จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 1379

สรุปบท บทที่ 1379 ออกมาจากสุดหล้าทะเล: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

บทที่ 1379 ออกมาจากสุดหล้าทะเล – ตอนที่ต้องอ่านของ จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

ตอนนี้ของ จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายใช้ชีวิตทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1379 ออกมาจากสุดหล้าทะเล จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

“โอ้วพระเจ้า นั่นคือไอ้แก่ตุ้นโคงนั่นเอง! ”

“เป็นไปได้อย่างไรกัน? ”

“คนผู้นี้ไม่ใช่ว่าเสียชีวิตไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้วไม่ใช่เหรอ? ”

“จะเป็นเขาไปได้อย่างไรกัน? ”

“ใช่เขาอย่างแน่นอน! ”

“ไม่อย่างนั้นคงจะไม่มีใครที่มีความรวดเร็วขนาดนี้อีกแล้ว! ”

ผู้บำเพ็ญเซียนชุดดำที่มีรูปร่างอ้วนเตี้ยผู้นี้มีความรวดเร็วมากจริง ๆ เลย รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ

เห็นชัดว่ามีพลังบำเพ็ญเพียงแค่ขั้นยาทองระดับแปดเท่านั้น แต่พลังบำเพ็ญของคนผู้นี้เมื่อเทียบกับยอดฝีมือขั้นยาทองระดับเก้าแล้ว ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันแม้แต่น้อยเลย

หลังจากที่ตื่นตะลึงกันสักพักแล้ว ก็มีผู้ที่ออกมายืนยันสถานะของฝ่ายตรงข้ามนั้น

ตุ้นโคง!

เมื่ออดีตในจำนวนสิบแปดสำนักเต๋าของโลกคุนชางนั้น มีสำนักหนึ่งที่ชื่อว่าสำนักตุ้นโคง

สำนักแห่งนี้ มีชื่อเสียงที่ชั่วร้ายเสื่อมเสียเป็นอย่างมาก มีแต่พวกโจรพเนจรสาวโดยเฉพาะ

โดยทั่วไป เมื่อเอ่ยถึงโจรพเนจรสาว มักจะนำมาใช้พูดถึงผู้ชายเท่านั้น แต่สำนักตุ้นโคงผิดแปลกไป เพราะภายในสำนักแห่งนี้มีผู้บำเพ็ญเซียนหญิงอยู่จำนวนไม่น้อย

ซึ่งผู้บำเพ็ญเซียนหญิงเหล่านี้ ก็เหมือนกับผู้บำเพ็ญเซียนชาย ที่ชื่นชอบพเนจรสาว

นอกจากพเนจรสาวแล้ว ก็คือลักขโมย

กระทำเรื่องชั่วร้ายมามากมายนับไม่ถ้วน สรุปได้ว่า สำนักแห่งนี้ในโลกคุนชางนั้น มีชื่อเสียงโด่งดังมาเป็นร้อยกว่าปี แต่แทบจะกลายเป็นสำนักที่ทุกคนต่างก็พากันรังเกียจ

แต่ว่า ก็ยังไม่มีผู้ใดที่จะจัดการกับพวกเขาได้!

เพราะว่าสำนักตุ้นโคงนี้ บำเพ็ญฝึกฝนวิชาที่แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก

เชี่ยวชาญการหลบหนีอย่างที่สุด

ซึ่งก็เหมือนกับชื่อสำนักของพวกเขา โดยอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ที่สืบทอดของสำนักพวกเขานั้น หากว่าเผชิญหน้าต่อสู้กับคู่ต่อสู้ในระดับเดียวกัน ก็จะไม่มีความได้เปรียบอะไรเลยแม้แต่น้อย

แต่ว่า วิชาหนีของพวกเขานั้น กลับไม่มีผู้ใดที่สามารถกระทำได้เหนือกว่า

ตัวอย่างเช่นลูกศิษย์ขั้นยาทองระดับห้าของสำนักตุ้นโคงคนหนึ่ง เผชิญหน้ากับยอดฝีมือขั้นยาทองระดับเจ็ด เพียงแค่เขาคิดที่จะหลบหนีอย่างสุดชีวิต ถึงจะต่อให้มีระยะขั้นแดนที่ห่างกันสองระดับ เขาก็ยังสามารถที่จะหลบหนีไปได้

นี่จึงทำให้สำนักตุ้นโคงที่แม้จะเป็นเพียงสำนักหนึ่งในสิบแปดสำนักเต๋า แต่ระดับความกำเริบเสิบสานของพวกเขานั้น กลับไม่ได้น้อยไปกว่าเก้าสำนักใหญ่เลย

แต่ความกำเริบเสิบสานขนาดนี้ในที่สุดก็ได้รับผลกรรมตามสนอง

ยี่สิบปีก่อน ลูกศิษย์อัจฉริยะคนหนึ่งของสำนักตุ้นโคง ในที่สุดก็ได้ก่อปัญหาความยุ่งยากครั้งใหญ่ขึ้น

โดยได้นำตัวลูกสาวของเจ้าสำนักเต๋าเฉินเซียวมา แล้วบีบบังคับขืนใจ คราวนี้ทำให้สำนักเต๋าเฉินเซียวโกรธแค้นอย่างถึงขีดสุด

ยอดฝีมือภายในสำนักออกโรงทั้งหมด อีกทั้งยังได้เชิญยอดฝีมือของสำนักอริยสัจ รวมถึงสำนักฉีซาน สำนักเทียนหยุน และสำนักหยุนเยว่ โดยใช้แท่นค่ายกลสี่พิทักษ์ฉีซาน ปิดกั้นชั้นฟ้าชั้นดินทั้งหมด เพื่อกักขังตัวผู้บำเพ็ญเซียนทุกคนของสำนักตุ้นโคงเอาไว้ด้านใน และลงมือทำการสังหารกวาดล้างอย่างสิ้นซาก

ยอดฝีมือทั้งหมดของสำนักตุ้นโคงนั้น ที่จริงแล้วมีพลังการต่อสู้ที่ไม่แข็งแกร่งมากนัก

ภายใต้สถานการณ์ที่ถูกกักขังด้วยแท่นค่ายกลสี่พิทักษ์ฉีซานนั้น ก็เท่ากับว่ากลายเป็นเต่าที่อยู่ในไหแล้ว

แม้ว่าจะมีความสามารถในการหลบหนีที่ยอดเยี่ยมเพียงใด ก็ไม่มีทางที่จะแสดงออกมาได้

ท้ายที่สุดผู้คนในสำนักนับร้อยคน ต่างก็ถูกสังหารจนหมดสิ้น

แต่ก็หลงเหลือหลุดรอดออกมาได้เพียงหนึ่งคน

ลูกศิษย์อัจฉริยะคนนั้น ชื่อว่าฉิงโคง ตอนนั้นไม่ได้อยู่ภายในสำนัก

เมื่อเขากลับมาถึง สำนักตุ้นโคงได้ถูกสังหารกวาดล้างลงอย่างสิ้นซากแล้ว และเขาก็ถูกยอดฝีมือของลำนักใหญ่หลายแห่งพบเจอตัวจนได้

หลายสำนักใหญ่ไล่ล่าเพื่อที่จะเอาชีวิตเขา

ขณะที่ฉิงโคงกำลังหลบหนีอยู่นั้น ได้ให้คำมั่นสัญญาอย่างหนักแน่นว่า จะต้องแก้แค้นให้กับสำนักให้ได้

และยังได้เปลี่ยนชื่อของตนเองจากเดิมที่ชื่อว่าฉิงโคงกลายเป็นตุ้นโคง

โดยกระทำเช่นนี้ก็เพื่อแสดงความนับถือและเป็นการระลึกถึงสำนักของตนเอง

หลินหยุนเองก็รับรู้แล้ว แม้พลังดวงจิตของเขาจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับเจียซิน แต่ก็ได้เตรียมการเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว

สำหรับสถานการณ์ทั้งหมดในสุดหล้าทะเลนั้น ล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาทั้งหมด

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไรแล้ว ในที่สุดเขาก็ค่อย ๆ ลืมตาทั้งสองข้างขึ้น

พลังบำเพ็ญขั้นยาทองระดับหก มั่นคงอย่างสมบูรณ์แล้ว

ซินเฟยเห็นเขาเสร็จสิ้นการบำเพ็ญฝึกฝนแล้ว ก็รีบลุกยืนขึ้นและพูดว่า “ด้านนอกไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรแล้ว เหมือนทุกคนได้จากไปกันหมดแล้ว แต่พวกเราจะออกไปจากที่นี่ในตอนนี้เลยหรือไม่? ฉันมองว่ายังไม่สมควร รอไปอีกสักพักก่อน เผื่อว่าถ้าหากด้านนอกยังมีคนที่แอบซุ่มอยู่แล้วล่ะก็......”

หลินหยุนส่ายศีรษะเล็กน้อย และพูดว่า “ไม่เป็นไรแล้ว พวกเราไปกันเถอะ ไปที่สำนักหยุนเยว่! ”

ซินเฟยได้ยินดังนั้น อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว และพูดว่า “จะไปที่สำนักหยุนเยว่ทำไมอีกล่ะ? ทำไมจะต้องไปเสนอหน้าทำดีกับพวกคนเหล่านั้นที่ไม่ยินดีต้อนรับด้วย! ”

ครั้งก่อนที่ไปสำนักหยุนเยว่ พฤติกรรมท่าทางของสองเยว่และคนอื่น ๆ นั้น ซินเฟยไม่ค่อยจะพึงพอใจสักเท่าไร

โดยเฉพาะสี่เยว่นั้น ที่ยิ่งหนักหนาเข้าไปอีก

หลินหยุนพูดขึ้นว่า “จะนำสิ่งของที่เป็นของฉันกลับคืน! ไปกันเถอะ! ”

พร้อมกับคว้าตัวของซินเฟย แล้วทั้งสองคนก็ออกไปจากวิมาน

ค่อย ๆ ย่ำขึ้นไปในอากาศ มุ่งหน้าไปทางบริเวณด้านนอกของสุดหล้าทะเล

แต่ว่าในขณะที่ทั้งสองคนกำลังเดินทางจากไปนั้น ในสถานที่ลึกลับแห่งหนึ่ง มีดวงตาหลายคู่ได้มองเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว......

กลางอากาศ หลินหยุนกำลังพาซินเฟยเหาะเหินอยู่ เจียซินที่อยู่ภายในหลิงไถก็พูดขึ้นว่า “มีบางคนที่หลบซ่อนตัวอยู่ในที่ลับ จะต้องจัดการถึงจะเป็นการดีที่สุด ไม่อย่างนั้นร่องรอยของนายจะถูกเปิดเผยขึ้นในไม่ช้านี้”

หลินหยุนตกใจ แต่ก็ไม่ถึงกับแปลกใจมากนัก ส่ายศีรษะเล็กน้อย และพูดว่า “ไม่จำเป็นหรอก ในเมื่อพวกเขาต้องการที่จะติดตาม อย่างนั้นก็ปล่อยให้พวกเขาติดตามมาก็แล้วกัน! ”

ตอนแรกที่เขาเข้ามาสู่สุดหล้าทะเลนั้น เรียกได้ว่ามองเห็นกันทุกคน

แต่เพียงแค่ว่าในตอนนั้น ไม่มีใครกล้าที่จะมาหาเรื่องเขาเท่านั้นเอง

ที่จริงแล้วพวกที่คิดจะสังหารเขานั้น ต่างก็รับรู้อย่างชัดเจนว่าระหว่างเขากับสำนักหยุนเยว่นั้น จะต้องมีความสัมพันธ์กันอย่างแน่นอน

ในเมื่อรับรู้แล้ว ก็ไม่จำเป็นจะต้องปกปิดอีกต่อไป

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์