“ขอเชิญพี่ใหญ่ออกหน้าแทนฉันด้วย เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีของสำนักและของพวกเราตระกูลเจียงกลับคืนมา! ”
“ไอ้คนนั้น ลงมือทำร้ายพวกเราที่หน้าประตูของตระกูลเลย! ”
“อีกทั้งฉันคาดเดาว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ทางสำนักคงจะไม่ลงมือจัดการไอ้หนุ่มนั่นอย่างจริงจังแน่นอน! ”
“ดังนั้นฉันจึงได้มาขอร้องให้พี่ชายช่วยลงมือด้วย! ”
เจียงยี่มีสีหน้าท่าทางที่ไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก มองไม่ออกว่ากำลังโมโหหรือว่าไม่ได้ใส่ใจ
ครุ่นคิดชั่วครู่ ก็มองไปที่เจียงเผิงแล้วพูดขึ้นว่า “ฉันรู้แล้ว นายกลับไปก่อนเถอะ! ”
ได้ยินเจียงยี่พูดแบบนี้แล้ว เจียงเผิงก็พูดขึ้นอย่างร้อนรนว่า “พี่ชาย หรือว่าพี่จะมองตาปริบ ๆ ปล่อยให้สำนักเทียนหยุนของเราเสียหน้าเสียศักดิ์ศรี และตระกูลเจียงของเราก็อับอายขายหน้าอย่างนี้ไปโดยไม่รู้สึกอะไรเลยอย่างนั้นใช่ไหม? ”
เจียงเผิงโมโหขึ้นจริง ๆ โดยที่โกรธเคืองพี่ชายคนนี้ของตนเองอย่างมากแล้ว
ก่อนหน้านี้พี่ชาย ไม่ใช่แบบนี้อย่างเด็ดขาด!
เขาเหมือนแทบจะไม่รู้จักพี่ชายแท้ ๆ ที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้แล้ว
เจียงยี่แววตาเคร่งขรึมโดยพลัน สีหน้าหม่นหมองลง มองไปที่เจียงเผิงแล้วพูดขึ้นว่า “ก็นายเองที่ไม่ได้เรื่องกระจอกจนเกินไป! หากว่านายมีความสามารถที่จะลงมือสังหารเขาเองได้ แล้วจะต้องมาขอร้องฉันอีกไหมล่ะ? ”
เจียงเผิงกัดฟันเสียงดังกรอด ๆ ตวาดใส่อย่างโมโหว่า “ฉันจะใช่คู่ต่อสู้ของไอ้คนนั้นได้ยังไงกัน? แม้แต่เฉินหย่งก็ยังพ่ายแพ้ต่อการถูกโจมตีเพียงครั้งเดียวเลย แล้วฉันจะไปทำอะไรได้ล่ะ? ”
“ฉันว่าพี่ชายเองนั้นก็ไม่รู้ถูกใครข่มขู่จนหวาดกลัวไปหมดแล้วล่ะสิ! ”
“ดังนั้นที่กลับมาในครั้งนี้ถึงได้สงบเสงี่ยมเจียมตัวขนาดนี้! ”
“ในเมื่อพี่ไม่กล้า ก็ไม่เป็นไร ถือว่าฉันมาขอร้องคนผิดไป! ”
“ฮึ! พี่ชายที่แสนดีของฉัน ท่านเก็บตัวบำเพ็ญฝึกฝนของท่านต่อไปเถอะ! ”
“น้องชายที่ไม่ได้เรื่องได้ราวของท่านขอตัวไปก่อนแล้ว! ”
เจียงเผิงโกรธจนหน้าเขียว ส่งเสียงฮึอย่างดุดัน แล้วก็หันหลังเดินจากไป
แต่ในขณะนั้นเอง พลังที่น่าสะพรึงกลัวก็ปะทุขึ้นมาจากด้านหลังโดยพลัน
ทันใดนั้น พลังที่มองไม่เห็นก็ได้จับกุมตัวของเขาไว้อย่างแน่นหนา จากนั้นก็โยนร่างไปกระแทกเข้ากับฝาผนังของวิมานอย่างรุนแรง!
“ตุบ----”
เจียงเผิงพลันร้องโอดครวญขึ้น ร่างกายร่วงตกลงไปบนพื้น และกระอักเลือดออกมา
เจียงยี่มองไปที่เขา ด้วยสายตาที่ไร้ความสงสาร พร้อมกับพูดเสียงแข็งขึ้นว่า “ไอ้คนไม่ได้เรื่องได้ราว! นอกจากจะทำให้อับอายขายหน้าแล้ว นายยังจะมีประโยชน์อะไรอีก? ขนาดนายอยู่ในขั้นแดนฝึกพลังระยะหลัง แม้แต่ลมหายใจของฉันก็ยังต้านทานเอาไว้ไม่ได้! ”
“จำไว้นะ! ฉันคือพี่ชายของนาย และก็เป็นศิษย์พี่ของนายด้วย! ”
“ถ้าหากนายยังกล้ากำเริบเสิบสานอีก ฉันคงไม่ถึงกับฆ่านายทิ้ง! แต่จะทำลายพลังในตัวของนายลงทั้งหมด! ”
เมื่อพูดจบ ลมหายใจอันน่าสะพรึงกลัวก็ได้แผ่กระจายไปทั่ว
ทันใดนั้นก็ทำให้เจียงเผิงที่ได้รับบาดเจ็บอยู่นั้นสั่นสะท้านขึ้นมาทันที
ดวงตาของเจียงเผิงเผยให้เห็นถึงความหวาดกลัว จึงได้รีบคุกเข่าลงต่อหน้าของเจียงยี่ “ขอโทษด้วย พี่ใหญ่ ฉันสำนึกผิดแล้ว แต่เรื่องนี้พี่ชายจะทำเป็นไม่สนใจไม่ได้เด็ดขาด! ”
เจียงยี่ส่งเสียงฮึอย่างเย็นชา จากนั้นก็พลิกฝ่ามือ ยันต์สื่อสารก็ปรากฏขึ้นมา
ไม่นานนัก เงาร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่หน้าปากวิมาน แล้วก้าวเดินเข้ามาด้านใน
ผู้ที่เข้ามาในคือชายหนุ่มในชุดคลุมยาวสีฟ้าคนหนึ่ง หน้าตาหล่อเหลา ท่าทางสง่างาม แต่แววตาเฉียบคมดุจดั่งกระบี่ ทำให้คนรู้สึกเกรงขามหวาดหวั่นไม่กล้าที่จะเข้าใกล้
มองเห็นชายหนุ่มผู้นั้น เจียงเผิงก็รีบลุกขึ้นน้อมตัวแสดงความเคารพและพูดขึ้นว่า “คารวะศิษย์พี่เซี่ยวยู่! ”
จางเซี่ยวยู่พยักหน้าเล็กน้อย ในมือถือจี้เหรียญหยกสามสี และพูดขึ้นว่า “เสี่ยวเผิงก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ! ”
ขณะที่พูด ก็มองไปที่เจียงยี่ แล้วก็น้อมตัวแสดงความเคารพและพูดขึ้นว่า “ศิษย์พี่ยินดีด้วย พลังบำเพ็ญได้ก้าวหน้าขึ้นอีกขั้นหนึ่งแล้ว! ช่างน่ายินดีจริง ๆ! ”
เจียงยี่ลุกยืนขึ้น ส่ายมือไปมาและพูดว่า “ศิษย์น้องก็เช่นเดียวกันไม่ต้องพูดชมอะไรแบบนี้หรอก”
ขณะที่พูดก็มองไปที่เจียงเผิงอย่างเย็นชาและพูดขึ้นว่า “ไอ้คนไม่ได้เรื่อง บอกเล่าเรื่องไม่ได้ความของนายให้กับศิษย์พี่เซี่ยวยู่รับทราบสิ! ”
เจียงเผิงแววตาเป็นประกายขึ้นทันที แล้วก็รีบนำเรื่องราวที่เล่าเมื่อสักครู่เล่าขึ้นอีกหนึ่งรอบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...