้องลับห้องแรกแล้ว พวกเธอทั้งสองคนก็เดินไปข้างหน้า ผ่านไปไม่นาน พวกเธอก็เดินมาถึงห้องลับห้องที่สองทันที
ฉินเหมยกำลังจะเดินไปข้างหน้า แต่ซิงเฟยกลับดึงเธอไว้และพูด "ให้ฉันลองเอง! คุณเสียเลือดไปมากแล้ว!"
ค่ายกลสองสามอันที่อยู่ก่อนหน้านี้ ใช้สายเลือดของฉินเหมยเพื่อเปิดมันออก
เดิมทีพลังของเธอก็อ่อนแอมากๆ เมื่อเธอเสียเลือดไปมาก สีหน้าของเธอก็เริ่มขาวซีดขึ้นมาทันที
เมื่อได้ยินคำพูดของซิงเฟย ฉินเหมยก็พยักหน้าและตอบตกลง
สีหน้าของซิงเฟยเคร่งขรึมเล็กน้อย เธอเดินไปหน้าประตูห้องลับห้องที่สอง เธอค่อยๆยื่นมือไปที่ประตูหินอย่างระมัดระวัง
ในเวลาเดียวกัน ก็มีเลือดพุ่งออกมา ค่ายกลที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าก็กระตุกไปชั่วครู่ จากนั้นมันก็หายไปเลย
หลังจากเปิดประตูหินแล้ว พวกเธอทั้งสองคนก็เดินเข้าไปทันที
ห้องนี้ดูสะอาดมากๆ ไม่มีชั้นวางตำราเลย มีเพียงเบาะรองนั่งเก่าๆอันหนึ่งเท่านั้น
ในเวลานี้ เบาะรองนั่งสีเหลืองอันนั้น ก็มีฝุ่นหนาๆเกาะอยู่ด้วย
ซิงเฟยพูด "ไปห้องลับห้องต่อไปกันเถอะ!"
ฉินเหมยพยักหน้า
พวกเธอทั้งสองคนหันหลัง และเดินไปห้องลับห้องสุดท้ายทันที
ฉินเหมยหายใจลึกๆและพูด "มันอาจจะอยู่ในห้องลับห้องสุดท้าย!"
"และด้านในห้องลับน่าจะมีโครงกระดูกของคุณแม่ด้วย……"
ฉินเหมยรู้สึกประหม่าอย่างเห็นได้ชัด
ซิงเฟยเปล่งเสียงไม่พอใจออกมาและพูด "มันก็แค่โครงกระดูกเท่านั้น คุณจะประหม่าทำไม!"
ฉินเหมยหมดคำพูดทันที
คุณไม่รู้สึกประหม่า เพราะคุณใจกล้าไง!
นั้นเป็นคุณแม่ของฉันนะ! ฉันจะไม่ประหม่าได้ยังไง?
ฉันแค่รู้สึกโศกเศร้านิดหน่อยไม่ได้เลยเหรอ?
ซิงเฟยเดินไปที่หน้าประตูห้องลับทันที เธอทำเหมือนเมื่อสักครู่ ใช้เลือดของเธอเพื่อเปิดห้องลับ
ฝ่ามือของเธอผ่านค่ายกลที่มองไม่เห็นนั้น เธอผลักประตูเบาๆ ประตูหินในห้องลับก็ถูกเปิดออกอย่างช้าๆ
ในห้องลับไม่มีแสงอะไรเลย มันมืดมากๆ
ซิงเฟยขมวดคิ้วทันที เธอหันหลังมาพูดกับฉินเหมย "เอาคบเพลิงบนกำแพงมาหน่อย!"
ฉินเหมยพยักหน้า เธอเดินไปยังกำแพงและหยิบคบเพลิงลงมาทันที
พวกเธอทั้งสองคนหยิบคบเพลิง และเดินเข้าไปในห้องลับอย่างระมัดระวัง
ห้องลับนี้กว้างมากๆ และมีสิ่งของจำนวนมากเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม สิ่งแรกที่พวกเธอทั้งสองคนเห็นก็คือโครงกระดูกอันหนึ่ง
ฉินเหมยก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน เธอพูดทันที "ใช่แล้ว! อย่างไรก็ตาม……ฉันก็ไม่เข้าใจจริงๆว่าเกิดอะไรขึ้น! อาหญิง คุณลองดูตำราที่เขียนด้วยมือพวกนี้ มันเป็นการเขียนถึงความรู้สึกของคุณแม่เองใช่ไหม!"
"ความเสียใจและความละอายใจของเธอ น่าจะเพราะสำนักหยุนเยว่!"
"ในเมื่อเธอมีความรู้สึกแบบนี้ ทำไมเธอต้องปล่อยให้ความลับของสำนักหยุนเยว่ตายไปพร้อมกับเธอด้วย?"
เมื่อซิงเฟยได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็พยักหน้าทันทีและพูด "คำพูดของคุณสมเหตุสมผลมาก! แต่ตรงนี้กลับไม่มีตำราบันทึกพวกนั้นเลย!"
ตอนนี้เธอเกือบจะฝึกฝนถึงแดนยาทองแล้ว ประสาทสัมผัสของเธอนั้นไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ตอนที่เข้ามาในห้องลับ เธอได้ปล่อยพลังดวงจิตค้นหาสถานที่แห่งนี้ไปหลายรอบแล้ว!
ฉินเหมยรีบถามทันที "อาหญิง บางทีอาจจะมีบางอย่างที่พวกเราค้นหาไม่เจอหรือเปล่า?"
ซิงเฟยเปล่งเสียไม่พอใจออกมาและพูด "เด็กโง่ คุณคิดว่าพลังของอาหญิงอ่อนแอมากๆเหรอ? ภายใต้ดวงจิตและประสาทสัมผัสของฉัน สิ่งของที่อยู่ในห้องนี้ไม่มีอะไรที่สามารถหลุดพ้นจากสายตาของฉันได้!"
ฉินเหมยรู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที "มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?"
ในเวลานี้ ซิงเฟยหันหลังและมองไปที่โครงกระดูก สายตาของเธอก็เปล่งประกายทันที
เธอเห็นด้านในของโครงกระดูกยังมีจี้หยกอันหนึ่งอยู่
เธอรีบเดินเข้าไปทันที และใช้มือหยิบจี้หยกที่มีลักษณะคล้ายพระจันทร์เสี้ยวขึ้นมา
เมื่อจี้หยกรูปพระจันทร์เสี้ยวอยู่ในมือ ทำให้เธอสัมผัสได้ถึงความเยือกเย็นทันที
ซิงเฟยสังเกตเห็นทันที บนจี้หยกมีค่ายกลที่แข็งแกร่งมากๆอยู่
"หาเจอแล้ว!"
"บางทีสิ่งที่พวกเราตามหาอยู่อาจจะอยู่ด้านในจี้หยกชิ้นนี้ก็ได้!"
เมื่อฉินเหมยได้ยินคำพูดเหล่านี้ เธอก็รีบเดินเข้ามาทันที "นี่เป็นจี้หยกที่แม่ของฉันใส่ติดตัวตลอด! อาหญิง คุณแน่ใจเหรอ?"
ซิงเฟยครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ "นี่ไม่ใช่จี้หยกธรรมดาทั่วไป ด้านในมีค่ายกลที่แข็งแกร่งมากๆอยู่! ฉันคิดว่าความลับทั้งหมดน่าจะอยู่ด้านในจี้หยกอย่างแน่นอน!"
ฉินเหมยพูดด้วยความดีใจ "พวกเราสามารถเปิดค่ายกลของจี้หยกได้ไหม?"
ซิงเฟยพยักหน้า "น่าจะเปิดได้!"
"ถึงแม้ค่ายกลจะแข็งแกร่งมากๆ แต่มันเหมือนกับค่ายกลที่พวกเราเจอก่อนหน้านี้เลย!"
"พวกเรามีพลังจากสายเลือด น่าจะเปิดมันได้!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
จบแค่นี้จริงดิ ไม่มั้ง เหมือนคนเขียนโดนตัดจบใน 5 ตอน อะไรกันนี่ อ่านถึงประมาณตอนที่ 1,500-1,600 พอละ หลังจากนั้นเละ ช่วงสุดท้ายนี่มั่วบ้านงานมั่ก ๆ...
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...