ต่อสู้กันอย่างดุเดือด!
โดยที่ไม่มีสำนักใหญ่เข้าร่วมการต่อสู้ที่ดุเดือดนี้
ใครต่างก็ไม่ใช่คนโง่เขลา
แม้แต่สำนักอริยสัจยังสละสิทธิ์แล้ว สำนักใหญ่อื่น ๆ ก็คงจะไม่คิดว่าตนเองนั้นแข็งแกร่งเหนือกว่าสำนักอริยสัจอย่างแน่นอน! จึงรอคอยอยู่ก่อน
รอให้พวกคนเหล่านี้แย่งชิงกันสักระยะ เมื่อพวกยอดฝีมือเสียชีวิตลงไปอีกจำนวนหนึ่งแล้ว พวกเขาจึงค่อยลงมือ แบบนั้นคงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
แต่คนอื่นก็ไม่ใช่คนโง่เขลาเหมือนกัน
ทุกคนที่แย่งชิงนั้น ต่างก็เริ่มหลบหนีออกไปจากสุดหล้าทะเลกันอย่างบ้าคลั่งแล้ว
เพียงพริบตาเดียว ก็ออกไปอยู่ที่บริเวณด้านข้างของสุดหล้าทะเลกันแล้ว
และในเวลานี้ ผู้บำเพ็ญเซียนของสำนักใหญ่เหล่านั้นก็ได้ติดตามไป พวกเขาไม่ยอมสละสิทธิ์อย่างแน่นอน เพราะไม่ง่ายเลยที่สำนักอริยสัจจะประกาศไม่เข้าร่วมแย่งชิง นี่คือโอกาสที่ดีที่สุดของพวกเขา
อีกฝั่งหนึ่ง คนของสำนักเทียนหยุนก็มาถึงที่ด้านข้างของเจ้าสำนักแล้ว
เห็นสถานการณ์แบบนี้แล้ว รองเจ้าสำนักก็รีบพูดขึ้นว่า “เจ้าสำนัก เรื่องของหลินชางฉองนั้น พวกเราจะยอมปล่อยไปอย่างนั้นเหรอ? ”
เจ้าสำนักเทียนหยุนได้ยินดังนั้น ก็ครุ่นคิดสักครู่และพูดขึ้นว่า “ไม่มีทางปล่อยไปแน่ เรื่องสังหารหลินชางฉองนั้นสำคัญอย่างมาก แต่ก็ไม่สำคัญเท่ากับการถือกำเนิดขึ้นของสมบัติล้ำค่าสูงสุดนี้ ซึ่งหลินชางฉองนั้นจะไปสังหารเขาเมื่อไรก็ได้ แต่โอกาสการแย่งชิงสมบัติล้ำค่าสูงสุดไม่ใช่ว่าจะมีอยู่ทุกเมื่อ! ”
หลายคนของสำนักเทียนหยุนต่างก็พยักหน้า
เป็นเช่นนั้นจริง ๆ
อีกทั้งยังอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่สำนักอริยสัจประกาศไม่เข้าร่วมแย่งชิงด้วยแล้ว
โอกาสของพวกเขาก็ถือว่ามีมากขึ้นเลยทีเดียว
ทางฝ่ายสำนักอริยสัจในตอนนี้ เจ้าสำนักอริยสัจนำโอสถออกมาสองเม็ด แบ่งให้กับเสิ่นฉงและเฉินฉางเฟิงกินเข้าไป โดยสีหน้าของทั้งสองคนหลังจากที่กินโอสถเข้าไปแล้ว ก็ฟื้นตัวดีขึ้นไม่น้อย
แต่หากต้องการให้อาการบาดเจ็บฟื้นฟูกลับมานั้น คงจะไม่รวดเร็วขนาดนี้แน่นอน
เห็นสำนักใหญ่อย่างสำนักเทียนหยุนไม่ได้เคลื่อนไหวลงมืออะไร เสิ่นฉงก็สูดหายใจลึก และพูดขึ้นว่า “ศิษย์พี่ การที่สละสิทธิ์เข้าร่วมแย่งชิงนั้น เป็นการตัดสินใจที่ลวก ๆ ไปหรือไม่? ”
เจ้าสำนักอริยสัจพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไร ไปกันเถอะ พวกเราออกไปจากที่นี่กันก่อน! ”
เสิ่นฉงได้ยินดังนั้น ก็พูดคร่ำครวญขึ้นว่า “ไม่ได้! ในเมื่อพวกเราสละสิทธิ์ที่จะแย่งชิงสมบัติล้ำค่านี้แล้ว ก็จะต้องสังหารหลินชางฉองให้ได้ โดยฉันคิดไปถึงขนาดที่ว่า สมบัติล้ำค่าชิ้นนี้เป็นสิ่งที่หลินชางฉองทำขึ้นเพื่อสร้างความวุ่นวาย! ”
ได้ยินเธอพูดขึ้นแบบนั้น เจ้าสำนักอริยสัจถึงกับเคลื่อนสายตาไปมา และพูดว่า “ทำไมถึงได้คาดการณ์แบบนี้ล่ะ? ”
เสิ่นฉงพูดว่า “ยอดฝีมืออย่างพวกเราจำนวนมากมาตระเวนสำรวจร่องรอยของเขา หากเขาไม่สร้างสถานการณ์ความวุ่นวายขึ้นมาบ้าง แล้วจะสามารถหลบหนีเอาตัวรอดไปได้อย่างไรล่ะ? ”
สำหรับเธอแล้วมองว่า นี่เป็นเรื่องที่เห็นกันได้อย่างชัดเจน
เจ้าสำนักอริยสัจไม่ได้พูดอะไร สงบนิ่งไปชั่วครู่ และพูดขึ้นว่า “ช่างเถอะ ครั้งนี้ น่าจะมีโอกาสไม่มากแล้ว ยังไงก็รอให้เธอกลับไปพักฟื้นรักษาอาการบาดเจ็บให้หายดีเสียก่อน แล้วค่อยมาคิดวางแผนกันใหม่อีกครั้ง! ”
เสิ่นฉงไม่ค่อยพึงพอใจ แต่ก็ย้อนคิดถึงการต่อสู้อันชุลมุนก่อนหน้านี้
เกรงว่าหลินชางฉองนั้นคงจะไม่แอบซ่อนตัวอยู่อีก โดยได้เข้าร่วมศึกแย่งชิงสมบัติล้ำค่านี้แล้วด้วย
อย่างนั้นก็คงไม่มีทางที่จะปรากฏตัวขึ้นมาอีกแล้ว
ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้หลินหยุนอยู่ที่ไหนล่ะ?
เขาไม่ได้เคลื่อนย้ายไปไหน
ยังคงอยู่ในวิมาน กำลังปรับสภาพความมั่นคงของพลังบำเพ็ญขั้นยาทองระดับหกของตนที่เพิ่งบรรลุขึ้นชั้นสำเร็จ
ตราประทับสีฟ้านั้น ก็เป็นของเขาจริง ๆ
เขานำแผ่นทองเกล็ดมังกรออกมา ผสมรวมเข้ากับน้ำรวมสารไม้วิญญาณที่เหลือจากการหลอมยาทองให้กับซินเฟย แล้วหล่อหลอมจนกลายเป็นตราประทับสีฟ้าขึ้น
ซึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าสูงสุดอย่างแน่นอน
มีเพียงสมบัติล้ำค่าแบบนี้ จึงจะสามารถดึงดูดให้ทุกคนแย่งชิงกันอย่างดุเดือด และสร้างโอกาสให้กับตัวเขาเอง
อีกทั้งในช่วงงานประลองยุทธเก้าสำนัก เขาได้บุกเบิกสร้างวิมานปลอมเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...