บทที่ 1209 กระบี่มารเลือด – ตอนที่ต้องอ่านของ จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
ตอนนี้ของ จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายใช้ชีวิตทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1209 กระบี่มารเลือด จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
สีหน้าของเขาขาวซีดลงอย่างกะทันหัน
ขณะมองไปที่หลินหยุน สายตาที่จริงจังก็ได้เปลี่ยนเป็นแข็งทื่อไปแล้ว
ส่วนอีกฝั่งหนึ่ง ผางเห้อก็ถึงกับตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก
ซึ่งยิ่งตกตะลึงมากกว่า ตอนที่ค่ายกลผนึกห้าธาตุของเขาถูกทำลายลงเมื่อครู่เสียอีก
“นี่......ไอ้หนุ่มนี้ตกลงเป็นใครกันแน่? ”
“ทำไมเขาถึงได้แข็งแกร่งมากขนาดนี้? ”
“ตระกูลซิง......แม่นางตระกูลซิงผู้นี้ ทำไมถึงได้มีผู้ติดตามที่แข็งแกร่งมากขนาดนี้ด้วย? ”
ผางเห้อไม่เข้าใจเลยจริง ๆ
ยอดฝีมืออย่างหลินหยุนนี้ ทำไมถึงเป็นเพียงแค่ผู้ติดตามของแม่นางตระกูลซิงที่ธรรมดาอย่างนี้
นี่มันช่างน่าเหลือเชื่ออย่างมาก
ตระกูลซิงมีอิทธพลความสามารถอะไรที่ไหน?
ส่วนอีกฝั่งหนึ่งบนท้องฟ้าที่ไกลออกไป
เวลานี้ ผู้อาวุโสรองสำนักสุริยัน ทูตวิญญาณที่สองของวิหารผนึกวิญญาณ รวมถึงยอดฝีมือขั้นยาทองระดับสองและขั้นยาทองระดับสามอีกห้าหกคนที่ไล่ตามมานั้น เวลานี้ทั้งหมดต่างก็ตกตะลึงกันอย่างที่สุด
“คนผู้นี้เป็นใครกันแน่? ”
“มีพลังบำเพ็ญที่แข็งแกร่งมากขนาดนี้ กลับไม่เคยพบเจอมาก่อน อีกทั้งการสืบทอดวิชาอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ของเขา ก็ไม่เคยเห็นมาก่อนด้วยเช่นกัน! ”
“คนผู้นี้ทำไมถึงได้ยอมเป็นเพียงแค่ผู้ติดตามของคุณหนูตระกูลซิงที่ธรรมดานี้ล่ะ? ”
“ช่างน่ากลัวเหลือเกิน! ”
“กู่มู่คนนี้ก็น่ากลัวเช่นกัน! ใครจะไปคิดได้ว่า เขาผู้นี้จะปกปิดพลังความสามารถได้ลึกลับขนาดนี้! ”
“แต่ก็ยังคงถูกคนฝ่ายตรงข้ามทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสแล้ว! ”
“ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ......”
แม้ว่าพวกเขาจะไม่รวดเร็ว
แต่ก็ไล่ตามมาโดยตลอด ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่นานก็ทยอยไล่ตามมาจนทันแล้ว
แต่ เมื่อเห็นว่าผู้อาวุโสรองสำนักสุริยัน และทูตวิญญาณที่สองของวิหารผนึกวิญญาณ ต่างก็ไม่ได้เข้าไป พวกเขาเองก็หยุดลงด้วยเช่นกัน ยืนอยู่ในอากาศระยะไกลออกมา มองดูความเคลื่อนไหวของเหตุการณ์ฝั่งนั้น
เมื่อเช็ดรอยเลือดตรงมุมปากแล้ว กู่มู่ก็ถอนหายใจยาว และมองไปที่หลินหยุน “ไม่ทำให้ฉันผิดหวังจริง ๆ! ถึงขนาดที่เกินกว่าการคาดคิดล่วงหน้าของฉันด้วย! ”
“นายแข็งแกร่งมากจริง ๆ! ”
“มีคุณสมบัติที่จะให้ฉันแสดงพลังออกมาอย่างเต็มที่แล้ว! ”
“จากนี้ไป จะให้นายได้รับรู้สัมผัสกับ อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของฉัน! ”
กู่มู่โอบกล่องเก็บกระบี่โบราณไว้ในอ้อมอก จากนั้น ก็เอานิ้วชี้ไปตรงที่บริเวณระหว่างคิ้วของตัวเอง
เลือดพ่นออกมาบนกล่องเก็บกระบี่นั้น ทั่วทั้งกล่องเก็บกระบี่โบราณ ก็ปลดปล่อยลำแสงเลือดสีแดงเข้มออกมา
ผมยาวดกดำของกู่มู่ ก็ได้เปลี่ยนเป็นสีขาวเทาขึ้นอย่างกะทันหัน
ที่จริงเขาอยู่ในวัยกลางคน ดูเหมือนว่าจะอายุมากขึ้นไปหลายสิบปี เนื้อหนังทั้งหย่อนยานและแก่ชราลงไปอย่างมาก
ในขณะนี้เอง กล่องเก็บกระบี่ราวกับมีชีวิตขึ้นใหม่ มีเสียงหัวเราะที่หลอนของเด็กดังขึ้นเป็นระยะ
เมื่อเสียงหัวเราะดังกระจายไปทั่ว บริเวณท้องฟ้าทั้งหมดก็เปลี่ยนสีในทันที
ด้านบนกล่องเก็บกระบี่ได้ปลดปล่อยลำแสงสีเลือดออกมาจำนวนมาก ทำให้ทั้งท้องฟ้าถูกย้อมกลายเป็นสีแดงเข้ม
จากนั้น กระบี่สั้นสีแดงเข้มก็พุ่งออกมาจากกล่องเก็บกระบี่ในทันที
กระบี่สั้นเล่มนี้เหมือนจะตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก ส่องแสงระยับและลอยวนเวียนไปมาในอากาศ
ก็เหมือนกับเด็กน้อยที่ซุกซนร่าเริงคนหนึ่ง
เวลานี้เอง กู่มู่กัดปลายลิ้น แล้วก็ใช้นิ้วแตะไปที่กระบี่สั้นนั้น กระบี่สั้นก็ได้ส่งเสียงร้องที่โศกเศร้าขึ้นทันที
ขณะเดียวกัน พลังอานุภาพอันสะเทือนเลือนลั่นของดาบ ก็พัดโหมกระหน่ำขึ้น
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังอานุภาพอันสะเทือนเลือนลั่นที่น่าสะพรึงกลัวนี้แล้ว ทุกคนล้วนตื่นตระหนกตกใจขึ้นทั้งหมด
มองเห็นกระบี่สั้นสีแดงเข้มที่มีชีวิตชีวาเล่มนั้น แต่ละคนต่างพากันสูดลมหายใจลึก
“พระเจ้า! ”
“นี่คือความน่าสะพรึงกลัวอะไรกันแน่? ”
วินาทีถัดมา ก็มาอยู่ที่ด้านบนท้องฟ้า
ขณะเดียวกัน ลมหายใจที่น่าสะพรึงกลัวกดทับฟ้าดินก็ได้แผ่กระจายออกเป็นวงกว้าง
หลินหยุนก้าวเดินออกไปทันที ราวกับว่าบนท้องฟ้ามีบันไดหนึ่งขั้นที่มองไม่เห็น เสียงก้าวเท้าดังสะเทือนเลือนลั่น
“ตูม----”
ฟ้าดินเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น ฟ้าดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
อิทธิฤทธิ์ขึ้นนภา ย่ำฟ้าเก้าที
ย่ำที่หนึ่ง ย่ำฟ้าดิน! ปกคลุมทั่วท้องฟ้า
ย่ำที่สอง ย่ำยมโลก! น้ำพุใต้ธรณีไหลย้อนกลับ
หลินหยุนในตอนนี้ ที่แสดงอิทธิฤทธิ์ขึ้นนภาออกมานั้น เมื่อเทียบกับตอนที่ไม่สำเร็จขั้นยาทอง ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
เมื่อเขาย่ำก้าวที่สองออกไปนั้น ฟ้าดินเปลี่ยนสี น้ำพุใต้ธรณีไหลย้อนกลับ เสียงร้องโอดครวญอันน่าเศร้าสลดนับไม่ถ้วน ดังกระหึ่มทั่วนภา
กระบี่สั้นสีแดงเข้มนั้น เดิมทีก็มีพลังทำลายล้างอันรุนแรง แต่หลังจากที่หลินหยุนย่ำสองก้าวแล้ว ก็เกิดเสียงร้องโอดครวญอันน่าเศร้าสลดขึ้นในทันที ลำแสงสีเลือดแดงเข้มก็แหลกสลายตกลงสู่ก้นบึ้ง
บนตัวกระบี่ ก็ปรากฏรอยแตกร้าวขึ้น
ส่วนกู่มู่นั้นยิ่งหนักขึ้นไปอีก เวลานี้ร่างกายของเขาก็ได้แหลกสลาย ยาทองระเบิดขึ้น หลบหนีหายไปด้วยความบ้าคลั่ง
กระบี่สั้นสีแดงเข้มนั้นได้ลอยกลับมาสู่บริเวณรอยแตกบนร่างกายของกู่มู่ ในพริบตาเดียว ก็ได้ดูดซับพลังของเลือดเนื้อทั้งหมดเข้าไป
เมื่อเสริมด้วยพลังของเลือดเนื้อของกู่มู่เข้าไปแล้ว กระบี่สั้นสีแดงเข้มที่เดิมทีเริ่มเกิดรอยแตกร้าวขึ้นแล้วนั้นก็ได้รับพลังฟื้นฟูขึ้นไม่น้อย
แต่ในเวลานี้เอง มันก็ไม่กล้าที่จะหยุดอยู่ตรงนี้อีกต่อไป หลบหนีหายไปอย่างบ้าคลั่งเช่นกัน
ขณะนั้น หลินหยุนหยุดการย่ำอากาศ ยื่นมือออกไป พลังที่มองไม่เห็นก็ได้ไปจับตัวมันกลับมา พลิกฝ่ามือแล้วก็ปล่อยพลังใส่จนเกิดเป็นรอยประทับขึ้น
กระบี่สั้นสีแดงเข้มก็สงบนิ่งลงแล้ว
หลินหยุนมองไปบนท้องฟ้าทางทิศเหนือ แล้วก็หายแวบมาอยู่ที่ด้านข้างของซิงเฟย และพูดขึ้นว่า “พวกเราไปกันเถอะ! ”
ซิงเฟยในตอนนี้ กับหกเจ็ดคนที่อยู่บนท้องฟ้าทางทิศเหนือ ต่างก็ตื่นตะลึงจนขาดสติไปกันหมดแล้ว
พลังบำเพ็ญอันน่าสะพรึงกลัวที่หลินหยุนแสดงออกมานั้น ถึงระดับขั้นที่ได้ยินแล้วก็พากันสยดสยองขึ้นโดยสิ้นเชิง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
จบแค่นี้จริงดิ ไม่มั้ง เหมือนคนเขียนโดนตัดจบใน 5 ตอน อะไรกันนี่ อ่านถึงประมาณตอนที่ 1,500-1,600 พอละ หลังจากนั้นเละ ช่วงสุดท้ายนี่มั่วบ้านงานมั่ก ๆ...
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...