ขณะนี้เอง ในที่สุดฉินห้าวเทียนที่มีสีหน้าหม่นหมองมาโดยตลอดนั้นก็ได้เอ่ยปากพูดแล้ว
“หยุดทะเลาะกันได้แล้ว! ”
“สำหรับเรื่องของหลินหยุน ตั้งแต่วันนี้ไป จบลงเพียงเท่านี้! ”
“ถ้าหากมีใครพูดถึงอีก ก็อย่าได้หาว่าฉันผู้เป็นเจ้าบ้านไม่เกรงใจก็แล้วกัน! ”
“ฉันเองก็จะขอเตือนพวกนายบางคนเอาไว้ด้วย! ”
“มีบางเรื่อง อย่าได้กระทำจนเกินไป มีบางคำพูด ก็อย่าได้พูดจนเกินไป! ”
“พวกนายอาจจะไม่เข้าใจ! ”
“นั่นเป็นเพราะพวกนายไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าใจ! ”
“แต่ว่าเมื่อไม่เข้าใจแล้วยังจะพูดมั่วซั่วอีก ก็อย่ามากล่าวโทษว่าฉันไม่เกรงใจ! ”
“ฉินชิงถง! เธอไม่เคารพนับถือผู้ใหญ่ แม้แต่แม่บังเกิดเกล้าเธอยังกล้าที่จะพูดลบหลู่ดูหมิ่นซึ่งขัดต่อการอบรมสั่งสอนของตระกูลฉิน! ”
“ตอนนี้เธอมีอยู่สองตัวเลือก! ”
“ข้อแรก ตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลฉินทั้งหมด! จากนี้ต่อไปเธอไม่ใช่คนของตระกูลฉินอีก! ”
“ข้อสอง ไปอยู่ที่เรือนเย็นคิดทบทวนความผิดของตนเองหนึ่งปี! โดยห้ามออกมาด้านนอก! ”
ได้ยินคำพูดของฉินห้าวเทียนแล้ว ทุกคนต่างก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที
ลักษณะท่าทางของแต่ละคนต่างก็เคร่งขรึมและระมัดระวังกันมากขึ้น
พวกคนของตระกูลฉินเหล่านี้ พูดตามตรงก็คือคนในตระกูลของฉินห้าวเทียน
แต่ตระกูลฉินนี้กลับไม่ใช่ฉินห้าวเทียนที่เป็นผู้ก่อตั้งขึ้น
ทุกสิ่งทุกอย่างของที่นี่ ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นมาจากแม่ของฉินเหมยทั้งหมด!
ไม่มีแม่ของฉินเหมย ก็ไม่มีตระกูลฉินในตอนนี้!
ถึงขนาดกล่าวในอีกความหมายหนึ่งได้ว่า ตระกูลฉินในตอนนี้ คงจะเรียกว่าตระกูลซิง
ฉินห้าวเทียนเหมือนกับว่าเข้ามาในสถานะคู่ครองคนหนึ่ง
นี่ก็เป็นหนึ่งเหตุผลที่ว่าทำไมตระกูลซิงแห่งเมืองเทียนเฟิง ถึงไม่ยินยอมที่จะไปมาหาสู่กับตระกูลฉินของพวกเขา
จากมุมมองของตระกูลซิงแล้ว ถึงแม้ฉินห้าวเทียนจะไม่มีความสามารถอะไรก็ไม่เป็นไร แต่ขนาดลูกสาวของพวกเราก็ยังปกป้องคุ้มครองไม่ได้ นายยังจะมีประโยชน์อะไรอีก?
ดังนั้น ฉินห้าวเทียนก็กำลังเตือนสติพวกคนรุ่นหลังเหล่านี้ในตระกูลให้รู้ว่า ควรจะประพฤติปฏิบัติตัวอย่างไรให้เหมาะสม
ฉินชิงถงสีหน้าขาวซีด
ราวกับว่าพลังงานในร่างกาย ได้ถูกดูดกลืนไปจนหมดในขณะที่ฉินห้าวเทียนพูดจบลง พร้อมกับโซเซถอยหลังไปหลายก้าว
ฉินชิงถงแสดงท่าทางดื้อรั้นปรากฏออกมาทางสายตา สูดลมหายใจลึก และพูดเสียงแข็งขึ้นว่า “เอาล่ะ! ดูเหมือนว่าเป็นความผิดของฉันทั้งหมด! ”
“ดูเหมือนว่าในตระกูลนี้ ฉันคงจะไม่มีที่ให้ยืนอีกแล้วจริง ๆ! ”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉันก็คงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว ฉันจะไปเดี๋ยวนี้! ”
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันไม่ใช่คนของตระกูลฉินอีกต่อไปแล้ว! ”
พูดจบ ก็หันหลังวิ่งออกไปพร้อมกับร้องไห้
ฉินเหมยเห็นเหตุการณ์ดังนั้น ก็รีบไล่ตามออกไปทันที แต่เมื่อก้าวออกไปนั้น ก็หยุดลงอยู่กับที่ เธอเสียใจมากที่สุดจริง ๆ
ส่วนอีกฝั่งหนึ่ง
หลินหยุนกับซิงเฟยทั้งสองคน ก็ได้เดินทางมาถึงด้านนอกของเมืองสุริยันอีกครั้งแล้ว
อีกทั้งยังได้ยินข่าวว่าถ้าหากเขาไม่ปรากฏตัว สำนักสุริยันก็จะลงมือจัดการกับตระกูลฉิน
สำหรับข่าวนี้นั้น ทั้งสองคนต่างก็ไม่รู้สึกแปลกใจอะไร
ซิงเฟยยิ้มเยาะและพูดว่า “ไม่น่าแปลก! ถ้าหากพวกเขายินยอมตามนั้นจริง ๆ ถึงจะเป็นเรื่องที่น่าแปลก! ”
ขณะที่พูด ก็หันมองไปที่หลินหยุนและพูดขึ้นว่า “นายคงต้องปรากฏตัวออกมาจริง ๆ ใช่ไหม? จะว่าไปแล้ว นี่ก็ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลยนะ! ”
หลินหยุนสีหน้าท่าทางไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก และพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไร! ในเมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ งั้นก็ไม่ต้องไปคิดอย่างอื่นอีกแล้ว”
จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังใจกลางเมือง
เวลานี้ หลินหยุนได้ทำการหยุดการระงับรอยประทับเลือดทางจิตวิญญาณไปแล้ว
พลังสายเลือดอันแข็งแกร่งน่าเกรงขามได้ปะทุขึ้นในพริบตา ซึ่งทั้งหมดลอยวนเวียนอยู่เหนือศีรษะของหลินหยุน
วินาทีที่เห็นภาพเหตุการณ์นี้ เกือบทุกคนต่างก็อุทานขึ้น และรีบหลบหนีกันไปโดยเร็ว
“พระเจ้า! เขาคือหลินหยุน! ”
“ด้านบนศีรษะของเขานั้นคือสัญลักษณ์ของคำบัญชาชำระล้าง! ”
“คิดไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะปรากฏตัวอยู่ที่นี่! ”
“เขาไม่กลัวตายจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ? ”
“ไอ้หนุ่มคนนี้ช่างกล้าหาญเสียจริงเลย! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...