จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 1340

สรุปบท บทที่ 1340 ประหลาด: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

บทที่ 1340 ประหลาด – ตอนที่ต้องอ่านของ จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

ตอนนี้ของ จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายใช้ชีวิตทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1340 ประหลาด จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

หลินหยุนพยักหน้า ก่อนจะเหาะเหินเดินอากาศไปต่อ

โจวฮ่าวและซิงเฟยเองก็รีบตามหลังไป

ในขณะที่พวกเขาเพิ่งจากไปได้ไม่นาน

ก็ตามมาด้วยการมาเยือนของสำนักหยุนเยว่

และเรื่องที่หลินหยุนถูกคนของสำนักหยุนเยว่พาเข้ามาก็แพร่สะพัด

กลิ่นอายที่ผิดแปลกบางอย่าง ก็เริ่มค่อยๆกระจายออกไปทีละนิด

ทว่า คนของสำนักเต๋าเฉินเซียว ก็ไม่ได้ไปซักถามเรื่องของหลินหยุนกับสำนักหยุนเยว่

ในขณะที่คนไม่น้อยต่างนึกว่าเรื่องนี้อาจได้รับคำอธิบายอะไรบางอย่างก็เป็นได้ เมื่อเวลาผ่านไป งานประลองยุทธเก้าสำนักเองก็ใกล้เข้ามาขึ้นเรื่อย ๆ

เรื่องนี้ก็ไม่มีใครพูดถึงอีก

สองวันผ่านไป คนของสำนักเทียนหยุนเองก็มาถึงแล้ว

ถ้าจะพูดให้ถูก คือรองเจ้าสำนักมาถึงแล้ว

ส่วนหวงฉาวที่ถูกเล่าลือกันว่าจะไม่เข้าร่วมงานประลองในครั้งนี้ก็ปรากฏตัวขึ้น

หวงฉาวคือสุดยอดอัจฉริยะไร้เทียมทานที่ปรากฏตัวขึ้นคนแรก

การมาเยือนของเขา พลันทำให้บรรยากาศในงานยิ่งตื่นเต้นเร้าใจมากยิ่งขึ้น

แต่นอกจากหวงฉาว

พวกบุตรอริยสัจแห่งสำนักอริยสัจ หรือบุตรธยานะแห่งสำนักธยานะที่พ้นโลกแล้วก็ยังไม่มีใครปรากฏตัว

ส่วนเหล่าสำนักผู้กุมอำนาจใหญ่

สิบแปดสำนักเต๋าก็มาถึงกันพร้อมหน้าแล้ว

ขณะที่ใกล้งานประลองยุทธเก้าสำนักไม่ถึงสิบวัน คนที่ควรจะมาเยือนก็มาถึงกันหมดแล้ว

ก่อนที่งานประลองจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ

ก็ต้องประกอบพิธีบวงสรวงที่ยิ่งใหญ่ตามธรรมเนียมโบราณ

ทว่า

แม้ว่าเรื่องของหลินหยุน สำนักเต๋าเฉินเซียวจะมีท่าทีนิ่งเฉย

แต่กลับดึงดูดความสนใจของสำนักเทียนหยุน

หลังจากที่ผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสคนอื่นๆกลับมาถึง ก็พลันส่งคนไปจับตาดูสำนักหยุนเยว่

แน่นอนว่าการกระทำตุกติกเหล่านี้ย่อมไม่อาจพลาดสายตาสำนักหยุนเยว่ไปได้

สองเยว่เองก็ไม่ได้ใส่ใจนัก ปล่อยให้คนของสำนักเทียนหยุนจับตาดูต่อไป

ส่วนพวกหลินหยุนเองก็ไม่มีทางรับรู้เรื่องราวเหล่านี้

พวกเขาเข้าไปยังสุดหล้าทะเลแล้ว

ในสุดหล้าทะเลแห่งนี้นั้นเขียวชอุ่ม ชี่ทิพย์นั้นเข้มข้นเป็นอย่างมาก

ดูไม่เหมือนดินแดนต้องห้ามเลยแม้แต่น้อย กลับกันเหมือนดินแดนศักด์สิทธิ์เสียมากกว่า

และยังเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่สูงส่งมากด้วย

อย่างน้อยในโลกคุนชาง ที่แบบนี้ก็คงจะมีน้อยและหายากมาก ประหนึ่งขนนกฟีนิกซ์และเขากิเลน

หลินหยุนเองก็คาดไม่ถึงเล็กน้อย

นี่คือดินแดนต้องห้ามงั้นหรือ?

ไม่มีสภาพของดินแดนต้องห้ามเลยแม้แต่น้อย

โจวฮ่าวเองก็มองความเคลือบแคลงของหลินหยุนออก

จึงเอ่ยปากเสียงเบาว่า “เผ่าสาปฟ้าในตอนนั้น แม้ว่าจะมีจำนวนคนน้อย แต่ตำแหน่งกลับสูงมาก อีกทั้งยังมีอำนาจใหญ่อยู่ในมือ ที่ตั้งของเผ่าพันธุ์แบบนี้ ก็ย่อมต้องไม่มีทางแย่อยู่แล้ว”

“แต่พี่หลินเองก็อย่าได้ดูเบาความอันตรายของที่แห่งนี้เชียว”

“จากคำร่ำลือเพียงไม่กี่ประโยคที่ถูกเล่าขานกันมาของตระกูลโจวฉัน ที่แห่งนี้นับว่ามีแต่ภยันตรายเต็มไปหมด”

“ฉะนั้นเราจึงควรต้องระมัดระวังกันอย่างดีที่สุด”

หลินหยุนพยักหน้า ไม่พูดอะไร ส่วนซิงเฟยที่อยู่อีกข้างกลับปริปากเอ่ยน้ำเสียงไม่สู้ดีว่า “นายเลิกพูดพร่ำทำเพลงสักที บอกที่นายรู้เกี่ยวกับที่แห่งนี้มาให้หมดซะก็สิ้นเรื่อง!”

โจวฮ่าวได้ยินดังนั้นก็ยิ้มเสียงขำลำบากใจ เอ่ยว่า “แม่นางซิง บันทึกที่ตระกูลโจวฉันเก็บไว้ก็มีเพียงไม่กี่ประโยคเท่านั้น ที่ฉันสามารถพูดได้ แท้จริงฉันก็พูดไปเกือบหมดแล้วล่ะ!”

“ส่วนที่ว่าฉันยังรู้อะไรอีก นั่นก็ถือว่ายกยอฉันเกินไปแล้ว”

“สุดหล้าทะเลนี่ คือที่อยู่ของเผ่าสาปฟ้า ตระกูลโจวฉันก็เป็นแค่คนธรรมดาในเผ่ามนุษย์ก็เท่านั้น จะไปเข้าใจรู้ลึกเกี่ยวกับสิ่งใหญ่โตมโหฬารแบบนั้นได้ยังไงกัน”

“แน่นอนว่าฉันก็พอจะรู้เกี่ยวกับคำสาปทางสายเลือดมากกว่านี้จริงๆนั่นแหละ”

“ทว่าเรื่องนี้ ยังไงฉันก็ไม่มีทางจะพูดตอนนี้แน่ ๆ”

“ฉันคิดว่าแม่นางซิงเองก็น่าจะเข้าใจได้สิถึงจะถูก”

แม้ว่าคำพูดของเขาจะกล่าวกับซิงเฟย แต่จริงๆแล้วกลับพูดให้หลินหยุนฟังต่างหาก

ความหมายก็ชัดเจนมากๆ

อย่าได้มีเจตนาอื่นเชียวนะ

ฉันรู้เกี่ยวกับความลับบางอย่างของคำสาปทางสายเลือด

หากกำจัดฉันทิ้งงั้นความลับก็จะไม่มีอีกต่อไป!

หลินหยุนทำเป็นเหมือนไม่ได้ยิน

เมื่อมาถึงยอดเขาหนึ่ง พวกเขาก็กวาดตามองไปโดยรอบ

ทว่าหลินหยุนก็ไม่ได้แปลกใจมากนัก

ที่แบบนี้ จะเกิดสถานการณ์อะไรขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย

ทั้งสามคนมุ่งหน้าเดินไปอย่างเชื่องช้า

ครึ่งวันผ่านไป พวกเขาก็ผ่านปากถ้ำหนึ่ง

ทันใดนั้น

จู่ ๆก็มีกลิ่นอายแกร่งกล้าบางอย่างแพร่กระจายเข้ามา

สีหน้าทั้งสามเปลี่ยนไปในทันที

โจวฮ่าวเอ่ยขึ้นมาทันควันว่า “แย่แล้ว! มีศัตรู!”

ต้องให้ถึงคราวเขาพูดสักที่ไหน

วินาทีที่กลิ่นอายนั่นเริ่มแพร่กระจายเข้ามา หลินหยุนก็พลันรับรู้แล้ว

จากนั้นเงาร่างสีดำผอมแห้งร่างหนึ่งก็ปรากฏออกมา

เงาสีดำนั่นไม่สูง ผอมเล็กมาก

สวมชุดคลุมยาวสีดำทั้งตัว และหมวกสานสีดำใบหนึ่ง

ใบหน้าถูกปิดบังด้วยผ้าโปร่งสีดำ ในมือกุมดาบกระดูกเล่มยาว

บนกระดูกนั่น ล้อมรอบไปด้วยแสงสีดำ

กลิ่นอายที่ฉกาจและประหลาดถึงที่สุดถูกแผ่ออกมาจากตัวอีกฝ่าย

เห็นการปรากฏตัวของเงาดำ

โจวฮ่าวก็พลันอดรู้สึกเสียวสันหลังวาบไม่ได้ พลางเบิกตาโพลงเอ่ยว่า “นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน? ที่นี่จะมีผู้พิทักษ์คอยคุ้มกันอยู่ได้ยังไง?”

การแต่งกายสีดำ และอาวุธดาบนั่น

แตกต่างจากผู้บำเพ็ญเซียนแห่งโลกคุนชางในตอนนี้โดยสิ้นเชิง

แม้กระทั่งกลิ่นอายเองก็ยังให้ความรู้สึกโบราณและคร่ำครึที่ผ่านพ้นกาลเวลามานาน

โจวฮ่าวพูดเสร็จ ก็พลันหลบไปอยู่ด้านหลังหลินหยุนอย่างฉับพลัน แล้วเอ่ยเสียงเบากับหลินหยุนว่า “พี่หลิน คนคนนี้ ไม่ธรรมดา ฉันรู้สึกว่ากลิ่นอายบนตัวเขาประหลาดมาก พี่หลิน พี่ต้องระวังหน่อยนะ”

หลินหยุนมองไปยังเงาสีดำ

ก็เหมือนที่โจวฮ่าวพูด

เขาเองก็รู้สึกไม่ชอบมาพากลเล็กน้อย

ชะงักครู่หนึ่ง หลินหยุนก็เอ่ยว่า “พวกนายถอยไปก่อน”

โจวฮ่าวกับซิงเฟยได้ยินดังนั้น ก็หันมาสบตากัน ก่อนจะถอยหลังไปยังตรงปากถ้ำ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์