ได้ยินดังนั้น ซิงเฟยพลันยิ้มเยาะและพูดขึ้นว่า “ไม่ว่าอย่างไร! ฉันมาถึงสถานที่แห่งนี้ก่อน ถ้าสหายเซียวต้องการค้นหาสมบัติ ก็ต้องไปหาที่สถานที่อื่นจะดีกว่า! ”
“ฉันไม่คุ้นเคยที่จะร่วมแบ่งสันปันส่วนสิ่งของกับผู้อื่น! ”
ขณะที่พูด พลังในร่างกายของซิงเฟยก็ปะทุขึ้นทันที
แต่เพราะเธอเองมีพลังบำเพ็ญยังไม่ถึงขั้นยาทอง จึงแทบจะไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อสหายเซียว
สหายเซียวเองก็ไม่ได้โกรธเคือง หัวเราะเหอะเหอะและพูดว่า “ก็ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉันก็ขอตัวลาไปก่อน! ”
เมื่อพูดจบ ร่างกายก็กระพริบ แวบหายไปกับที่
เมื่อเห็นฝ่ายตรงข้ามหายตัวไปแล้ว ซิงเฟยก็พลันส่งสียงฮึขึ้นอย่างเย็นชา หันหลังแล้วก็ผลักประตูตามหลินหยุนเข้าไป
ภายในตำหนักมีขนาดใหญ่กว้างขวางอย่างมาก
เมื่อเดินเข้าไป ก็มองเห็นเตากลั่นยาขนาดใหญ่
เตากลั่นยาตั้งอยู่บริเวณตรงกลางของตำหนัก มีความสูงประมาณแปดเมตร
ตอนนี้ฝาของเตากลั่นยาได้แตกหักอยู่บนพื้น และตัวของเตาก็เสียรูปทรงไปอย่างมาก
เห็นเตากลั่นยานี้แล้ว ซิงเฟยพลันสูดหายใจลึก
“เตากลั่นยานี้ช่างใหญ่โตยิ่งนัก! ”
“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นเตากลั่นยาที่ใหญ่โตขนาดนี้! ”
“ไม่รู้ว่านักกลั่นยาประเภทไหน ถึงจะใช้เตากลั่นยาที่ใหญ่โตขนาดนี้! ”
หลินหยุนพูดขึ้นว่า “ระดับของนักกลั่นยา ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับขนาดของเตากลั่นยาที่ใหญ่หรือเล็ก! ”
ซิงเฟยตกใจ จากนั้นก็เบะปากและพูดขึ้นว่า “พูดอย่างกับว่านายกลั่นยาเป็นทำนองนั้น! ”
หลินหยุนไม่ได้โต้เถียงอะไรกับเธอ โดยได้กวาดสายตามองไปภายในบริเวณตำหนักหนึ่งรอบ
บริเวณที่ติดกับกำแพงด้านขวาคือตู้ลิ้นชักไม้หนึ่งแถว แต่เวลานี้ได้ถูกทำลายลงไปไม่น้อยแล้ว
หลินหยุนก้าวเดินเข้าไป แล้วเปิดลิ้นชักออกดู ซึ่งด้านในนั้นไม่มีอะไรเลย
เดิมทีด้านในนี้น่าจะจัดเก็บพวกสมุนไพรสำหรับกลั่นยาจำนวนไม่น้อย แต่ตอนนี้กลับไม่มีอะไรหลงเหลือแล้ว
ซิงเฟยเองก็ได้เดินวนรอบเตากลั่นยา
หลังจากที่เดินวนอยู่สองรอบ ก็ได้กระโดดลอยตัวขึ้นไปบนเตากลั่นยา แล้วมองไปที่ด้านในของเตา ทันใดนั้นเธอก็ได้กรีดร้องขึ้น
“พระเจ้า! มีของดี! นายรีบมาดูเร็ว! ”
ขณะที่พูด ก็รีบกวักมือเรียกหลินหยุนอย่างตื่นเต้น
หลินหยุนก็กระโดดลอยตัวขึ้น มาถึงด้านบนของเตากลั่นยา
มองไปที่ด้านในของเตา กลับพบว่ามีกล่องหยกขนาดใหญ่เท่ากับศีรษะอยู่หนึ่งกล่อง
เวลานี้กล่องหยกกำลังลอยอยู่ด้านในของเตากลั่นยา และกระจายส่งกลิ่นหอมที่เบาบางของยาออกมาเป็นระยะ
ถ้าหากไม่ได้อยู่ในระยะที่ใกล้ขนาดนี้ ก็คงจะไม่ได้กลิ่นหอมนี้อย่างแน่นอน
ซิงเฟยยื่นมือออกไปกวักเรียก กล่องหยกนั้นก็ลอยเข้ามาในมือของเธอ
ทั้งสองคนลงมาจากเตากลั่นยา แล้วซิงเฟยก็ได้เปิดกล่องหยกนั้นทันที
จากนั้นกลิ่นหอมของยาก็ได้ฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ
พบว่าด้านในกล่องหยกนั้นไม่ใช่ยา แต่เป็นหญ้าทิพย์แห้ง
หญ้าทิพย์นี้มีเพียงสามใบ มีสีแดงเข้ม และไม่มีชีวิต
แต่ก็ยังคงทำให้ซิงเฟยรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก
เพราะแม้ว่าหญ้าทิพย์นี้จะอยู่วางเก็บอยู่ในกล่องหยก
ชี่ทิพย์ของหญ้าทิพย์นี้จะหลงเหลือไม่มาก
แต่รู้ไหมว่า สำนักแห่งนี้ดำรงอยู่มาเป็นเวลานานเท่าไหร่แล้ว
คิดไม่ถึงว่าหญ้าทิพย์นี้จะไม่ย่อยสลายสูญหายไป ซึ่งก็เพียงพอที่จะทำให้ตื่นตะลึงมากแล้ว!
ซิงเฟยเบิกตาโพลง กลืนน้ำลายและพูดว่า “ฉันไม่เคยเห็นหญ้าทิพย์นี้มาก่อน! นายรู้จักไหม? ”
หลินหยุนพยักหน้า และพูดว่า “สิ่งนี้เรียกว่าหญ้าสลัวแห่งความตาย! เก็บเอาไว้เถอะ ถือว่าเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างหนึ่งเลย! ”
ซิงเฟยไม่เชื่อสักเท่าไหร่ “นายคงไม่ได้พูดชื่อขึ้นมั่วซั่วเพื่อมาหลอกลวงฉันหรอกนะ? ”
สิ่งของที่แม้แต่เธอก็ยังไม่รู้จัก เธอก็คงไม่เชื่อหรอกว่า หลินหยุนจะสามารถรู้จักได้
เธอเองเชื่อมั่นในความรู้ประสบการณ์ของตัวเองเป็นอย่างมาก!
ส่วนหลินหยุนแล้ว......
คงไม่ต้องพูดถึงแล้วล่ะ?
แม้แต่ผู้มีอิทธิพลอำนาจในโลกคุนชางก็ยังรู้จักไม่ทั้งหมด ลำดับเยาว์และลำดับคุนชางก็ไม่รู้จัก แล้วจะมีความรู้ประสบการณ์มากแค่ไหนกันเชียว?
ช่วงเวลานี้ที่ทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน เธอพูดไม่ออกนับครั้งไม่ถ้วนสำหรับเรื่องการขาดแคลนความรู้ประสบการณ์ของหลินหยุน
หลินหยุนพูดขึ้นว่า “หญ้าสลัวแห่งความตายเป็นตัวยาหลักที่ใช้สำหรับกลั่นยาจิตมืดโดยเฉพาะ! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...