อิ่นเผิงเห็นท่าทีของซิงเฟยไม่เลว
จู่ๆ จึงหัวเราะออกมา แล้วโบกมือไปมาอย่างมีความสุข “ศิษย์น้องฉินหลานพูดอะไรกัน! ตั้งแต่ศิษย์น้องฉินหลานเดินเข้ามา ฉันมองแวบเดียว ก็เห็นว่าศิษย์น้องฉินหลานไม่ใช่คนธรรมดา!”
“วันนี้มีวาสนาได้รู้จักศิษย์น้องฉินหลาน เป็นเกียรติของฉันจริงๆ”
“ใช่สิ ไม่ทราบว่าสหายท่านนี้...เป็น......”
ซิงเฟยมองหลินหยุน และแนะนำเสียงเบาว่า “เขาชื่อหลินหยุน เป็นเพื่อนของฉัน เราเจอกันระหว่างทางมาเมืองกวางยักษ์!”
“นับว่าถูกชะตา จึงเดินทางมาด้วยกัน!”
เมื่ออิ่นเผิงได้ยิน แววตาวูบไหวครู่หนึ่ง และประสานมือทำความเคารพหลินหยุน และถามอย่างลองเชิงว่า “สหายท่านนี้ มาจากสำนักไหนเหรอ”
หลินหยุนพูดว่า “ไม่มีสำนัก!”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินหยุน สายตาของทุกคนแปรเปลี่ยนเป็นความประหลาดทันที
แววตาที่มองหลินหยุน เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
ทุกคนเข้าใจแล้ว คนคนนี้มาร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้ได้ ต้องเกี่ยวข้องกับผู้หญิงข้างๆ ที่ชื่อฉินหลานท่านนี้
ตลก!
ไม่มีสำนัก ยังมีโอกาสมาร่วมงานแบบนี้ด้วยเหรอ
เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
เมื่ออิ่นเผิงได้ยิน แววตาเป็นประกายที่มองหลินหยุน ฉายแววดูถูก
ไม่รอช้า เขาละสายจาออกจากหลินหยุน มามองซิงเฟยอีกครั้ง
พูดอย่างอ่อนโยนว่า “ศิษย์น้องฉินหลาน อีกสักพักงานเลี้ยงถึงจะเริ่มอย่างเป็นทางการ น่าจะมีอัจฉริยะชื่อเสียงโด่งดัง ที่มาจากโลกคุนชางอีกบางส่วน”
“ไม่ทราบว่าศิษย์น้องฉิน จะยอมไปนั่งคุยกับฉันอีกด้านหรือเปล่า”
“เดี๋ยวถ้าอัจฉริยะพวกนั้นมาถึง ฉันจะแนะนำให้ศิษย์น้องฉินสักหน่อย”
อิ่นเผิงพูดพลาง ใบหน้ามีความเย่อหยิ่งขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา สายตาของทุกคนฉายแววอิจฉา
อิจฉาจริงๆ
ฐานะของอิ่นเผิงสูงส่งกว่าคนในงานพวกนี้มาก
จุดนี้ ดูจากที่เขารู้จักกับคุณชายเทียนซินเป็นอย่างดี ก็เห็นได้อย่างชัดเจน
ถ้าฐานะแตกต่างกันมาก ทั้งสองคนไม่มีทางเป็นเพื่อนกันได้
บอกว่าอิ่นเผิงจะแนะนำอัจฉริยะอย่างแท้จริงให้รู้จัก คงไม่ใช่คำพูดโอ้อวด
เมื่อซิงเฟยได้ยิน จึงอดพยักหน้าไม่ได้ หัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “ได้แน่นอนค่ะ ถ้าอย่างนั้น ขอบคุณศิษย์พี่อิ่นเผิงมากนะคะ!”
อิ่นเผิงก็ดีใจมากเช่นกัน รีบเดินนำซิงเฟยไปตรงที่ตัวเองนั่งเมื่อครู่
แต่เดินได้ไม่กี่ก้าว หางตาของเขาเห็นหลินหยุนตามมาด้วย
จึงอดชะงักฝีเท้าลงไม่ได้ หันมามองหลินหยุน ใบหน้าที่เดิมมียังมีรอยยิ้มอยู่บ้าง ตึงเครียดขึ้นมาทันที
พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “สหายท่านนี้ ฉันเชิญแค่ศิษย์น้องฉินหลาน ไม่ได้เชิญคุณ คุณไม่ตามมาดีกว่าไหม”
เขาพูดแบบนี้ ทำให้ทุกคนที่คิดว่าไม่มีอะไรสนุกดูแล้ว แววตาเป็นประกายขึ้นมาทันที
อีกทั้งสายตาของทุกคน มองไปยังหลินหยุนอีกครั้ง
อยากดูว่าต่อไปหลินหยุนจะรับมืออย่างไร
ขณะนั้น สีหน้าซิงเฟยก็เคร่งขรึมขึ้นมา
ไม่รอให้หลินหยุนพูด เธอหันไปมองอิ่นเผิงแล้วพูดว่า “ศิษย์พี่อิ่นเผิง หลินหยุนเป็นเพื่อนที่มาด้วยกันกับฉัน ศิษย์พี่อิ่นทำแบบนี้ ดูไม่เหมาะไปหน่อยหรือเปล่า”
เมื่ออิ่นเผิงได้ยิน จึงหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “ศิษย์น้องฉิน การที่คนคนนี้ติดตามเธอมา ในใจแท้จริงคิดอย่างไร ศิษย์น้องฉลาดเป็นกรด น่าจะรู้นะ!”
“คนที่ไม่มีเจตนาดีแบบนี้!”
“ควรจะแบ่งแยกให้ชัดเจนถึงจะถูก!”
“ฉันรู้ว่าศิษย์น้องจิตใจดี จึงรู้สึกเกรงใจ ที่จะทำแบบนี้”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้”
“งั้นเรื่องนี้ยกให้พี่จัดการเอง!”
พูดพลาง อิ่นเผิงมองหลินหยุนอีกครั้ง พูดด้วยสีหน้าเย้ยหยันว่า “หลินหยุนใช่ไหม ในเมื่อพูดถึงขนาดนี้แล้ว งั้นขอพูดตรงๆ เลยแล้วกัน!”
“ผู้หญิงที่น่าภาคภูมิใจแบบศิษย์น้องฉินหลาน!”
“ไม่ใช่คนที่คนแบบนายจะครอบครองได้!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...