หลินหยุนพูดด้วยเสียงเบาว่า “ไม่เป็นไรหรอก!”
พูดพลาง ก็ก้าวเท้าเดินเข้าไปภายในโรงเตี๊ยม
เมื่อเห็นทั้งสองคนเดินเข้ามา ชายวัยกลางคนคนหนึ่งก็รีบเดินเข้ามาหาทันที
ชายวัยกลางคนกลับไม่ได้รังเกียจดูถูกการแต่งกายของหลินหยุนเลย แต่กลับให้คำแนะนำวิมานแต่ละระดับชั้นให้ทั้งสองคนฟังอย่างอดทน
เดิมทีความคิดเห็นของหลินหยุนแล้ว คือจะเลือกวิมานสองหลัง แต่ว่าหลังจากซิงเฟยได้ยินราคานั้นแล้ว พูดยังไงก็ไม่ยอมตกลงด้วย
ตอนนี้เธอเหลือเพียงอีกก้าวเดียวเท่านั้นก็จะหลอมยาทองสำเร็จแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่โอกาสในการหลอมยาทองเท่านั้นเอง
ดังนั้นต่อให้พักอยู่ในวิมานที่ดีกว่านี้ มีค่ายกลรวมพลังที่แข็งแกร่งมากกว่านี้ สำหรับเธอแล้วก็นับว่าเป็นการสิ้นเปลืองแล้ว สู้ยอมที่จะเลือกอยู่ในวิมานเดียวกับหลินหยุนด้วยจะดีกว่า ยังไงก็ไม่มีความแตกต่างอะไรเลย
ถึงแม้ว่าหลินหยุนไม่ค่อยยินยอมก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ยืนหยัดต่อไป
ในที่สุด ทั้งสองคนก็เลือกวิมานในราคาสามร้อยหยดชี่ทิพย์ต่อเดือนหลังหนึ่ง
วิมานหลังนี้ ไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่ระดับต่ำสุดด้วย เป็นวิมานระดับกลาง ก็ยังนับว่าไม่เลวนัก
วิมานอยู่นอกเมือง ที่ห่างจากในเมืองไปไม่ไกลมากนัก
หลังจากที่มาถึงวิมานแล้ว หลินหยุนก็เริ่มฟื้นฟูพลังฝึกฝนของตัวเองให้มั่นคงต่อไป
ซิงเฟยก็เริ่มนั่งสมาธิเช่นกัน
ในไม่ช้าพลังฝึกฝนของหลินหยุนก็มั่นคงแล้วในที่สุด
วันรุ่งขึ้น ติงหลิงก็มาหาอีกครั้ง
แต่ก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายของซิงเฟยเลย
เมื่อพาติงหลิงเข้าไปในวิมาน ทักทายกับหลินหยุนอย่างเรียบง่ายแล้ว
ซิงเฟยก็รีบถามขึ้นว่า “เสี่ยวหลิง สำนักพวกแกทางนั้น พูดเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานยังไงบ้าง?”
ติงหลิงส่ายหน้า ชำเลืองมองหลินหยุน ส่ายหน้าแล้วพูดเสียงเบาว่า “อย่างอื่นฉันไม่รู้ แต่ว่าศิษย์พี่เจียงเผิงทางนั้นโกรธมาก ดูเหมือนไม่ยอมเลิกราง่ายๆด้วย ฉันเข้าใจนิสัยเขาดี!”
“เขาไม่ใช่พวกคนใจกว้าง!”
“ถูกพวกแกสองคนตบหน้าต่อหน้าผู้คนทั้งตลาด เขาจะต้องแก้แค้นอย่างแน่นอน!”
“ดังนั้นฉันมาก็เพื่อจะบอกกับพวกแกว่า ทางที่ดีรีบออกไปจากเมืองเทียนหยุนนี้ให้เร็วที่สุด!”
“ไม่ใช่บอกให้พวกแกกลัวเขานะ เพียงแต่ว่าไม่มีความจำเป็นที่ไปทำให้เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นอีกเลย!”
“เจียงเผิงนั้นมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่มากทีเดียว! ปู่ของเขาเป็นผู้อาวุโสที่สิบเอ็ดของสำนักเทียนหยุน มีอิทธิพลมากในสำนักด้วย!”
“ถ้าหากเขาตัดสินใจจะมาหาเรื่องจริงๆละก็ สำหรับพวกแกแล้วก็ไม่ใช่เรื่องดีเลย!”
พูดพลางสายตาของเธอก็มองไปยังหลินหยุนอีกครั้ง
สีหน้าหลินหยุนก็ยังคงไร้ความรู้สึก ลุกขึ้นยืนแล้วพูดกับซิงเฟยว่า “พวกคุณคุยกันไปนะ ฉันจะออกไปข้างนอกสักหน่อย”
พูดจบก็ก้าวเท้าเดินออกจากวิมานไป
เมื่อเห็นหลินหยุนออกไปแล้ว ติงหลิงก็รีบจับแขนของซิงเฟยอีกครั้งแล้วรีบถามว่า “เฟยเฟย แกรีบบอกมาเร็ว หลินหยุนนี้เป็นใครกันแน่? แกไปรู้จักกับเขาได้ยังไง?”
เมื่อซิงเฟยได้ยินดังนั้น ก็ทำตาค้อนใส่อย่างไม่สบอารมณ์แล้วพูดว่า “ยังไงล่ะ นังตัวดี คิดจะเปลี่ยนใจจากศิษย์พี่เจียงเผิงคนนั้นเร็วขนาดนี้ แล้วหันมาเปลี่ยนเป้าหมายใหม่แล้วเหรอ?”
ถึงแม้ทั้งสองคนไม่ได้พบกันมาหลายปี แต่พวกเธอต่างก็เข้าใจอีกฝ่ายหนึ่งเป็นอย่างดี
ซิงเฟยเป็นคนอย่างไรนั้น ติงหลิงก็เข้าใจดี
ส่วนติงหลิงเป็นคนอย่างไรนั้น ซิงเฟยก็ย่อมเข้าใจเป็นอย่างดีเช่นกัน
ติงหลิงพูดอะไรไม่ออกทันที ทำตาถลนใส่ซิงเฟยแล้วพูดว่า “นี่มันเวลาไหนแล้ว แกถึงกับยังมีอารมณ์พูดเล่นอยู่อีกเหรอ? แกรู้หรือเปล่าว่าเรื่องเมื่อวานใหญ่โตขนาดไหน?”
“ฉันอยากจะมาเตือนแกว่า ถ้าความสัมพันธ์พวกแกยังไม่ลึกซึ้งเท่าไหร่ละก็ รีบจากไปเถอะ!”
“เชื่อฉันสิ สำนักเทียนหยุนไม่ยอมเลิกราง่ายๆอย่างแน่นอน!”
“หรืออาจเพราะว่าแกรู้ภูมิหลังของหลินหยุนนี้แล้ว ถ้าเขามีเบื้องหลังที่แข็งแกร่งจริงๆละก็ งั้นกลับยังไม่มีอะไรมาก!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...