หลินหยุนพยักหน้า ก่อนจะเหาะเหินเดินอากาศไปต่อ
โจวฮ่าวและซิงเฟยเองก็รีบตามหลังไป
ในขณะที่พวกเขาเพิ่งจากไปได้ไม่นาน
ก็ตามมาด้วยการมาเยือนของสำนักหยุนเยว่
และเรื่องที่หลินหยุนถูกคนของสำนักหยุนเยว่พาเข้ามาก็แพร่สะพัด
กลิ่นอายที่ผิดแปลกบางอย่าง ก็เริ่มค่อยๆกระจายออกไปทีละนิด
ทว่า คนของสำนักเต๋าเฉินเซียว ก็ไม่ได้ไปซักถามเรื่องของหลินหยุนกับสำนักหยุนเยว่
ในขณะที่คนไม่น้อยต่างนึกว่าเรื่องนี้อาจได้รับคำอธิบายอะไรบางอย่างก็เป็นได้ เมื่อเวลาผ่านไป งานประลองยุทธเก้าสำนักเองก็ใกล้เข้ามาขึ้นเรื่อย ๆ
เรื่องนี้ก็ไม่มีใครพูดถึงอีก
สองวันผ่านไป คนของสำนักเทียนหยุนเองก็มาถึงแล้ว
ถ้าจะพูดให้ถูก คือรองเจ้าสำนักมาถึงแล้ว
ส่วนหวงฉาวที่ถูกเล่าลือกันว่าจะไม่เข้าร่วมงานประลองในครั้งนี้ก็ปรากฏตัวขึ้น
หวงฉาวคือสุดยอดอัจฉริยะไร้เทียมทานที่ปรากฏตัวขึ้นคนแรก
การมาเยือนของเขา พลันทำให้บรรยากาศในงานยิ่งตื่นเต้นเร้าใจมากยิ่งขึ้น
แต่นอกจากหวงฉาว
พวกบุตรอริยสัจแห่งสำนักอริยสัจ หรือบุตรธยานะแห่งสำนักธยานะที่พ้นโลกแล้วก็ยังไม่มีใครปรากฏตัว
ส่วนเหล่าสำนักผู้กุมอำนาจใหญ่
สิบแปดสำนักเต๋าก็มาถึงกันพร้อมหน้าแล้ว
ขณะที่ใกล้งานประลองยุทธเก้าสำนักไม่ถึงสิบวัน คนที่ควรจะมาเยือนก็มาถึงกันหมดแล้ว
ก่อนที่งานประลองจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
ก็ต้องประกอบพิธีบวงสรวงที่ยิ่งใหญ่ตามธรรมเนียมโบราณ
ทว่า
แม้ว่าเรื่องของหลินหยุน สำนักเต๋าเฉินเซียวจะมีท่าทีนิ่งเฉย
แต่กลับดึงดูดความสนใจของสำนักเทียนหยุน
หลังจากที่ผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสคนอื่นๆกลับมาถึง ก็พลันส่งคนไปจับตาดูสำนักหยุนเยว่
แน่นอนว่าการกระทำตุกติกเหล่านี้ย่อมไม่อาจพลาดสายตาสำนักหยุนเยว่ไปได้
สองเยว่เองก็ไม่ได้ใส่ใจนัก ปล่อยให้คนของสำนักเทียนหยุนจับตาดูต่อไป
ส่วนพวกหลินหยุนเองก็ไม่มีทางรับรู้เรื่องราวเหล่านี้
พวกเขาเข้าไปยังสุดหล้าทะเลแล้ว
ในสุดหล้าทะเลแห่งนี้นั้นเขียวชอุ่ม ชี่ทิพย์นั้นเข้มข้นเป็นอย่างมาก
ดูไม่เหมือนดินแดนต้องห้ามเลยแม้แต่น้อย กลับกันเหมือนดินแดนศักด์สิทธิ์เสียมากกว่า
และยังเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่สูงส่งมากด้วย
อย่างน้อยในโลกคุนชาง ที่แบบนี้ก็คงจะมีน้อยและหายากมาก ประหนึ่งขนนกฟีนิกซ์และเขากิเลน
หลินหยุนเองก็คาดไม่ถึงเล็กน้อย
นี่คือดินแดนต้องห้ามงั้นหรือ?
ไม่มีสภาพของดินแดนต้องห้ามเลยแม้แต่น้อย
โจวฮ่าวเองก็มองความเคลือบแคลงของหลินหยุนออก
จึงเอ่ยปากเสียงเบาว่า “เผ่าสาปฟ้าในตอนนั้น แม้ว่าจะมีจำนวนคนน้อย แต่ตำแหน่งกลับสูงมาก อีกทั้งยังมีอำนาจใหญ่อยู่ในมือ ที่ตั้งของเผ่าพันธุ์แบบนี้ ก็ย่อมต้องไม่มีทางแย่อยู่แล้ว”
“แต่พี่หลินเองก็อย่าได้ดูเบาความอันตรายของที่แห่งนี้เชียว”
“จากคำร่ำลือเพียงไม่กี่ประโยคที่ถูกเล่าขานกันมาของตระกูลโจวฉัน ที่แห่งนี้นับว่ามีแต่ภยันตรายเต็มไปหมด”
“ฉะนั้นเราจึงควรต้องระมัดระวังกันอย่างดีที่สุด”
หลินหยุนพยักหน้า ไม่พูดอะไร ส่วนซิงเฟยที่อยู่อีกข้างกลับปริปากเอ่ยน้ำเสียงไม่สู้ดีว่า “นายเลิกพูดพร่ำทำเพลงสักที บอกที่นายรู้เกี่ยวกับที่แห่งนี้มาให้หมดซะก็สิ้นเรื่อง!”
โจวฮ่าวได้ยินดังนั้นก็ยิ้มเสียงขำลำบากใจ เอ่ยว่า “แม่นางซิง บันทึกที่ตระกูลโจวฉันเก็บไว้ก็มีเพียงไม่กี่ประโยคเท่านั้น ที่ฉันสามารถพูดได้ แท้จริงฉันก็พูดไปเกือบหมดแล้วล่ะ!”
“ส่วนที่ว่าฉันยังรู้อะไรอีก นั่นก็ถือว่ายกยอฉันเกินไปแล้ว”
“สุดหล้าทะเลนี่ คือที่อยู่ของเผ่าสาปฟ้า ตระกูลโจวฉันก็เป็นแค่คนธรรมดาในเผ่ามนุษย์ก็เท่านั้น จะไปเข้าใจรู้ลึกเกี่ยวกับสิ่งใหญ่โตมโหฬารแบบนั้นได้ยังไงกัน”
“แน่นอนว่าฉันก็พอจะรู้เกี่ยวกับคำสาปทางสายเลือดมากกว่านี้จริงๆนั่นแหละ”
“ทว่าเรื่องนี้ ยังไงฉันก็ไม่มีทางจะพูดตอนนี้แน่ ๆ”
“ฉันคิดว่าแม่นางซิงเองก็น่าจะเข้าใจได้สิถึงจะถูก”
แม้ว่าคำพูดของเขาจะกล่าวกับซิงเฟย แต่จริงๆแล้วกลับพูดให้หลินหยุนฟังต่างหาก
ความหมายก็ชัดเจนมากๆ
อย่าได้มีเจตนาอื่นเชียวนะ
ฉันรู้เกี่ยวกับความลับบางอย่างของคำสาปทางสายเลือด
หากกำจัดฉันทิ้งงั้นความลับก็จะไม่มีอีกต่อไป!
หลินหยุนทำเป็นเหมือนไม่ได้ยิน
เมื่อมาถึงยอดเขาหนึ่ง พวกเขาก็กวาดตามองไปโดยรอบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...