จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 1231

สรุปบท บทที่ 1231 ไปชมละครกัน: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

อ่านสรุป บทที่ 1231 ไปชมละครกัน จาก จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่

บทที่ บทที่ 1231 ไปชมละครกัน คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายใช้ชีวิต จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย จูผาซู่ อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

“ขอเชิญพี่ใหญ่ออกหน้าแทนฉันด้วย เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีของสำนักและของพวกเราตระกูลเจียงกลับคืนมา! ”

“ไอ้คนนั้น ลงมือทำร้ายพวกเราที่หน้าประตูของตระกูลเลย! ”

“อีกทั้งฉันคาดเดาว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ทางสำนักคงจะไม่ลงมือจัดการไอ้หนุ่มนั่นอย่างจริงจังแน่นอน! ”

“ดังนั้นฉันจึงได้มาขอร้องให้พี่ชายช่วยลงมือด้วย! ”

เจียงยี่มีสีหน้าท่าทางที่ไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก มองไม่ออกว่ากำลังโมโหหรือว่าไม่ได้ใส่ใจ

ครุ่นคิดชั่วครู่ ก็มองไปที่เจียงเผิงแล้วพูดขึ้นว่า “ฉันรู้แล้ว นายกลับไปก่อนเถอะ! ”

ได้ยินเจียงยี่พูดแบบนี้แล้ว เจียงเผิงก็พูดขึ้นอย่างร้อนรนว่า “พี่ชาย หรือว่าพี่จะมองตาปริบ ๆ ปล่อยให้สำนักเทียนหยุนของเราเสียหน้าเสียศักดิ์ศรี และตระกูลเจียงของเราก็อับอายขายหน้าอย่างนี้ไปโดยไม่รู้สึกอะไรเลยอย่างนั้นใช่ไหม? ”

เจียงเผิงโมโหขึ้นจริง ๆ โดยที่โกรธเคืองพี่ชายคนนี้ของตนเองอย่างมากแล้ว

ก่อนหน้านี้พี่ชาย ไม่ใช่แบบนี้อย่างเด็ดขาด!

เขาเหมือนแทบจะไม่รู้จักพี่ชายแท้ ๆ ที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้แล้ว

เจียงยี่แววตาเคร่งขรึมโดยพลัน สีหน้าหม่นหมองลง มองไปที่เจียงเผิงแล้วพูดขึ้นว่า “ก็นายเองที่ไม่ได้เรื่องกระจอกจนเกินไป! หากว่านายมีความสามารถที่จะลงมือสังหารเขาเองได้ แล้วจะต้องมาขอร้องฉันอีกไหมล่ะ? ”

เจียงเผิงกัดฟันเสียงดังกรอด ๆ ตวาดใส่อย่างโมโหว่า “ฉันจะใช่คู่ต่อสู้ของไอ้คนนั้นได้ยังไงกัน? แม้แต่เฉินหย่งก็ยังพ่ายแพ้ต่อการถูกโจมตีเพียงครั้งเดียวเลย แล้วฉันจะไปทำอะไรได้ล่ะ? ”

“ฉันว่าพี่ชายเองนั้นก็ไม่รู้ถูกใครข่มขู่จนหวาดกลัวไปหมดแล้วล่ะสิ! ”

“ดังนั้นที่กลับมาในครั้งนี้ถึงได้สงบเสงี่ยมเจียมตัวขนาดนี้! ”

“ในเมื่อพี่ไม่กล้า ก็ไม่เป็นไร ถือว่าฉันมาขอร้องคนผิดไป! ”

“ฮึ! พี่ชายที่แสนดีของฉัน ท่านเก็บตัวบำเพ็ญฝึกฝนของท่านต่อไปเถอะ! ”

“น้องชายที่ไม่ได้เรื่องได้ราวของท่านขอตัวไปก่อนแล้ว! ”

เจียงเผิงโกรธจนหน้าเขียว ส่งเสียงฮึอย่างดุดัน แล้วก็หันหลังเดินจากไป

แต่ในขณะนั้นเอง พลังที่น่าสะพรึงกลัวก็ปะทุขึ้นมาจากด้านหลังโดยพลัน

ทันใดนั้น พลังที่มองไม่เห็นก็ได้จับกุมตัวของเขาไว้อย่างแน่นหนา จากนั้นก็โยนร่างไปกระแทกเข้ากับฝาผนังของวิมานอย่างรุนแรง!

“ตุบ----”

เจียงเผิงพลันร้องโอดครวญขึ้น ร่างกายร่วงตกลงไปบนพื้น และกระอักเลือดออกมา

เจียงยี่มองไปที่เขา ด้วยสายตาที่ไร้ความสงสาร พร้อมกับพูดเสียงแข็งขึ้นว่า “ไอ้คนไม่ได้เรื่องได้ราว! นอกจากจะทำให้อับอายขายหน้าแล้ว นายยังจะมีประโยชน์อะไรอีก? ขนาดนายอยู่ในขั้นแดนฝึกพลังระยะหลัง แม้แต่ลมหายใจของฉันก็ยังต้านทานเอาไว้ไม่ได้! ”

“จำไว้นะ! ฉันคือพี่ชายของนาย และก็เป็นศิษย์พี่ของนายด้วย! ”

“ถ้าหากนายยังกล้ากำเริบเสิบสานอีก ฉันคงไม่ถึงกับฆ่านายทิ้ง! แต่จะทำลายพลังในตัวของนายลงทั้งหมด! ”

เมื่อพูดจบ ลมหายใจอันน่าสะพรึงกลัวก็ได้แผ่กระจายไปทั่ว

ทันใดนั้นก็ทำให้เจียงเผิงที่ได้รับบาดเจ็บอยู่นั้นสั่นสะท้านขึ้นมาทันที

ดวงตาของเจียงเผิงเผยให้เห็นถึงความหวาดกลัว จึงได้รีบคุกเข่าลงต่อหน้าของเจียงยี่ “ขอโทษด้วย พี่ใหญ่ ฉันสำนึกผิดแล้ว แต่เรื่องนี้พี่ชายจะทำเป็นไม่สนใจไม่ได้เด็ดขาด! ”

เจียงยี่ส่งเสียงฮึอย่างเย็นชา จากนั้นก็พลิกฝ่ามือ ยันต์สื่อสารก็ปรากฏขึ้นมา

ไม่นานนัก เงาร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่หน้าปากวิมาน แล้วก้าวเดินเข้ามาด้านใน

ผู้ที่เข้ามาในคือชายหนุ่มในชุดคลุมยาวสีฟ้าคนหนึ่ง หน้าตาหล่อเหลา ท่าทางสง่างาม แต่แววตาเฉียบคมดุจดั่งกระบี่ ทำให้คนรู้สึกเกรงขามหวาดหวั่นไม่กล้าที่จะเข้าใกล้

มองเห็นชายหนุ่มผู้นั้น เจียงเผิงก็รีบลุกขึ้นน้อมตัวแสดงความเคารพและพูดขึ้นว่า “คารวะศิษย์พี่เซี่ยวยู่! ”

จางเซี่ยวยู่พยักหน้าเล็กน้อย ในมือถือจี้เหรียญหยกสามสี และพูดขึ้นว่า “เสี่ยวเผิงก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ! ”

ขณะที่พูด ก็มองไปที่เจียงยี่ แล้วก็น้อมตัวแสดงความเคารพและพูดขึ้นว่า “ศิษย์พี่ยินดีด้วย พลังบำเพ็ญได้ก้าวหน้าขึ้นอีกขั้นหนึ่งแล้ว! ช่างน่ายินดีจริง ๆ! ”

เจียงยี่ลุกยืนขึ้น ส่ายมือไปมาและพูดว่า “ศิษย์น้องก็เช่นเดียวกันไม่ต้องพูดชมอะไรแบบนี้หรอก”

ขณะที่พูดก็มองไปที่เจียงเผิงอย่างเย็นชาและพูดขึ้นว่า “ไอ้คนไม่ได้เรื่อง บอกเล่าเรื่องไม่ได้ความของนายให้กับศิษย์พี่เซี่ยวยู่รับทราบสิ! ”

เจียงเผิงแววตาเป็นประกายขึ้นทันที แล้วก็รีบนำเรื่องราวที่เล่าเมื่อสักครู่เล่าขึ้นอีกหนึ่งรอบ

ดวงตาที่สวยงามของติงหลิงเคลื่อนไหวไปมา แล้วก็แกล้งทำเป็นพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “ศิษย์พี่เจียง ถึงเวลานี้แล้ว ยังจะมาทำเป็นลึกลับอะไรอยู่อีก! ฉันว่าศิษย์พี่เจียงกำลังระมัดระวังในตัวฉันอยู่ล่ะสิ? ศิษย์พี่เจียงกังวลว่าฉันจะแอบนำเรื่องไปบอกกล่าวคนอื่นใช่หรือไม่? ”

เจียงเผิงยิ้มเยาะอยู่ในใจ และแอบพูดในใจว่าเธอยังไม่รู้อีกเหรอ?

แต่ว่าตอนนี้ จะไปบอกกล่าวกับใครนั้นมันก็ไม่สำคัญแล้ว

ศิษย์พี่เซี่ยวยู่เป็นผู้ลงมือ ไม่ว่าอย่างไรหลินหยุนผู้นั้นก็ต้องพบกับความตายสถานเดียวอยู่แล้ว

จางเซี่ยวยู่มีพลังบำเพ็ญยาทองระดับสาม และยังเป็นยาทองระดับดำด้วย

ต่อให้เจียงยี่พี่ชายของตนเอง เมื่อตอนที่เผชิญหน้ากับศิษย์พี่เซี่ยวยู่นั้น ก็ยังจะต้องใช้พลังทุกกระบวนท่า โดยที่ไม่ออมแรงแม้แต่น้อย จึงจะสามารถเอาชนะได้

ส่วนหลินหยุนนั้น แม้ว่าจะเป็นยาทองระดับดำเช่นกัน แต่ก็ยังคงไม่ใช่คู่ต่อกรของศิษย์พี่เซี่ยวยู่อยู่ดี

ระหว่างยาทองระดับสองกับยาทองระดับสามนั้น มันช่างแตกต่างห่างไกลกันอย่างลิบลับ

โดยที่ตนเองรอชมละครก็พอแล้ว

เขาจะต้องเห็นประจักษ์กับตาของตนเองว่า หลินหยุนนั้นถูกสังหารลงไปอย่างไร

ถึงขนาดที่ว่าหากเป็นไปได้ เขาจะบอกให้ศิษย์พี่เซี่ยวยู่เก็บการโจมตีครั้งสุดท้ายไว้ให้กับเขา

เพื่อตนเองจะได้ลงมือสังหารไอ้หนุ่มที่ชั่วช้านั้นด้วยมือของเขาเอง

ใช่แล้ว ยังจะมีผู้หญิงที่ชื่อซิงเฟยคนนั้นอีก ก็จะต้องเป็นของเขาอย่างแน่นอน!

คิดถึงซิงเฟยแล้ว เจียงเผิงก็หรี่ตาสองข้างแคบลง

จากนั้น ด้านบนร่างกายก็สั่นเทา ด้านล่างร่างกายก็สั่นไหว แล้วก็กลืนน้ำลายลงคอ

แม้ว่าภายในสำนักเทียนหยุน จะมีลูกศิษย์ผู้หญิงที่งดงามอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อเปรียบเทียบกับซิงเฟยแล้วก็ยังงดงามสู้เธอไม่ได้

อีกทั้งซิงเฟยนั้นยังมีลักษณะนิสัยที่กร้าวแกร่ง ห้าวหาญ ตรงไปตรงมา ยิ่งทำให้เขาเกิดความสนใจมากขึ้นไปอีก

ไม่เหมือนกับภายในสำนัก ที่บางทีเขารู้สึกชอบพอ แต่ไม่กล้าจะลงมือ ส่วนที่กล้าลงมือนั้น ก็รู้สึกว่าน่าเบื่อหน่าย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์