จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 1319

สรุปบท บทที่ 1319 ประตูสวรรค์ทางตะวันออก: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

อ่านสรุป บทที่ 1319 ประตูสวรรค์ทางตะวันออก จาก จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่

บทที่ บทที่ 1319 ประตูสวรรค์ทางตะวันออก คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายใช้ชีวิต จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย จูผาซู่ อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ทันใดนั้น ลมหายใจในร่างกายของหลินหยุนก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ร่างลางที่ยิ่งใหญ่ ได้ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของเขา

ร่างลางนี้ ขยายตัวปกคลุมไปทั่วชั้นฟ้าชั้นดิน

เมื่อร่างลางนี้ปรากฏขึ้น ทั่วทั้งทะเลกวางยักษ์ก็เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นอย่างรุนแรง

ร่างลางสวมมงกุฏจักรพรรดิ ดวงตาสว่างใสดุจดั่งดวงดาว รูปร่างใหญ่โตไร้ที่สิ้นสุด

หลังจากที่ปรากฏกายขึ้น ก็ใช้นิ้วชี้ไปที่หลิงไถ

เสียงหัวอันน่าสยดสยองนั้นก็หยุดลงทันที จากนั้นก็ร้องโอดครวญขึ้นอย่างทุกข์ทรมาน

ลำแสงสีแดงได้ถูกพลังที่อธิบายไม่ได้ทำลายลงจนแหลกสลายไปในพริบตา

ในขณะที่ลำแสงสีแดงแหลกสลายลงไปนั้น มุกสีแดงที่มีขนาดเท่ากับเม็ดถั่วเม็ดหนึ่ง ก็ได้หยุดอยู่ภายในหลิงไถ ส่วนร่างลางนั้นก็ได้สลายหายวับไปในทันทีด้วยเช่นกัน

ขณะที่สลายหายวับไปนั้น ร่างกายของหลินหยุนก็เหี่ยวแห้งลงในทันที ผมขาวโพลนไปหมด สภาพร่างกายแก่หงำเหงือก เหลือเพียงแค่ลมหายใจเท่านั้น

แต่เวลานี้ดวงตาของหลินหยุนเต็มไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์

ยาทองก็เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สะเทือนเลือนลั่นไปทั่วปฐพี

กลิ่นอายร่างลางของมหากษัตริย์ ทำให้ไหมจัญไรไร้เงาในยาทองนั้นมีชีวิตชีวามากขึ้น

เห็นได้ชัดว่าภายใต้กลิ่นอายร่างลางของมหากษัตริย์ที่ปลดปล่อยออกมานั้น ทำให้มันได้รับผลประโยชน์อย่างมากเลยทีเดียว

นี่คือพลังสายเลือดที่หลงเหลือเพียงเล็กน้อยในสายเลือดของหลินหยุน ซึ่งช่วยกระตุ้นให้ร่างลางของมหากษัตริย์ปรากฏขึ้นมา

และนี่ก็มาถึงขอบเขตที่สุดของการมีชีวิตและความตาย ซึ่งก็คือไพ่เด็ดใบสุดท้ายของเขา

แต่ว่าเวลานี้ หลินหยุนไม่ได้มีความเศร้าโศกเสียใจอะไร กลับกลายเป็นตื่นเต้นดีใจอย่างบอกไม่ถูก

เพราะว่าจากภายในมุกเลือดที่สดใสเรืองรองนั้น เขาสามารถรับรู้ได้ถึงพลังงานที่แข็งแกร่ง

ถ้าหากดูดซับมันเข้ามาได้ จะสามารถนำมาใช้ในการหลอมยาทอง

เขาไม่รู้ว่าสิ่งของชิ้นนี้คืออะไรกันแน่ แต่แน่ใจอย่างมากว่า สิ่งของชิ้นนี้จะสามารถนำมาใช้เป็นสมบัติทั่วฟ้าดินเพื่อหลอมยาทองระดับเทพได้

ดวงจิตเป็นตัวนำพา หลินหยุนจึงเริ่มดูดซับอย่างต่อเนื่อง

การหลอมยาในสถานที่แห่งนี้ เสี่ยงต่ออันตรายอย่างแน่นอน

แต่ว่า หลังจากที่ร่างลางของมหากษัตริย์นี้ปรากฏขึ้น เสียงร้องไห้ที่เศร้าสลด รวมไปถึงเสียงการต่อสู้เหล่านั้น ก็สูญหายไปทั้งหมด

กลิ่นอายของมหากษัตริย์แผ่กระจายไปทั่ว คงน่าจะไม่มีพวกภูตผีปีศาจกล้าที่จะเข้ามาใกล้อีกแล้ว

แน่นอนว่า ถ้าเวลาเลยผ่านไปนาน ก็คงจะพูดยาก ดังนั้นเขาจึงต้องรีบกระทำการโดยเร็วที่สุด

หลินหยุนเป็นคนที่เด็ดขาดมาโดยตลอด เมื่อตัดสินใจแล้ว ก็รีบหลอมยาทองและดูดซับมุกเลือดนั้นอย่างบ้าคลั่ง

เดิมทีร่างกายที่ห่อเหี่ยวลงไปแล้ว เห็นผลทันตาว่าได้ฟื้นฟูกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ก็เกิดเสียงดังตูมตามขึ้น มุกเลือดนั้นก็ถูกดูดซับจนหมดสิ้นแล้ว

ด้านในของยาทอง ก็มีเส้นสีเลือดเพิ่มขึ้น

การหลอมยาทองครั้งที่สาม สำเร็จแล้ว!

กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด ได้แผ่กระจายออกมาจากร่างกายของหลินหยุน

หลินหยุนถอนหายใจยาว แล้วก็ค่อย ๆ ลืมตาสองข้างขึ้นมา

ขณะที่มองไปบริเวณโดยรอบ ก็ไม่มีความรู้สึกเหมือนกับที่ว่า “มีอันตรายรอบด้านยากที่จะเดินก้าวออกไป” อีกแล้ว

พลังสายตาของเขา คิดไม่ถึงว่าสามารถที่จะมองทะลุผ่านหมอกดำอันหนาแน่น ออกไปไกลได้เป็นพันเมตรเลยทีเดียว

ดวงจิตทำการสำรวจขึ้นในทันที

สิบเมตร

สามสิบเมตร

ห้าสิบเมตร

หนึ่งร้อยเมตร

ซึ่งสามารถไกลออกไปถึงประมาณหนึ่งพันเมตรเลยทีเดียว

อีกทั้ง ยังไม่ถูกทำลายลงด้วย เป็นเพราะว่าด้านหน้านั้นราวกับมีแผ่นกั้นอยู่ ไม่สามารถทะลุผ่านไปได้

หลินหยุนก็พลันตื่นเต้นดีใจขึ้นมาบ้าง “ดูเหมือนว่า การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลอมมุกเลือดนั้นอย่างแน่นอน! ”

“หากว่าไม่ได้ใช้มุกเลือดนี้ แต่ใช้สมบัติทั่วฟ้าดินชิ้นอื่นในการหลอม คงจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบนี้อย่างเด็ดขาด”

เขารู้สึกได้ว่าหลังจากที่ใช้มุกเลือดหลอมยาทองแล้วนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับทะเลกวางยักษ์นี้ เหมือนจะใกล้ชิดกันมากขึ้นแล้ว

ไม่มีพยานหลักฐาน มีแต่เพียงความรู้สึก

ถอนหายใจอีกครั้ง

หลินหยุนก็กวาดสายตามองไปบริเวณโดยรอบ

บริเวณด้านหน้าเป็นเทือกเขาที่ทอดยาวไม่มีจุดสิ้นสุด ส่วนจุดแสงสีแดงขนาดเล็กนั้นราวกับว่าอยู่ที่ขอบฟ้า ซึ่งในเวลานี้ลำแสงนั้นค่อนข้างจะเบาบางลงไปเป็นอย่างมาก

หลินหยุนเคลื่อนสายตาไปมา

ถ้าหากเขาคาดการณ์ไม่ผิด ตำแหน่งที่ตั้งของจุดแสงขนาดเล็กนั้นน่าจะเป็นแคว้นโบราณ หรือว่าจะเป็นศูนย์กลางของสำนักโบราณก็เป็นได้

ในเวลานี้เอง เสียงร้องเรียกที่แก่ชราและเศร้าสลด ก็ดังขึ้นในสมองของหลินหยุน

“มานี่สิ! ”

“มานี่สิ! ”

“มาที่ข้างกายของฉัน! ”

ไม่มีเทพสังหารอย่างหลินชางฉองแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็กลับคืนสู่สภาพปกติ

พูดถึงทางหลินหยุนกันต่อ เขาเองก็มุ่งหน้าเดินไปอีกหลายวันแล้ว

ดวงอาทิตย์สีเลือดนั้น ค่อย ๆ เคลื่อนตัวขึ้นมาจากทางทิศตะวันออก

ส่วนบริเวณด้านหน้าของเขาก็ปรากฏซากปรักหักพังที่ทรุดโทรมขึ้น

ซากปรักหักพังอยู่ภายในบริเวณที่ล้อมรอบด้วยภูเขา ครอบคลุมพื้นที่ไม่กว้างใหญ่มากนัก ขนาดหนึ่งพันเมตรโดยประมาณ

หลินหยุนมุ่งหน้าตรงเข้าไปยังซากปรักหักพังนั้น

เมื่อเข้าไปใกล้แล้วก็พบว่า ที่แห่งนี้น่าจะเป็นหมู่บ้านแห่งหนึ่ง แต่ก็มีความแตกต่างจากหมู่บ้านธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน

อย่ามองว่ามีขนาดที่ไม่กว้างใหญ่นัก แต่แผ่นป้ายที่แตกหักอยู่ภายใต้ฝ่าเท้านั้น กลับทำให้หลินหยุนต้องตื่นตกใจขึ้น

“ประตูสวรรค์ทางตะวันออก! ”

“นี่คงจะเป็นสำนักแห่งหนึ่ง ไม่อย่างนั้นคงจะไม่มีแผ่นป้ายแบบนี้แน่นอน”

มองไปที่แผ่นป้ายที่แตกหักนั้น หลินหยุนก็ยิ่งแปลกประหลาดใจกับแคว้นโบราณ หรือสำนักโบราณของทะเลกวางยักษ์นี้มากขึ้นแล้ว

มีประตูสวรรค์ทางตะวันออก ก็จะต้องมีประตูสวรรค์ทางใต้ ประตูสวรรค์ทางเหนือ และประตูสวรรค์ทางตะวันตกด้วยล่ะสิ!

เขามองว่าชื่อเรียกนี้ ค่อนข้างที่จะโอ้อวดเกินไปหน่อย

ประตูสวรรค์

นี่ถึงขนาดคิดว่าตนเองมีสถานะเป็นพระเจ้าเลยหรืออย่างไร?

ยิ่งไปกว่านั้น ทะเลกวางยักษ์นี้ แม้ว่าจะมีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล

แต่เมื่อมองเปรียบเทียบไปทั่วทั้งโลกคุนชาง หรือว่าทั่วทั้งโลกแล้ว นั่นก็เป็นเพียงแค่มุมส่วนหนึ่งเท่านั้น

โดยที่ไม่รู้ว่าผู้ใด ถึงได้กำเริบเสิบสาน กล้าที่จะตั้งตนเองว่าเป็นพระเจ้าได้

อะไรถึงเรียกว่าพระเจ้า?

ท้องฟ้าคือพระเจ้า ปกคลุมทุกสิ่งมีชีวิตทั้งหมด

แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่มุมมองความคิดที่ธรรมดาทั่วไปเท่านั้น

พระเจ้าที่แท้จริงแล้ว นั่นคือผู้ที่มีโลกเป็นของตนเอง

อย่างน้อยก็คือผู้ปกครองโลก ซึ่งประตูที่เข้าสู่เขตแดนของโลกนั้น เรียกได้ว่าเป็นประตูสวรรค์

แต่ต่อให้เป็นโลกบำเพ็ญเซียนที่แท้จริง ก็ยังไม่กล้าที่จะกระทำแบบนี้

บางที สำนักโบราณหรือแคว้นโบราณนี้ ในตอนนั้นอาจจะเป็นโลกบำเพ็ญเซียนที่ยิ่งใหญ่ไปทั่วโลกก็เป็นได้

แต่หากใช้คำว่าพระเจ้ามาใช้เรียกแทนตนเอง หลินหยุนมองว่า เป็นการไม่เจียมเนื้อเจียมตัวเอาเสียเลย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์