“เป็นลูกศิษย์สำนักเทียนหยุน!”
“เจ้าเด็กที่แต่งตัวธรรมดาตรงข้ามนั้นเป็นใครกัน?”
“ถึงกับกล้าลงมือกับลูกศิษย์สำนักเทียนหยุน นี่คงไม่อยากจะมีชีวิตต่อไปอีกแล้วเหรอไง? ที่นี่เป็นเมืองเทียนหยุนนะ!”
“ก็นั่นน่ะสิ!”
“ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเจ้าเด็กนี่เป็นใคร แต่วันนี้ก็ต้องตายอย่างแน่นอนแล้ว!”
“ไม่มีใครกล้าที่จะลงมือกับคนของสำนักเทียนหยุนในเมืองเทียนหยุนนี้หรอก!”
“ใครกล้าลงมือ สุดท้ายก็ต้องตายทั้งนั้น!”
“ไม่เพียงแต่ตาย อีกทั้งยังตายอย่างอนาถอีกด้วย!”
ในขณะที่ผู้คนที่มุงดูอยู่รอบๆบริเวณนั้นต่างก็กำลังวิพากษ์วิจารณ์อยู่นั้น มีคนที่แต่งกายผู้พิพากษาของเมืองเทียนหยุนจำนวนสองคน กำลังมองลงมาจากข้างบนตึกที่อยู่ฝั่งตรงข้าม มองไปยังหลินหยุนด้วยสายตาที่เย็นชา
“ศิษย์พี่เฉิน พวกเราต้องไปห้ามหรือไม่?”
ชายหนุ่มคนที่เพิ่งรับตำแหน่งผู้พิพากษาคนหนึ่ง รีบหันหน้าไปยังชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆ แล้วถามขึ้น
“ไม่ต้อง!” ชายวัยกลางคนพูดเยาะเย้ย
“ถึงกับกล้าลงมือกับลูกศิษย์สำนักเทียนหยุนเรา รนหาที่ตายชัดๆ! ก็ไม่ดูซะบ้างว่าที่นี่เป็นที่ไหน!”
ชายหนุ่มได้ยินดังนั้น ก็รีบพูดว่า “ศิษย์พี่เฉิน แต่ว่าพวกเราเป็นผู้พิพากษานะ ดูเฉยๆอย่างนี้ไม่ค่อยดีหรือเปล่า?”
ชายวัยกลางคนพูดเยาะเย้ยว่า “ศิษย์น้องหลิว พวกเราเป็นผู้พิพากษาก็จริง แต่ต้องหยุดคนที่ไม่ใช่คนของสำนักเรา! เข้าใจหรือยัง?”
ศิษย์น้องหลิวก็กระจ่างขึ้นมาทันที รีบพยักหน้าแล้วพูดว่า “ขอบคุณศิษย์พี่เฉิน ผมเข้าใจแล้วครับ!”
ส่วนในเวลานี้เอง บนถนนข้างล่าง
เผชิญหน้ากับพลังกระบี่อันน่ากลัวที่กวาดต้อนมาอย่างแรงนั้น หลินหยุนก็ชี้นิ้วออกไปหนึ่งที
“ปั้ง!”
ในขณะที่ทุกคนต่างก็คิดว่าหลินหยุนจะต้องถูกฆ่าตายคาที่นั้น ฉากที่ปรากฏให้เห็นนี้กลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง
เห็นแต่ว่าติงหลิงถูกกระแทกจนกระเด็นลอยออกไปทั้งตัว จากนั้นก็ตกลงบนพื้นอย่างแรง ในปากก็กระอักเลือดออกมา
ซิงเฟยตกใจทันที รีบวิ่งหายวับไปยังติงหลิงทันที
พวกอู่เหลียนและถังเหมิงทั้งหลายก็ทยอยเข้าไปตรวจดูอาการของติงหลิง
ส่วนเจียงเผิงกลับยืนอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อน สายตาที่มองไปยังหลินหยุนเยือกเย็น ราวกับกำลังมองคนตายคนหนึ่งอยู่
หันหน้าไปมองติงหลิง แล้วก็หันหน้ากลับมา สายตามองไปยังหลินหยุนอีกครั้ง
“ที่แท้ก็แอบซ่อนพลังฝึกฝนไว้ พวกลับๆล่อๆนี่เอง!”
“ใครกล้าแตะต้องศิษย์น้องของเจียงเผิง ใครกล้าแตะต้องคนของสำนักเทียนหยุนเรา ไอ้เด็กเวร แกสมควรตาย!”
“จำไว้เลย คนที่ฆ่าแกวันนี้ ชื่อเจียงเผิง แห่งสำนักเทียนหยุน!”
เมื่อสิ้นเสียงลง เจียงเผิงก็ลงมือทันที
แต่ว่าในเวลานี้เอง หลินหยุนขยับแขนขึ้นโบกสะบัดไปมา ราวกับกำลังปัดแมลงวันออกไป
เจียงเผิงในแดนฝึกพลังระยะหลังนั้น ในบรรดาคนรุ่นใหม่ของสํานักเทียนหยุนทั้งหมดถึงแม้ว่าไม่ใช่โดดเด่นที่สุดในส่วนนั้นก็ตาม
แต่ก็เป็นคนที่โดดเด่นที่สุดในหล่อหลอมให้เป็นศิษย์เอกสำคัญคนหนึ่ง
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินหยุนแล้ว ถึงกับไม่มีโอกาสแม้แต่จะลงมือเลย ก็ถูกพัดกระเด็นลอยออกไปเหมือนกับแมลงวันที่ถูกปัดออกไป แล้วตกลงมาบนพื้นอย่างแรง จากนั้นเจียงเผิงก็รีบลุกขึ้นยืน
พวกติงหลิงต่างก็หน้าถอดสี ไม่กล้าจะทำอะไรบุ่มบ่ามอีกต่อไปแล้ว
คนที่มุงดูอยู่รอบๆบริเวณนั้นต่างก็ตื่นตกใจไปหมด ไม่มีใครคิดเลยว่า หลินหยุนถึงกับแข็งแกร่งขนาดนี้!
แข็งแกร่งก็ไม่ว่า แต่ถึงกับกล้าหาญชาญชัยถึงเพียงนี้!
ที่นี่คือเมืองเทียนหลิน ก็คือสำนักเทียนหยุนเช่นกัน
อยู่ที่นี่ ทุกคนต่างก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกันว่า มีเพียงแต่คนของสำนักเทียนหยุนลงมือกับคนอื่นได้ แต่ไม่เคยมีคนนอกที่ไหนกล้าจะลงมือกับคนของเทียนหยุนเลย
อยู่ที่นี่ ถ้าเป็นมังกรก็ต้องรู้ว่าเมื่อไรควรจะขดตัว ถ้าเป็นเสื้อก็ต้องรู้ว่าเมื่อไรควรจะหมอบตัวลงอย่างแท้จริง
ในเวลานี้เอง ก็มีเงาร่างสองคนปรากฏแวบขึ้นมา ผู้พิพากษาที่แต่งตัวในชุดยาวสีดำ
เมื่อเห็นผู้พิพากษาสองคนแล้ว คนที่อยู่รอบๆบริเวณนั้นต่างก็วิพากษ์วิจารณ์ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
“ผู้พิพากษาของสำนักเทียนหยุนปรากฏตัวแล้ว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...