บทที่ 1258 คุณชายสามแห่งตระกูลมู่ – ตอนที่ต้องอ่านของ จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
ตอนนี้ของ จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายใช้ชีวิตทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1258 คุณชายสามแห่งตระกูลมู่ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ไม่นานนัก ก็มีเด็กหนุ่มที่แต่งตัวดีจำนวนไม่น้อย เดินตรงเข้ามาหาพวกเขาสองคน
ซิงเฟยเองก็ไม่ได้แสดงท่าทีปฏิเสธ โดยได้ยิ้มแย้มทักทายให้กับทุกคน แสดงท่าทางที่อ่อนน้อมถ่อมตน และอ่อนโยน
หลินหยุนทำได้เพียงยืนอยู่ด้านหลังโดยพูดอะไรไม่ออก
สำหรับผู้คนที่เข้ามาทักทายนั้น ส่วนใหญ่หลังจากที่ชายตามองหลินหยุนอย่างเหยียดหยามแล้ว ก็หันมองจับจ้องไปที่ร่างของซิงเฟย
มีผู้คนที่เข้ามาพูดคุยด้วยจำนวนมาก ไม่นานนักที่บริเวณเชิงเขาก็เกิดผลกระทบที่ตามมาขึ้น
ในเวลานี้เอง เด็กหนุ่มในชุดคลุมยาวสีขาวสลับสีฟ้าคนหนึ่ง พร้อมกับชายชราผู้ติดตามที่สงบเสงี่ยม และมีลมหายใจที่ทรงพลัง ได้เดินตรงเข้ามาทางนี้
ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคมคาย ท่าทีสง่างาม ดวงตาล้ำลึก และมีรอยยิ้มอยู่ที่มุมปาก
ลักษณะท่าทางเพียบพร้อมไปด้วยความองอาจห้าวหาญและมีรสนิยม
เห็นชายหนุ่มคนนี้แล้ว ผู้คนโดยรอบต่างก็ทยอยหลีกทางให้ และได้กระซิบวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้น
“นี่คือมู่เฉินคุณชายสามแห่งตระกูลมู่เมืองมู่เป่ยไม่ใช่เหรอ? ”
“เดิมทีคนในรถเมฆที่สูงศักดิ์คันนั้นก็คือคุณชายสามแห่งตระกูลมู่นั่นเอง! ”
“หรือว่ามู่เฉินเองก็ชื่นชอบหญิงสาวคนนี้ด้วยเหมือนกัน? ”
“เหอะเหอะ หญิงสาวคนนี้รูปลักษณ์งดงามอย่างมาก ลมหายใจในร่างกายก็ไม่อ่อนแอ ส่วนคุณชายมู่เฉินก็หล่อเหลาสง่างาม......”
“นับตั้งแต่โบราณผู้ชายที่เก่งกาจก็ต้องรักและชื่นชอบผู้หญิงที่งดงาม คุณชายมู่ผู้นี้ชื่นชอบหญิงสาวคนนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ! ”
“พูดได้ถูกต้อง! ”
“แม้ว่าคุณชายมู่เฉินผู้นี้จะเทียบเท่าไม่ได้กับมู่หงพี่ชายของเขา แต่ก็ถือว่าไม่เลวเลย เรียกได้ว่าเป็นผู้ที่โดดเด่นยอดเยี่ยมแล้ว! ”
“เมื่อยืนอยู่ด้วยกันกับหญิงสาวคนนี้ ก็ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันดียิ่งนัก! ”
เวลานี้กลุ่มชายหนุ่มที่กำลังโอบล้อมด้านข้างซิงเฟยอยู่นั้น เห็นว่าแม้แต่มู่เฉินก็เดินเข้ามาหาแล้ว จึงรู้ตัวและต่างก็ถอนตัวเขยิบออกไปยืนอยู่ด้านข้างทันที
ซิงเฟยมองไปยังมู่เฉินที่เดินตรงเข้ามาหา
มู่เฉินมาถึงเบื้องหน้า ยืนนิ่ง น้อมตัวแสดงความเคารพต่อซิงเฟย และพูดขึ้นด้วยเสียงที่อ่อนโยนว่า “แม่นาง ฉันชื่อมู่เฉิน สวัสดีและยินดีที่ได้รู้จัก! ”
ซิงเฟยได้ยินดังนั้น ดวงตาที่งดงามก็เป็นประกายขึ้น และพูดขึ้นอย่างตื่นตะลึงว่า “มู่เฉิน......คุณก็คือมู่เฉินคุณชายสามตระกูลมู่แห่งเมืองมู่เป่ยนั้นใช่ไหม? ”
มู่เฉินคิดไม่ถึงว่า ซิงเฟยจะพูดสถานะของเขาออกมาอย่างเปิดเผย
ท่าทีภาคภูมิใจในดวงตาของมู่เฉินที่ปรากฏขึ้นนั้นก็แวบหายไป จากนั้นก็ยิ้มแย้ม และพูดเสียงเบาขึ้นว่า “คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่า แม่นางจะเคยได้ยินชื่อของฉันมาก่อน ทำให้ฉันรู้สึกตื่นตะลึงเหมือนได้รับความโปรดปรานอย่างคาดไม่ถึง”
“ฉันก็คือมู่เฉิน แห่งตระกูลมู่เมืองมู่เป่ย”
“อยากทราบว่าแม่นางมีชื่อว่าอะไร? ”
ซิงเฟยสีหน้าท่าทางเขินอาย และรีบตอบกลับอย่างสุภาพว่า “ที่แท้ก็คือคุณชายมู่เฉินนั่นเอง ฉันคือติงหลิง หากคุณชายมู่เฉินไม่รังเกียจ จะเรียกฉันว่าเสี่ยวหลิงก็ได้! ”
มู่เฉินพลันดีใจขึ้น “ที่แท้ก็คือน้องเสี่ยวหลิงนั่นเอง! น้องเสี่ยวหลิง ครั้งนี้ก็มาเข้าร่วมทดสอบของสำนักฉีซานล่ะสิ? ไม่แน่ว่าอีกไม่นาน พวกเราก็จะกลายเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนักเดียวกันแล้ว! ”
ซิงเฟยก็รีบพูดขึ้นว่า “ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง ก็ถือเป็นโชควาสนาของฉันแล้ว! ”
มู่เฉินพูดขึ้นว่า “น้องเสี่ยวหลิง ในเมื่อคุณกับฉันเพิ่งพบกันครั้งแรกก็ถูกชะตากัน อย่างนั้นพวกเราไปพูดคุยกันบนรถเมฆของศิษย์พี่ดีไหมล่ะ? ศิษย์น้องเห็นว่าอย่างไร? ”
ซิงเฟยก็ตื่นเต้นขึ้น และพูดว่า “ดีเลย! แต่ว่า......”
ขณะที่พูด ก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองหลินหยุนโดยไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นก็พูดกับมู่เฉินว่า “ความหวังดีของพี่มู่เฉิน ฉันรับไว้ด้วยใจแล้ว แต่ขอไม่ไปละกัน”
อันที่จริง หลินหยุนยืนอยู่ตรงนี้ มู่เฉินก็มองเห็นมานานแล้ว แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจ หมางเมินว่าหลินหยุนไม่มีตัวตน
เวลานี้เห็นว่าซิงเฟยกลับคำ เขาก็ไม่สามารถที่จะแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นแล้ว สายตาที่รังเกียจก็ได้ปรากฏขึ้นและแวบหายไป
จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “น้องเสี่ยวหลิง ไม่ทราบว่าผู้นี้คือ......เมื่อครู่ฉันเอาแต่พูดอย่างเดียว โดยยังไม่ได้ยินคุณแนะนำเลย! ”
ซิงเฟยได้ยินดังนั้น สีหน้าก็มืดมิดลง และแสดงท่าทางลังเลที่จะพูดออกมา
เธอเองก็คิดไม่ถึงว่า จะพบกับคนที่อยู่เบื้องหน้านี้ ณ ที่ตรงนี้
มู่เฉินมาจากเมืองมู่เป่ย
มองไปที่หลินหยุนอีกครั้ง พร้อมกับขมวดคิ้วและพูดกับซิงเฟยว่า “น้องเสี่ยวหลิง หรือว่า การแต่งงานของเธอกับคนผู้นี้ เธอเองนั้นไม่ยอมรับ? ”
ซิงเฟยยกแขนเสื้อขึ้นปิดหน้า เบือนร่างกลับไป และพูดด้วยเสียงอ่อนแอว่า พี่มู่เฉินอย่าได้ถามอีกเลย! ”
มู่เฉินได้ยินดังนั้น ก็พูดขึ้นอย่างหนักแน่นว่า “น้องเสี่ยวหลิง แม้ว่าพวกเราจะพบเจอกันโดยบังเอิญ แต่ในเมื่อต่างก็มาเข้าร่วมทดสอบของสำนักฉีซาน และยังพบเจอกันที่เชิงเขาแห่งนี้ นั่นก็ถือว่าเป็นพรหมลิขิตของพวกเรา! ”
“ฉันกับเธอแม้จะเพิ่งพบกันครั้งแรกแต่ก็ถูกชะตาและมีดวงที่สมพงษ์กัน! ”
“ในเมื่อน้องเสี่ยวหลิงได้เรียกขานฉันว่าพี่มู่เฉิน เรื่องดังกล่าวนี้ฉันก็ไม่อาจจะทำเป็นมองไม่เห็น ไม่ว่าอย่างไรเรื่องนี้ศิษย์พี่ก็จะเข้ามาช่วยเหลือจัดการให้แน่นอน! ”
ขณะที่พูด สายตาที่เย็นชาของเขาก็มองไปที่หลินหยุนอีกครั้ง
“เพื่อนผู้นี้ ฉันไม่ทราบว่านายมาจากตระกูลอะไร แต่สำหรับฉันแล้ว ไม่มีความสำคัญอะไรทั้งนั้น! ”
“ในเมื่อเสี่ยวหลิงไม่ชอบนาย ฉันหวังว่า นายจะสามารถยกเลิกการแต่งงานกับเธอซะ! ”
“ตอนนี้ เดี๋ยวนี้ ณ ที่ตรงนี้ ต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก ที่ถือว่าเป็นสักขีพยาน! ”
“หากนายเต็มใจที่จะกระทำ ฉันเองจะตอบแทนให้กับนายแน่นอน! ”
“น้ำชี่ทิพย์หนึ่งหมื่นหยด นายเห็นว่าอย่างไร? ”
ได้ยินมู่เฉินพูด ทันใดนั้น แทบจะทุกคนโดยรอบต่างก็สูดหายใจกันอย่างพร้อมเพรียง
และอุทานกันขึ้นโดยไม่รู้ตัว
น้ำชี่ทิพย์หนึ่งหมื่นหยดเลย!
ช่างเป็นตัวเลขที่มหาศาลมากจริง ๆ
สายตาที่ทุกคนมองไปยังมู่เฉินนั้นก็เปลี่ยนแปลงไปทั้งหมด
ตระกูลมู่สมแล้วที่เป็นถึงวงศ์ตระกูลขนาดใหญ่ น้ำชี่ทิพย์จำนวนมากมายขนาดนี้ ก็สามารถนำออกมาได้อย่างง่ายดาย
ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ เลย!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
จบแค่นี้จริงดิ ไม่มั้ง เหมือนคนเขียนโดนตัดจบใน 5 ตอน อะไรกันนี่ อ่านถึงประมาณตอนที่ 1,500-1,600 พอละ หลังจากนั้นเละ ช่วงสุดท้ายนี่มั่วบ้านงานมั่ก ๆ...
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...