จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 1257

สรุปบท บทที่ 1257 แผนการของซิงเฟย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

สรุปเนื้อหา บทที่ 1257 แผนการของซิงเฟย – จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่

บท บทที่ 1257 แผนการของซิงเฟย ของ จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ ในหมวดนิยายใช้ชีวิต เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย จูผาซู่ อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

หลินหยุนยังคงไม่ตอบคำถามนี้ เพราะว่าไม่รู้จะตอบอย่างไรดี เพราะไม่ควรที่จะนำเรื่องของโลกอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากโลกคุนชางมาพูดได้

ซิงเฟยพลันพูดไม่ออกอีกครั้ง และก็ไม่ได้จี้ถามต่ออีก

“อย่างไรก็ตามฉันได้เตือนนายเอาไว้แล้ว หากครั้งนี้นายยังก่อเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก ทั้งโลกคุนชางก็คงจะไม่มีสถานที่ให้นายดำรงชีวิตต่อไปอีกแล้ว”

“เท่าที่ฉันมอง หากนายคิดที่จะลงมือจัดการกับมู่หงนั้น ควรจะเปลี่ยนวิธีการอีกแบบหนึ่งจะดีกว่า”

หลินหยุนดวงตาเป็นประกาย ครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ลองพูดมาหน่อยสิ! ”

ซิงเฟยพลันพูดขึ้นว่า “ง่ายมาก พวกเราเพียงแค่ใช้วิธีการล่องูออกจากถ้ำเท่านั้น! ”

หลินหยุนพยักหน้า “พูดให้ละเอียดอีกสักหน่อย”

ซิงเฟยพูดว่า “ได้ยินว่า มู่หงนั้นเป็นเพื่อนสนิทของเจียงยี่ จากตลอดทางที่พวกเราได้สอบถามและรับทราบนั้น ครั้งก่อนที่มู่หงปรากฏตัวขึ้นนั้น ก็คือการออกเดินทางไปกับเจี่ยงยี่! ”

“กี่เดือนก่อนหน้านี้ ทั้งสองคนก็กลับกันมา จากนั้นก็ไม่ได้ออกมาจากสำนักของตนเองอีกเลย”

“ชัดเจนว่า ตอนนี้เขากำลังบำเพ็ญฝึกฝนอยู่ในสำนักฉีซานมาโดยตลอด! ”

“เพียงแค่พวกเราก่อเรื่องอะไรขึ้นเล็กน้อย ก็เพียงพอที่จะล่อลวงให้เขาออกมา และก็สามารถที่จะลงมือสังหารเขาได้อย่างง่ายดายแล้ว! ”

“เพียงแค่ไม่อยู่ใกล้กับบริเวณของสำนักฉีซาน พวกยอดฝีมือของสำนักฉีซานก็ไม่สามารถทำอะไรพวกเราได้แล้ว! ”

หลินหยุนพูดขึ้นว่า “นี่เป็นวิธีการที่ดี! แต่ว่า......”

ซิงเฟยพูดว่า “แต่ว่าอะไร? ”

หลินหยุนพูดว่า “มันยุ่งยากเกินไปหน่อย! ”

ซิงเฟยเหลือกตาขาวใส่อย่างไม่สบอารมณ์ และพูดว่า “อย่างไรก็ดีกว่าที่จะต้องตาย! นายคิดว่าสำนักฉีซานกระจอกอย่างนั้นเหรอ นายคิดที่จะลงมือทำอะไรก็ได้? ”

หลินหยุนส่ายศีรษะ และพูดว่า “ค่อยว่ากันเถอะ! ”

ซิงเฟยพูดว่า “แล้วจะทำอย่างไรต่อ หรือตอนนี้จะนั่งรอคอยให้พวกเขามาติดกับอย่างนั้นเหรอ? ”

หลินหยุนพูดขึ้นว่า “ไม่รีบร้อน ลองดูสถานการณ์กันก่อนว่าเมืองฉีซานกับสำนักฉีซานนั้นเป็นอย่างไรแล้วค่อยว่ากันอีกครั้ง”

“เขาไม่รีบร้อนแต่อย่างใด โดยการกระทำเรื่องแบบนี้ ถึงแม้เขาจะไม่ได้เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญ แต่ก็ถือว่าเป็นคนวงใน”

ชาติที่แล้วเพื่อต้องการที่จะลงมือสังหารผู้ที่ดูหมิ่นเย่เยว่ เขาได้พักอยู่ในเมืองของฝ่ายตรงข้ามเป็นเวลานับสิบปี ในที่สุดเขาก็ได้พบกับโอกาส ลงมือสังหารฝ่ายตรงข้ามได้สำเร็จ สุดท้ายยังถูกตระกูลของฝ่ายตรงข้ามไล่ล่าตามฆ่านับร้อยปี

ดังนั้น การไล่ล่าสังหาร การหลบหนีเอาตัวรอดนั้น หลินหยุนมีประสบการณ์อย่างมาก

ได้ยินเขาพูดแบบนี้แล้ว ซิงเฟยเองก็ไม่พูดอะไรมาก ติดตามหลินหยุนมุ่งหน้าไปยังเมืองฉีซานต่อ

ระยะทางกว่าร้อยลี้ สำหรับพวกเขาแล้วก็ไม่ถือว่าหนักหนาอะไร

แต่หลังจากที่เข้าใกล้มากยิ่งขึ้น ซิงเฟยเองก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้น

เมื่อมาถึงบริเวณนอกเมืองฉีซานที่ห่างออกไปประมาณไม่กี่ลี้ ทั้งสองคนก็หยุดลง

ซิงเฟยสวมใส่หน้ากากของเธอ เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์

ส่วนหลินหยุนก็ใช้วิชาแปลงกายอย่างง่าย เพื่อเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์หน้าตาเช่นกัน

วิชาแปลงกายนี้ไม่ได้สูงส่งอะไรมากนัก เพียงแค่ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ต้องปะทะลงมือ ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกพบเจอตัวได้

เข้าเมือง

ทั้งสองคนได้หาร้านอาหารแห่งหนึ่งแล้วก็เดินเข้าไปด้านใน ไม่นานนักก็ดึงดูดสายตาของผู้คนเป็นอย่างมาก

ต้องจำยอม เพราะว่าด้านข้างมีหญิงสาวที่งดงามมีเสน่ห์อย่างซิงเฟยนี้ คิดที่จะถ่อมตัวก็คงจะถ่อมตัวไม่ได้

สองคนหาที่นั่งในตำแหน่งที่เงียบสงบ และก็ได้ยินผู้คนโดยรอบจำนวนไม่น้อยกำลังพูดคุยกันถึงเรื่องหนึ่ง

งานประลองยุทธสำนักฉีซาน

ฟังไปชั่วครู่ ทั้งสองคนก็เข้าใจถ่องแท้แล้ว

งานประลองยุทธของเก้าสำนักใหญ่ใกล้จะถึงแล้ว ซึ่งเกี่ยวโยงไปถึงการจัดแบ่งระดับอิทธิพลอำนาจครั้งใหม่

ดังนั้นสำนักฉีซานจำเป็นจะต้องทำการประลองยุทธในกลุ่มลูกศิษย์วัยรุ่น เพื่อคัดเลือกลูกศิษย์ที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมเป็นตัวแทนของสำนักเข้าประลองยุทธ

อีกทั้งนี่ยังเป็นวันที่สำนักฉีซานเปิดรับสมัครลูกศิษย์ประจำปีอีกด้วย

เปิดรับลูกศิษย์ก่อน แล้วค่อยทำการประลองยุทธ

ดังนั้นการจัดเรียงขั้นตอนแบบนี้ สะท้อนให้เห็นถึงจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนมาก

ซิงเฟยพลันพูดอะไรไม่ออก “นายแน่ใจนะว่าจะไม่ทำแบบนี้? ”

หลินหยุนพยักหน้าและพูดว่า “เธอเองไปเข้าร่วมได้! ก็แค่สำนักฉีซานที่ธรรมดาเท่านั้น ยังไม่คู่ควรที่ฉันจะไปเข้าร่วม! ”

“ต่อให้ไม่ใช่เรื่องจริง ก็ไม่คู่ควรเช่นกัน! ”

ซิงเฟยเหลือกตาขาวใส่ โมโหอย่างมาก

แต่ว่า......

ถ้าพิจารณาจากพลังบำเพ็ญและพรสวรรค์ของหลินหยุนแล้ว พูดแบบนี้ก็ถือว่าไม่ผิดอะไร

บางทีคำพูดที่โผงผางแบบนี้ ทั้งโลกคุนชางแล้ว ก็คงจะมีเพียงหลินหยุนคนเดียวที่กล้าพูด

ซิงเฟยสูดหายใจลึก ทำปากมุ่ยแบบไม่สบอารมณ์และพูดว่า “งั้นตกลง ฉันไปก็แล้วกัน! ฉันผู้ที่อัจฉริยะขนาดนี้ เพียงแค่ปรากฏตัวขึ้น พวกเขาก็คงจะขอร้องให้ฉันเข้าร่วมสำนักอย่างแน่นอน! ”

“ฉันได้ยินคนพวกนั้นพูดกันว่า สามวันจากนี้จะทำการทดสอบเพื่อเข้าร่วมสำนัก”

“เมื่อถึงตอนนั้นฉันจะไปร่วมด้วย! ”

หลินหยุนเองไม่ได้คัดค้าน

......

สามวันต่อมา ที่เชิงเขาสำนักฉีซาน

หลินหยุนกับซิงเฟยได้เดินกันเข้ามา ก็พบเห็นว่าบริเวณเชิงเขาเต็มไปด้วยผู้คนนับร้อยนับพันคน ซึ่งมีทั้งผู้ที่อายุมากและอายุน้อย

ผู้ที่อายุน้อยก็ยังไม่ถึงสิบปี ผู้ที่อายุมากก็ประมาณสิบกว่าปีจนถึงยี่สิบปี แน่นอนว่าพวกเด็ก ๆ มีจำนวนที่เยอะกว่า

ส่วนผู้ที่มีอายุค่อนข้างมากนั้น มีจำนวนน้อยมาก

เมื่อหลินหยุนกับซิงเฟยเดินเข้ามา ก็ดึงดูดสายตาของผู้คนจำนวนไม่น้อย

ต้องจำยอม แม้ว่าหลินหยุนจะมีรูปร่างหน้าตาที่ธรรมดา แต่ซิงเฟยนั้นเป็นที่ต้องตาต้องใจเป็นอย่างมาก

โดยเฉพาะเป็นที่ต้องตาต้องใจกับพวกชายวัยกลางคนที่มาส่งพวกเด็ก ๆ เพื่อทดสอบเข้าร่วมสำนัก โดยที่สายตาจับจ้องมองมาที่ร่างของซิงเฟยจนแทบจะไม่ขยับเขยื้อนแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์