เมื่ออิ่นเผิงพูดจบ
ทันใดนั้น ลมปราณอันแข็งแกร่งบนตัว ก็ถูกปลดปล่อยออกมา
เมื่อลมปราณถูกปล่อยออกมา ทำให้ทุกคนรอบๆ ส่งเสียงออกมาอย่างตกใจ
ต่างพากันเบิกตาโต หน้าเปลี่ยนสี และพากันถอยไปด้านหลัง
บางคนอดทอดถอนใจไม่ได้
“นี่คือคุณชายอิ่นเผิงเชียวนะ!”
“ลมปราณแข็งแกร่งขนาดนี้ ผลการฝึกตนอย่างน้อยต้องยาทองระดับสอง!”
“แน่นอนอยู่แล้ว!”
“ดูเหมือนว่าจะไม่ห่างจากยาทองระดับสามสักเท่าไร!”
“ไม่เสียแรงที่เป็นศิษย์อัจฉริยะคนสำคัญ ของสำนักใหญ่ระดับสำนักเต๋าเฉินเซียว!”
“แข็งแกร่งมาก!”
“ดูสิ สวะที่ชื่อหลินหยุน ตกใจจนมึนไปหมดแล้ว!”
“เหอะๆ เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ”
“ถึงไอ้สวะนี่มีลมปราณผลการฝึกตนอยู่บ้าง แต่อ่อนด้อยมาก”
“น่าจะแค่แดนฝึกพลังระยะกลางที่ไม่เก่ง!”
“อย่าว่าแต่ยอดฝีมือยาทองอย่างคุณชายอิ่นเผิงเลย”
“แค่แดนฝึกพลังระยะหลังสักคน ปลดปล่อยลมปราณออกมา เขาก็รับไม่ไหวแล้ว!”
“เมื่ออยู่ต่อหน้าคุณชายอิ่นเผิง ไอ้หมอนี่แค่มด ยังนับไม่ได้เลย”
“ฉันว่านี่ก็อยู่ในจวนของคุณชายเทียนซิน”
“และเป็นงานเลี้ยงที่คุณชายเทียนซินจัดขึ้นด้วย!”
“เวลาและสถานที่ ไม่เหมาะกับการลงมือ!”
“ถ้าเปลี่ยนเวลา เปลี่ยนสถานที่ คุณชายอิ่นเผิงไม่มีทางพูดกับไอ้สวะเยอะขนาดนี้หรอก! แค่ลงมือสบายๆ ก็ฆ่าไอ้หมอนี่ได้แล้ว!”
“แน่นอน น่าจะเกี่ยวกับผู้หญิงชุดขาวข้างๆ คนนั้นด้วย”
ทันใดนั้น ทุกคนแอบพยักหน้า
ขณะนั้น ชายหนุ่มที่ติดตามอยู่ด้านหลังอิ่นเผิงตลอดเวลา ก้าวออกมาข้างหน้า
ส่งเสียงหึ แล้วพูดว่า “ช้าก่อนศิษย์พี่ สวะแบบนี้ จะกล้ารบกวนให้ศิษย์พี่ลงมือได้อย่างไร ถ้าเป็นแบบนั้นคงจะแปดเปื้อนมือศิษย์พี่ ให้เป็นหน้าที่ผมเถอะ!”
เมื่ออิ่นเผิงได้ยิน จึงหันไปมองชายหนุ่ม
ยิ้มบางๆ แล้วหยักหน้า จากนั้นจึงกวาดตามองทุกคน เอ่ยแนะนำเบาๆ ว่า “ทุกท่าน ขอแนะนำสักหน่อย นี่เป็นศิษย์น้องสำนักเดียวกับฉัน มีชื่อว่าชื่อถง”
“งานประลองยุทธเก้าสำนักครั้งนี้ ใกล้มาถึงแล้ว”
“เดิมทีเขาไม่มีคุณสมบัติมาที่นี่!”
“แต่เขาอ้อนวอนตลอด คนเป็นศิษย์พี่อย่างฉัน ก็จนปัญญาจริงๆ!”
“ครุ่นคิดอยู่นาน”
“คิดว่าฉันก็โดนบำเพ็ญเซียน ไม่ช้าก็เร็ว ต้องลาจากสำนัก ลาจากการคุ้มครองของผู้อาวุโสในตระกูล และมีวันที่ต้องออกมาเผชิญโลกเพียงคนเดียว”
“มาเปิดหูเปิดตาในงานประลองยุทธเก้าสำนักครั้งนี้สักหน่อย ก็ใช่ว่าจะไม่ได้!”
“ศิษย์น้องของฉันอายุไม่มาก ปัจจุบันอายุแค่ 16 ปี!”
“ทุกคนอย่ามองว่าเขายังอายุน้อยขนาดนี้”
“แต่ในบรรดาคนอายุน้อยในสำนักฉัน ก็ยังถือว่าใช้ได้!”
“ตอนนี้มีผลการฝึกตนแดนฝึกพลังระยะหลัง!”
คำพูดพวกนี้ของอิ่นเผิง อันที่จริงทุกคนล้วนเข้าใจ
คือใช้โอกาสในช่วงเวลานี้ แนะนำศิษย์น้องอายุน้อยท่านนี้
พูดชื่อเสียงออกมา เป็นการทำให้สำนักโดดเด่นขึ้นด้วย
บางทีในนี้ยังมีบางเรื่อง ที่คนนอกไม่รู้ ดังนั้นอิงเผิ่งจึงจงใจแนะนำให้รู้จัก
แต่ตอนที่ได้ยินเขาพูดถึงผลการฝึกตนของชื่อถง ก็ยังมีคนอุทานออกมาอย่างตกใจ
แดนฝึกพลังระยะหลังอายุ 16 ปี ถึงเพิ่งเข้าสู่แดน แต่ก็เป็นอัจฉริยะอันดับต้นๆ ที่หาได้ยาก!
แววตาตกใจและอิจฉาของทุกคน ทำให้อิ่นเผิงพอใจมาก
ชื่อถงเองก็มีสีหน้ายโสโอหัง
อิ่นเผิงมองชื่อถงแล้วพูดอย่างราบเรียบว่า “ในเมื่อศิษย์น้องอยากลงมือ งั้นให้ศิษย์น้องจัดการคนนี้แล้วกัน! แต่ต้องจำเอาไว้ ศิษย์น้องไม่จำเป็นต้องเอาชีวิตเขา”
“ไม่ว่าอย่างไร วันนี้ก็เป็นงานเลี้ยงที่คุณชายเทียนซินจัดขึ้น”
“ที่นี่เป็นจวนของคุณชายเทียนซินด้วย!”
“อย่ารุนแรงเกินไป!”
“อย่าให้ใครหาว่าคนสำนักเต๋าเฉินเซียวของเราไร้มารยาท เข้าใจไหม”
ชื่อถงหน้าตาหน่อมแน้ม แต่คิ้วโค้งเรียวเหมือนดาบ ดวงตาเป็นประกายดุจดวงดาว กลับมีบุคลิกที่กล้าหาญองอาจ
โดยเฉพาะแววตามีชีวิตชีวา เหมือนดาบแหลมคมของเทพเจ้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...