หลินหยุนเองก็ลองทำดูบ้าง ซึ่งสีหน้าก็ย่ำแย่ลงทันทีเช่นกัน
ถ้าหากยังเป็นอย่างนี้ต่อไป ไม่ต้องพูดถึงซินเฟยหรอก ตัวเขาเองก็ได้รับผลกระทบไม่น้อย
“เหอะเหอะเหอะเหอะเหอะ----”
“เหอะเหอะเหอะเหอะเหอะ----”
เสียงหัวเราะที่น่าสยดสยองขนลุกขนพองราวกับว่าดังอยู่ที่ข้างหู เหมือนกับว่ามีคนหัวเราะอยู่ที่ข้างหูของคุณอย่างไรอย่างนั้น
ซินเฟยยิ่งมีสีหน้าที่ขาวซีดมากขึ้น ร่างกายก็เริ่มที่จะสั่นไหวถึงขั้นรุนแรงแล้ว
ซินเฟยกัดฟันใช้แรงดึงไปที่แขนของหลินหยุน และพูดขึ้นอย่างยากลำบากว่า “หลินหยุน ฉัน......ฉันใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว! ฉันเหมือนใกล้จะตายแล้ว! ”
เวลานี้หลินหยุนเองก็มีสีหน้าที่ขาวซีดหนักขึ้นเช่นกัน
เดิมทีอาการบาดเจ็บของเขาก็ยังไม่หายโดยสมบูรณ์ พวกเสียงร้องไห้และเสียงหัวเราะที่น่าสยดสยองนั้น ก็ส่งผลกระทบต่อเขาเองอย่างมากเช่นกัน
แต่แน่นอนว่าเขาสามารถที่จะอดทนยืนหยัดได้เหนือกว่าซินเฟยเป็นอย่างมาก!
ขณะที่ซินเฟยพูดจบลงนั้น ก็กระอักเลือดออกมาในทันที
เมื่อกระอักเลือดออกมา หยินชี่ในบริเวณโดยรอบก็ยิ่งกำเริบเสิบสานมากขึ้น กลิ่นอายจำนวนมากเหมือนจะสะเทือนสั่นไหวขึ้นมากันทั้งหมด
หลินหยุนดวงตาเป็นประกายขึ้นโดยพลัน และชกซินเฟยจนสลบลงไป โดยที่ปล่อยให้เธอทรุดตัวลงในอ้อมแขนของตนเอง
จากนั้นก็ขยายร่าง เหาะเหินไปยังเบื้องหน้า
ตั้งแต่ที่เข้าสู่ทะเลกวางยักษ์ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ทำการเหาะเหิน
ไม่นานนัก เสียงกรีดร้องอันน่าเศร้าสลดอย่างที่สุด ก็ดังขึ้นที่บริเวณด้านหลังของเขา
ในขณะเดียวกัน กลิ่นอายจำนวนนับไม่ถ้วนก็กำลังมุ่งหน้าตรงมาทางเขาอย่างรวดเร็ว
หลินหยุนเบิกตาโพลง
เป็นพวกทหารโครงกระดูก และยังเป็นพวกทหารโครงกระดูกที่แข็งแกร่งมากอีกด้วย!
พริบตาเดียวพวกทหารโครงกระดูกก็มาอยู่ที่เบื้องหน้าแล้ว
หลินหยุนชกหมัดเข้าใส่ พวกทหารโครงกระดูกขั้นยาทองระดับสามทั้งห้าตนก็แหลกสลาย กลายเป็นหมอกดำ สูญหายไปในความว่างเปล่า
หลินหยุนถอนหายใจยาว
และก็ไม่กล้าที่จะเหาะเหินต่ออีก ทำได้เพียงโอบอุ้มซินเฟยมุ่งหน้าเดินต่อไปอย่างรวดเร็ว
ซึ่งในเวลานี้ เขาได้มาถึงที่สันเขาแห่งหนึ่ง
เบื้องหน้าก็ยังคงมืดมิด ปลายทางที่สามารถมองเห็นได้นั้น ก็แค่สิบกว่าเมตร ซึ่งก็มองไม่เห็นอะไร
แต่ในขณะที่หลินหยุนกำลังคิดที่จะมุ่งหน้าเดินต่อไปนั้น ก็มีแท่นดินขนาดเล็กปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าของเขา
แท่นดินมีขนาดที่ไม่ใหญ่ ซึ่งมีขนาดประมาณโต๊ะสี่เหลี่ยมที่คนทั่วไปใช้ในการรับประทานอาหาร อีกทั้งมีมุมหนึ่งที่แตกหักแล้วด้วย
หลินหยุนดวงตาเป็นประกาย และรีบก้าวเดินเข้าไปดู
บริเวณโดยรอบของแท่นดินนั้น มีโครงกระดูกกองกันอย่างหนาแน่น เรียกได้ว่าเต็มไปด้วยโครงกระดูกขาวโพลนไปทั้งหมด
สถานที่แห่งนี้ คงจะเคยเกิดสงครามการปะทะครั้งใหญ่และดุเดือดขึ้นอย่างแน่นอน
หลินหยุนพลันพบว่า โครงกระดูกเหล่านี้ แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นโครงกระดูกของคน แต่ในจำนวนนั้นก็ยังมีโครงกระดูกของสัตว์ปะปนอยู่บ้างเล็กน้อย
อีกทั้ง ยังมีทวนยาวที่แตกหัก ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้าของแท่นดินด้วย
หลินหยุนขมวดคิ้ว พบว่าในบริเวณด้านข้างของทวนยาวนั้น เป็นโครงกระดูกของคนที่ไม่สมบูรณ์ ซึ่งส่วนด้านหน้าของโครงกระดูกคน เป็นโครงกระดูกสัตว์ และก็ไม่สมบูรณ์เช่นกัน
สัตว์ชนิดนี้ เหมือนจะเป็นลิงตัวหนึ่ง
ท่อนแขนที่เรียวยาวและกรงเล็บที่แหลมคมอย่างที่สุด ได้ทิ่มแทงไปยังกลางหน้าอกของโครงกระดูกคน และในส่วนกระโหลกศีรษะของลิงนั้น มีหัวทวนครึ่งท่อน
ดูเหมือนว่า จะเป็นการตายลงพร้อมกันอย่างแน่นอน
หลินหยุนถอนหายใจยาว คนหนึ่งคนกับลิงหนึ่งตัว ตอนมีชีวิตอยู่คงจะมีพลังความสามารถที่แข็งแกร่งอย่างมาก ขาดอีกเพียงเล็กน้อยก็จะเข้าสู่ขั้นแดนจิตปฐมแล้วอย่างแน่นอน
เพราะว่าทวนหักด้ามนั้น เดิมทีก็ไม่ใช่สิ่งของธรรมดาทั่วไป
แม้ว่าจะแตกหัก แม้ว่าจะผ่านไปนานไม่รู้กี่ปีแล้ว เวลานี้ ด้านบนของทวนหักด้ามนั้น ก็ยังคงมีพลังอานุภาพที่น่าสะพรึงกลัวหลงเหลืออยู่ เหมือนจะก่อตัวกลายเป็นขอบเขตอย่างหนึ่งไปแล้ว
นี่มันเหนือกว่าเครื่องรางทิพย์ชั้นยอดเสียอีก
โครงกระดูกสองร่างนี้ น่าจะเป็นสิ่งที่มีความแข็งแกร่งทรงพลังมากที่สุดของสถานที่แห่งนี้แล้ว
ส่วนคนผู้นั้น น่าจะเป็นผู้ที่สาบานด้วยชีวิตว่าจะพิทักษ์รักษาแท่นดินด้านหลังนั้น
สายตาของหลินหยุนจ้องมองไปที่แท่นดินนั้น
พลังในอากาศที่เบาบาง หลินหยุนสามารถรับรู้สัมผัสได้แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...