จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 131

บทที่ 130 เปิดเทอม

วันนี้ เป็นวันเปิดเทอม

สถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์หลินโจวที่หลินหยุนเรียนอยู่เป็นโรงเรียนสอนศิลปะซึ่งอยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยแพทย์หลินโจว ที่เซี่ยหยู่เวยเรียนอยู่เพียงถนนเดียว

สถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์หลินโจว อยู่ห่างจากบ้านของเซี่ยหยู่เวยพอสมควร ในชีวิตที่แล้ว หลินหยุนเลือกอยู่หอพักของมหาวิทยาลัย

แน่นอนว่า การที่หลินหยุนเลือกอยู่หอมันมีเหตุผลอื่นร่วมด้วย เพราะการอยู่หอจะช่วยประหยัดเวลาได้มาก หลินหยุนใช้เวลาที่ไม่ต้องเสียไปกับการเดินทางนี้ ไปรับจ๊อบทำงานหาเงิน เขาไม่อยากเอาแต่ใช้เงินของตระกูลเซี่ย

หลินหยุนเรียนแล้วสองปี หลังจากปิดเทอมฤดูร้อนสิ้นสุดลง ตามกฎของมหาวิทยาลัยทั่วไป หลินหยุนก็ควรจะได้เลื่อนชั้นไปเรียนปีสาม

หลังจากสองปีในการใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัย หลินหยุนมีทั้งเพื่อน มีทั้งศัตรู มีความสุข มีความเศร้า มีความโกรธเคืองคับข้องใจ และแน่นอนว่าต้องมีความเสียใจ และเสียดายปะปนกัน

ในชีวิตที่แล้ว ตอนที่พ่อแม่ผู้ให้กำเนิดหลินหยุนยังหาตัวเขาไม่พบ ความปรารถนาสูงสุดของเขาคือการช่วยตระกูลเซี่ยให้ได้มากที่สุด ให้เซี่ยหยู่เวยเห็นเขาในสายตาให้ได้

ดังนั้น หลินหยุนจึงยอมละทิ้งวิชาวรรณกรรมที่ตัวเองชอบ ยอมละทิ้งความฝันที่จะเป็นนักเขียนบทภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียง แล้วไปสมัครเรียนคณะบริหารที่เขาไม่ชอบแทน

เพราะหวังว่า จะสามารถช่วยเซี่ยหยู่เวยดูแลจัดการคลินิก กลายเป็นคนคนหนึ่งที่มีประโยชน์กับเธอได้

แน่นอนว่าหลินหยุนในเวลานั้น ไม่เคยคิดหวังจะเกาะเกี่ยวปีนกิ่งสูงอะไร คิดเพียงแค่ว่าไม่อยากให้ตระกูลเซี่ยดูถูกเขาด้วยความบริสุทธิ์ใจก็เท่านั้น

แต่ในชีวิตนี้ แน่นอนว่าหลินหยุนไม่ได้คิดแบบนั้นแล้ว

ดังนั้น หากยึดตามความแข็งแกร่งในตอนนี้ของหลินหยุน ก็ไม่จำเป็นต้องเรียนต่อในมหาวิทยาลัยอีกต่อไป

แต่เพราะว่า หลังจากผ่านไปแปดร้อยปี หลินหยุนก็อยากจะเจอเพื่อน ๆ ของเขาในเวลานั้นอยู่เหมือนกัน

ช่วงเวลาที่ได้ร่วมวงก๊งเหล้ากัน ได้ผ่านวันคืนทั้งสุขทุกข์มาด้วยกัน โดนด่าโดนตีมาด้วยกัน ผองเพื่อนที่ไปนั่งยอง ๆ ที่หน้าประตูโรงเรียน เพื่อแอบส่องนักเรียนสาวสวยรุ่นน้องที่เข้ามาใหม่ด้วยกันพวกนั้น

“ไอ้หมอ เทพฟ้าผ่า ไอ้สิบแปดมงกุฎ ไอ้หิน แล้วก็ฉินโส่วเจ้าของฉายาไอ้สัตว์ป่า ตอนนี้ทุกคนจะเป็นยังไงบ้างนะ?”

แล้วก็ยังมี เจ้าของบาร์ที่คอยดูแลพวกเขาอยู่เสมออีกคน สาวสวยผู้สุขุมเยือกเย็นทั้งยังดูเป็นผู้ใหญ่คนนั้น พี่โล่โล่

หลินหยุนเรียกแท็กซี่ไปสถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์หลินโจว เมื่อลงจากรถ แล้วมองไปที่อาคารขนาดใหญ่ ที่สร้างเป็นรูปทรงพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวตรงทางเข้าสถาบัน จู่ๆหลินหยุนก็มีความรู้สึกเหมือนเกิดภาพเดจาวู ในโลกอีกใบหนึ่งทับซ้อนขึ้นมาแบบฉับพลัน

แปดร้อยปีแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายจะได้กลับมาที่นี่อีก

นักศึกษาที่เรียนในสถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์แห่งนี้ ส่วนมากจะมาจากครอบครัวที่มีฐานะ วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรก จึงได้เห็นภาพของรถหรูคันแล้วคันเล่า ขับมาจอดต่อ ๆ กันที่หน้าประตูโรงเรียนไม่หยุด

หลินหยุนเดินเข้าประตูไปอย่างเงียบ ๆ เดินไปตามเส้นทางในความทรงจำเดิมที่มี จนไปถึงหอพักของคณะบริหารอาคาร A หอพัก 208

ทันทีที่เดินไปที่ประตูหอพัก ก็ได้ยินเสียงตะโกนดังลั่นราวเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นจากด้านใน“ เชี่ย!ใครมันเอารูปถ่ายตัวจริงของหยางหยิงเสี่ยที่ติดไว้ข้างเตียงชั้นไปวะ!?”

“ไอ้หมอ เป็นแกใช่มั้ย ?”

มุมปากของหลินหยุน ปรากฏเป็นรอยยิ้มขึ้นมาทันที มีเพียงคนเดียวในหอพัก 208 ที่จะส่งเสียงดังเอะอะแบบนี้ นั่นก็คือเหลยเฉียง เจ้าของฉายา เทพฟ้าผ่า

ส่วนคนที่ถูกเรียกว่าไอ้หมอคนนั้น มีชื่อจริงว่าจางซือจู่ เป็นลูกหลานของนักปราชญ์แห่งการแพทย์ จางซือเมี่ยว

เนื่องจากครอบครัวเป็นหมอมาถึงสามชั่วอายุคน เขาจึงถูกบังคับให้สืบทอดกิจการของครอบครัว เมื่อดูจากชื่อของเขาแล้ว ก็จะเห็นได้ชัดว่าตั้งแต่เขายังเด็ก พ่อแม่เขาก็เอาแต่เฝ้าหวนนึกถึงชื่อเสียงอันรุ่งโรจน์ของบรรพบุรุษมาโดยตลอด

แต่สิ่งที่พ่อแม่ชอบ ก็ไม่ได้หมายความว่าลูกก็จะต้องชอบด้วย

อาจเป็นเพราะว่า จางซือจู่ในวัยเด็กถูกบังคับมากเกินไป เขาจึงต่อต้านการเรียนแพทย์ชนิดหัวชนฝา จากนั้นก็หนีมาเรียนที่สถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์ตามลำพัง

แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะไปเรียนที่สถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์ แต่เขาก็ไม่สามารถลบล้างการสั่งสอนจากครอบครัวที่ยาวนานกว่าสิบปีได้ ทำให้ทุกครั้งที่อ้าปาก พูดได้ไม่เกินสามประโยค ก็หนีไม่พ้นเรื่องการแพทย์การรักษาที่เคยถูกสอนมา

ดังนั้นทุกคนจึงพากันตั้งฉายาให้เขา ซึ่งเป็นอาชีพดั้งเดิมที่สืบต่อมาในครอบครัว คือ “ไอ้หมอ”

หลินหยุนเปิดประตูออก ชายร่างใหญ่ที่มีส่วนสูงถึงร้อยเก้าสิบเซนติเมตร ก็หันขวับมามองอย่างกะทันหัน

“โย่ว! มู่มู่ ทำไมวันนี้แกถึงมาสายได้ละเนี่ย?” เหลยเฉียงมองหลินหยุนพร้อมยกยิ้มร้ายๆ

ในชีวิตที่แล้ว หลินหยุนมีนิสัยเงียบขรึม รักสันโดษไม่ค่อยชอบพูด ดังนั้นทุกคนจึงแยกชื่อกับแซ่ของเขาออก แล้วตั้งฉายาให้ว่ามู่มู่

ด้วยความมีเกียรติ์ในตัวเองของเขา ทำให้หลินหยุนไม่อยากถูกเซี่ยหยู่เวยดูถูก จึงพยายามตั้งใจเรียนอย่างหนัก และทุกครั้งหลังช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่กลับจากบ้านมา เขามักจะเป็นคนแรกที่มาถึงโรงเรียนเสมอๆ

ปกติแล้ว เหลยเฉียงชอบเอาเรื่องของหลินหยุนมาทำเป็นเรื่องตลกล้อเล่นขำๆ แต่ก็เป็นเพียงเรื่องล้อเล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ พอถึงเวลาที่มีใครรังแกหลินหยุนขึ้นมาจริงๆ เขาก็มักจะเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นมาปกป้องหลินหยุนเสมอ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์