สองเยว่ถอนหายใจอีกครั้ง แต่เธอเข้าใจคำพูดของสามเยว่
อันที่จริง เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่เธอกังวลเหมือนกัน
สี่เยว่มีนิสัยที่หัวดื้อมากจนเกินไป
วิธีจัดการปัญหาของสี่เยว่ ทำให้เธอไม่ไว้วางใจเลย
สองเยว่รู้จักข้อเสียของนิสัยตัวเอง ในเวลาเดียวกันเธอก็รู้จักข้อเสียของสี่เยว่เหมือนกัน
เธอไม่ค่อยกล้าได้กล้าเสีย เธอไม่กล้าเกิดการเปลี่ยนแปลง แต่สี่เยว่กลับมีนิสัยเหล่านี้
ขณะที่สี่เยว่มีนิสัยเหล่านี้อยู่ เพราะเธอกล้าทำทุกอย่าง อาจจะมีปัญหาอื่นๆตามมาทีหลังแน่นอน
นี่คือเหตุผลที่เธอไม่วางใจสี่เยว่
เธอในเวลานี้ จิตใจส่วนลึกของเธอเต็มไปด้วยความวุ่นวายและสับสน
สามเยว่พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม "ยังไงซะ คุณต้องคิดให้ดีๆ! ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง การจากไปของไอ้เฒ่าเทียนหยุนในครั้งนี้ เขาต้องใช้ทุกวิถีทางเพื่อหาตัวเจ้าพระคุณให้เจออย่างแน่นอน"
"ถ้าเขาหาเจ้าพระคุณจนเจอ พวกเราก็จะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบทันที"
"เมื่อถึงตอนนั้น พวกเราจะยืนดูเจ้าพระคุณตกไปอยู่ในมือของสำนักเทียนหยุนเฉยๆเหรอ?"
"สี่เยว่ไม่ยอมให้พวกเราเข้าไปยุ่งเรื่องนี้อย่างแน่นอน!"
"เมื่อสักครู่เธอเปิดเผยฐานะเจ้าพระคุณต่อหน้าไอ้เฒ่าเทียนหยุน เพราะเธอก็มีความคิดแบบนี้เหมือนกัน!"
"เธออยากจะบอกให้ไอ้เฒ่าเทียนหยุนรับรู้ ในสำนักเทียนหยุนมีคนยอมรับฐานะของเจ้าพระคุณ แต่เธอไม่ยอมรับฐานะของเจ้าพระคุณ เธอส่งสัญญาณให้ไอ้เฒ่าไปลงมือจัดการเจ้าพระคุณได้เลย!"
"ทำให้ไอ้เฒ่าเทียนหยุนไม่พูดอะไรเลยและรีบจากไปทันที!"
"ฉันคิดว่าเมื่อถึงเวลานั้น คงเป็นช่วงเวลาวิกฤตที่สุดของสำนักเรา!"
"ถ้าจัดการปัญหาได้ไม่ดี บางทีอาจจะเกิดการแบ่งแยกสำนักก็ได้!"
"สำหรับเรื่องเหล่านี้ คุณต้องเตรียมตัวเตรียมใจไว้ด้วย!"
สองเยว่ส่ายหัวเบาๆและพูด "แยกสำนัก……คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอก บางทีสี่เยว่อาจจะข่มขู่และบีบบังคับ! เรื่องนี้เป็นไปได้สูง! เมื่อถึงเวลานั้นคงมีแค่หนทางเดียว"
"ฉันลาออกจากตำแหน่งผู้แทนสำนัก และมอบตำแหน่งนี้ให้เธอ มันก็คงไม่เกิดการแบ่งแยกสำนักอย่างแน่นอน!"
"แล้วถ้าฉันไม่ยอมละ……"
เมื่อสามเยว่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ เธอก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ถ้าคุณไม่ยอม คุณก็น่าจะเดาออก เธอน่าจะเลือกเส้นทางไหน? คุณยังมั่นใจอีกเหรอ ว่าจะไม่เกิดการแบ่งแยกสำนัก?"
สองเยว่ส่ายหัวทันที
สำหรับเรื่องนี้ เธอไม่มั่นใจอยู่แล้ว
สองเยว่นิ่งเงียบไปสักพัก สีหน้าของเธอมีแต่ความอ้างว้าง
เธอพูดเบาๆ "ช่างมันเถอะ! ตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นนั้น ยังไม่ต้องไปคิดเรื่องพวกนี้ ในเมื่อเจ้าพระคุณกล้าทำแบบนั้น มันก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน เขามั่นใจในตัวเองสูงมากๆ!"
"อีกอย่าง สำนักเทียนหยุนค้นหามาตั้งนาน แต่ก็หาตัวเจ้าพระคุณไม่เจอ ฉันคิดว่าโอกาสที่พวกเขาจะหาเจ้าพระคุณจนเจอนั้นยากมากๆ!"
"เจ้าพระคุณอาศัยพลังของตัวเองเพียงคนเดียวก็สามารถสังหารผู้อาวุโสหลายๆคนของสำนักเทียนหยุนได้ และสามารถหนีรอดอย่างปลอดภัยจากน้ำมือของรองเจ้าสำนัก มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพลังของเจ้าพระคุณลึกล้ำจนยากจะคาดเดาได้!"
"ฉันคิดว่าเจ้าพระคุณน่าจะมีพลังเทียบเท่ายอดฝีมือแดนยาทองระดับเจ็ด!"
"ด้วยพลังของเจ้าพระคุณในตอนนี้ ถ้าอยากจะหลบซ่อนไม่ให้สำนักเทียนหยุนหาเจอ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากลำบากเลย"
เมื่อสามเยว่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะหายใจเร็วด้วยความตกใจ "มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ!"
"เจ้าพระคุณอายุน้อยขนาดนี้ แต่กลับมีพลังที่น่ากลัวมากๆ"
"มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมากๆ!"
"ไม่แปลกใจเลยที่เขาเป็นเจ้าพระคุณของสำนักเทียนหยุน!"
"ฉันคิดว่าด้วยพรสวรรค์ของเจ้าพระคุณ เขาต้องไม่ด้อยกว่าบุตรอริยสัจของสำนักอริยสัจ พระบุตรของสำนักพระธรรมและบุตรธยานะของสำนักธยานะอย่างแน่นอน
สองเยว่พยักหน้าและพูด "หวังว่าเจ้าพระคุณจะไม่เป็นอะไร!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...