ซิงเฟยรีบพูดขึ้นว่า “เมื่อคำบัญชาชำระล้างได้ประกาศออกไปแล้ว อย่างมากในช่วงเวลาที่ธูปหนึ่งดอกกำลังไหม้อยู่นั้น บริเวณเหนือศีรษะจะมีคราบเลือดขนาดใหญ่ลอยวนเวียนอยู่ โดยที่ไม่สามารถปกปิดได้เลย! ”
“อีกทั้งคนของสำนักสุริยัน ก็สามารถไล่ติดตามได้ ซึ่งพวกเราจะต้องรีบออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด เพื่อหาที่หลบซ่อนตัว! ”
“รีบไปกันเถอะ! ”
หลินหยุนพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องรีบร้อนขนาดนี้ก็ได้! ”
ซิงเฟยได้ยินดังนั้นก็ชะงักทันที “ทำไมถึงไม่ต้องรีบร้อน? ”
“ฉันว่านายนั้นอยากจะตายจริง ๆ ล่ะสิ? ”
“นายไม่เข้าใจอย่างแท้จริงว่าคำบัญชาชำระล้างนี้มีความน่าสะพรึงกลัวมากขนาดไหน! ”
“รีบไปกับฉันเดี๋ยวนี้ พวกเราจะต้องหลบหนีออกไปจากเมืองสุริยันในทันที! ”
ขณะที่กำลังเดินทางมาเมืองสุริยัน ซิงเฟยเองก็คิดไม่ถึงว่า ปฏิกิริยาของเมืองสุริยันจะรุนแรงมากขนาดนี้
นึกไม่ถึงว่าแม้แต่คำบัญชาชำระล้างก็ได้ปรากฏขึ้นแล้ว อีกทั้งยังเป็นคำบัญชาชำระล้างที่มีเสียงระฆังดังขึ้นหกครั้งอีกด้วย!
พวกเขาทั้งสองคนก็เทียบได้กับเนื้อเข้าปากเสืออย่างไรอย่างนั้น!
หลินหยุนพูดขึ้นว่า “ก็แค่วิธีการไล่ติดตามทางสายเลือดอย่างหนึ่งก็เท่านั้น! สำหรับฉันแล้ว ยังไม่ถือว่าหนักหนาอะไร! ”
“คุณวางใจได้! ”
“พวกเราไปตามหาคนที่ส่งจดหมายต่อกันเถอะ! ”
ซิงเฟยเหลือบตาขาวทันที และพูดว่า “ยังจะตามหาอีกเหรอ? ทางนั้นได้ประกาศคำบัญชาชำระล้างออกมาแล้ว! ตอนนี้จะหาใครก็ไม่มีประโยชน์แล้ว! ”
“แต่ว่า นายแน่ใจนะว่านายสามารถที่จะหยุดควบคุมรอยประทับเลือดได้? ”
หลินหยุนพยักหน้า และพูดว่า “ได้! ”
ซิงเฟยได้ยินดังนั้น ก็โล่งใจบ้างเล็กน้อย
ในสายตาของเธอนั้นหลินหยุนมีความลึกลับอย่างมากเลยทีเดียว
หยุดพักไปชั่วครู่ ซิงเฟยก็พูดขึ้นว่า “ตอนนี้เรื่องการส่งจดหมายไม่ต้องไปพิจารณาถึงมันแล้ว! แต่พวกเราควรที่จะพูดคุยปรึกษากันว่า ตกลงในตอนนี้สำนักสุริยันอยู่ในสถานการณ์ใดกันแน่”
“ตามฉันมา! ”
ขณะที่พูด ซิงเฟยก็ก้าวเดินไปข้างหน้า หลินหยุนเดินตามหลัง
หอสุริยัน
ซิงเฟยพาหลินหยุนเดินเข้ามาด้านใน
เมื่อเดินขึ้นมาถึงชั้นสอง ก็เห็นเด็กวัยรุ่นที่แต่งตัวดีจำนวนไม่น้อย กำลังดื่มสังสรรค์ และพูดคุยอะไรกันอยู่
เด็กวัยรุ่นจำนวนแปดเก้าคน น่าจะอายุประมาณยี่สิบปี ในจำนวนนั้นมีหญิงสาวสามคนที่มีหน้าตาที่ไม่เลว
เมื่อซิงเฟยกับหลินหยุนเดินขึ้นมา ก็ดึงดูดสายตาของพวกเขาอย่างกะทันหัน
โดยเฉพาะเด็กหนุ่มกี่คนนั้น เมื่อเห็นซิงเฟย ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นทั้งหมด
ซิงเฟยกับหลินหยุนหาที่นั่งบริเวณใกล้กับหน้าต่างแล้วก็นั่งลง
มีเด็กหนุ่มในชุดจีนสีฟ้าคนหนึ่งได้เดินเข้ามาหาอย่างยิ้มแย้ม
เด็กหนุ่มมองไปที่ซิงเฟย และพูดขึ้นว่า “แม่นาง ฉันคือต่งหยู่แห่งตระกูลต่งจากเมืองสุริยัน อยากทราบว่าแม่นางมีนามว่าอะไรเหรอ? ”
ซิงเฟยเห็นดังนั้น ก็ตกใจและหันมองไปที่ยังหลินหยุนที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นก็พูดเบา ๆ กับเด็กหนุ่มผู้นั้นว่า “ขออภัย ฉันไม่รู้จักคุณ! ”
ลักษณะท่าทางเหมือนกับสาวน้อยที่ใสซื่อไร้เดียงสาอย่างที่สุด
หลินหยุนเองก็ไม่ได้พูดอะไร และก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้น โดยทำเป็นว่ามองไม่เห็น
ได้ยินซิงเฟยพูดแบบนี้แล้ว เด็กหนุ่มในชุดจีนสีฟ้าก็พลันพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้มว่า “มันจะเป็นไรไปล่ะ! แม่นาง ที่เขาพูดกันว่าพบกันครั้งแรกรู้สึกแปลกหน้าพบกันครั้งที่สองก็คุ้นเคยกันแล้ว ตอนนี้พวกเราก็รู้จักกันแล้วไม่ใช่เหรอ? ”
“ที่จริงแล้วฉันเองไม่ได้ที่จะต้องการรู้จักกับแม่นาง! ”
“มองเห็นคุณชายที่สวมใส่ชุดคลุมสีเหลืองที่นั่งอยู่ตรงนั้นไหมล่ะ? ”
“นั่นคือคุณชายซ่านจ้านคุณชายแห่งตระกูลซ่านของเมืองสุริยัน! ”
“เห็นว่าแม่นางไม่ใช่คนของเมืองสุริยัน แต่ก็น่าจะทราบว่า ตระกูลซ่านกับสำนักสุริยันมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์อะไรกันล่ะสิ? ”
ซิงเฟยได้ยินดังนั้นดวงตาสองข้างที่งดงามก็เป็นประกายขึ้น และรีบพูดขึ้นว่า “เรื่องนี้ฉันทราบดี คือตระกูลของเจ้าสำนักรองสำนักสุริยัน! ”
ต่งหยู่ยิ้มและพยักหน้า “ถูกต้อง! แม่นางมีความรู้กว้างขวาง! ”
“คุณชายซ่านของพวกเราต้องการที่จะทำความรู้จักกับแม่นาง ขอเชิญคุณไปนั่งพูดคุยด้วยกัน ไม่ทราบว่าคุณมีความเห็นอย่างไรบ้าง? ”
ซิงเฟยครุ่นคิดชั่วครู่ และก็หันมองไปยังหลินหยุนที่อยู่ด้านข้างอีกครั้ง จากนั้นก็ยังคงส่ายศีรษะและพูดขึ้นว่า “ไม่ได้! ไม่ค่อยสะดวก! ต้องขอโทษด้วย! ”
ซิงเฟยมีท่าทางหวาดกลัว ซึ่งเหมือนจะเกรงกลัวหลินหยุนอยู่บ้าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...