จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 1411

สรุปบท บทที่ 1411 จู่ซือของเธอคือคู่ฝึกฝนของฉัน: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

อ่านสรุป บทที่ 1411 จู่ซือของเธอคือคู่ฝึกฝนของฉัน จาก จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่

บทที่ บทที่ 1411 จู่ซือของเธอคือคู่ฝึกฝนของฉัน คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายใช้ชีวิต จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย จูผาซู่ อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

คำพูดของหลินหยุนทำให้สองเยว่และคนอื่น ๆ ตกใจตื่นตะลึงกันขึ้นอีกครั้ง!

ฉินเหมยที่อยู่ด้านข้างได้สูดหายใจ และพูดขึ้นว่า “เสี่ยวหยุน สำนักหยุนเยว่ได้ก่อตั้งขึ้นมาเป็นเวลายาวนานแล้ว แต่นายกลับมาพูดว่าจู่ซือผู้ก่อตั้งในอดีตนั้น ได้ก่อตั้งสถานที่แห่งนี้ขึ้นเพื่อรอคอยนาย นี่......นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ”

“แม้ว่าจู่ซือในอดีตจะมีพลังบำเพ็ญถึงขั้นแดนจิตปฐม แต่ก็คงไม่สามารถรับรู้ได้อย่างแน่นอนว่า หลังจากผ่านไปนานหลายปี จะมีนายถือกำเนิดขึ้น และยังจะมาที่สำนักหยุนเยว่ด้วย? ”

หลินหยุนหัวเราะเบา ๆ อีกครั้ง จากนั้น ก็ได้ถอนหายใจยาวด้วยความปลดปลง พร้อมกับพูดขึ้นว่า “คำถามนี้ พวกคุณไม่จำเป็นต้องรู้หรอก สรุปว่า เรื่องทั้งหมดก็เป็นเช่นนี้”

“น้าฉิน คุณลองมองดูชื่อของหอนี้ที่อยู่ทางด้านหลังดูสิ”

ทุกคนต่างก็หันหลัง มองไปยังหอว่างหยุน โดยที่ทุกสายตาได้จับจ้องไปที่ตัวอักษรสามคำที่เป็นชื่อของหอว่างหยุน

ฉินเหมยพูดขึ้นว่า “หอว่างหยุน......ชื่อของนาย......ก็คือหยุน......”

ทุกคนต่างก็เบิกตาโพลง ซิงเฟยที่อยู่ด้านข้างจับชายเสื้อของตัวเองแน่น โดยที่ไม่ได้พูดอะไร แต่ตอนนี้ก็อดไม่ได้ที่จะกัดฟันพูดขึ้นว่า “ความสัมพันธ์ของนายกับจู่ซือผู้ก่อตั้งท่านนี้คือ......”

หลินหยุนมองไปที่ซิงเฟย และพูดว่า “หล่อนคือคู่ฝึกฝนของฉัน! ”

เรื่องราวมาถึงตรงนี้แล้ว

ก็คงไม่มีอะไรที่จะพูดไม่ได้อีกแล้ว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับซิงเฟย

สำหรับเรื่องการมีชีวิตอยู่ของเย่เยว่ เขาจำเป็นที่จะต้องพูดออกมา

ตลอดช่วงการเดินทางนี้ เขารู้สึกได้ว่าซิงเฟยนั้น มีมิตรภาพความสัมพันธ์ที่ดีกับตนเองอย่างมาก ดังนั้น ยิ่งไม่ควรที่จะปกปิด

แต่ความรู้สึกของหลินหยุนต่อซิงเฟยนั้น......เขายังคงมีสภาพจิตใจความรู้สึกที่ขัดแย้ง ดังนั้นจึงได้รักษาระยะห่างมาโดยตลอด

ทั้งสองคนต่างก็ไม่พูดถึงเรื่องของความรู้สึกอะไรกันเลย

เขาไม่พูด เพราะไม่อยากที่จะพูด แต่ซิงเฟยเองก็ไม่เคยพูดเช่นกัน

ซิงเฟยได้ยินที่หลินหยุนพูด ไม่เพียงแต่จะไม่โมโห กลับยังยิ้มหัวเราะขึ้นอีก และมองไปที่หลินหยุนแล้วพูดขึ้นว่า “หลินหยุน หลินชางฉอง นายกำลังแต่งเรื่องอยู่ใช่ไหม? ”

“จู่ซือของสำนักหยุนเยว่นั้น คือผู้เก่งกาจมีความสามารถขั้นจิตปฐมในโบราณกาล! ”

“นายกลับพูดว่า ผู้เก่งกาจมีความสามารถเมื่อในอดีตที่ผ่านมานั้น เป็นคู่ฝึกฝนของนาย? ”

“แม้ว่านายจะแต่งเรื่องโกหกขึ้น ก็ต้องให้มันสอดคล้องกับตรรกะหน่อยไหมล่ะ? ”

“ปีนี้นายอายุเท่าไร? ”

“นายโตเต็มวัยแล้วหรือยัง? ”

หลินหยุนยิ้มอย่างขมขื่น ซึ่งสามารถเข้าใจได้ เพราะเรื่องนี้มันน่าเหลือเชื่อมากเกินไปหน่อย!

ผู้ใดได้ฟังแล้วก็คงยากที่จะเชื่อ!

บางทีสองเยว่กับพวกคนอื่น ๆ อาจจะยอมรับได้ง่ายกว่าทางซิงเฟยเสียอีก เพราะว่า สำนักหยุนเยว่มีการสืบทอดอย่างแท้จริง!

ถ้าหากเรื่องที่หลินหยุนพูดนั้นไม่เป็นความจริง อย่างนั้นก็คงจะอธิบายไม่ได้ว่าทำไมคัมภีร์ลับโบราณที่หลงเหลืออยู่ในสำนักของพวกเธอนั้นถึงได้น่าแปลกยิ่งนัก!

รอคอยเจ้าพระคุณท่านหนึ่งมาถึง!

โดยที่เจ้าพระคุณท่านนี้ ยังจะใช้พลังวิชาของสำนักพวกเธอเป็นด้วย สำหรับค่ายกลของสำนักนั้น ก็ล้วนมีความรู้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้!

นี่ก็แสดงให้เห็นว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ คัมภีร์ลับโบราณของสำนักที่สืบทอดต่อกันมานั้น ไม่ใช่ของปลอมอย่างนั้นใช่ไหม!

หลินหยุนส่ายศีรษะไปมาอย่างจำใจ และพูดขึ้นว่า “พอเถอะ เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องพูดอีกแล้ว บางทีวันหนึ่งในอนาคต เมื่อเธอได้พบเจอกับหล่อน ก็จะเชื่อไปเอง! ”

“อะไรนะ? ”

“เจ้าพระคุณ ท่านพูดว่า......จู่ซือยังมีชีวิตอยู่อย่างนั้นเหรอ? ”

หลินหยุนมองไปที่สองเยว่ และพูดขึ้นว่า “แน่นอน หล่อนยังมีชีวิตอยู่ แต่ว่าตอนนี้สถานการณ์ทั่วไปยังไม่ค่อยดีนัก เกรงว่าจะประสบกับอันตรายที่รุนแรง! ดังนั้นรอให้ฉันจัดการกับสำนักอริยสัจแล้ว ก็คงจะรีบไปหาหล่อนโดยทันที! ”

“ไม่พูดแล้ว ไปกันเถอะ รีบไปจัดวางค่ายกลฮู่ซานกันก่อน! ”

หลินหยุนเหาะเหิน มายังด้านข้างของหุบเขา

เพราะว่าฐานค่ายกลเดิมนั้นได้ถูกถอนออกไปแล้ว เวลานี้ หุบเขาจึงได้เปิดเผยลักษณะที่แท้จริงออกมาโดยสมบูรณ์

หมอกควันขาวเหล่านั้น ได้สูญสิ้นหมดไปตั้งนานแล้ว

สองเยว่อยู่ด้านหลังของหลินหยุน โดยที่ได้นำวัสดุทั้งหมดออกมา

หลินหยุนพยักหน้า พร้อมกับสังเกตสภาพบริเวณของหุบเขา รวมไปถึงบริเวณโดยรอบของสำนักที่อยู่ด้านหลัง

เมื่อนั้น หลินหยุนจึงได้เริ่มต้นจัดวางค่ายกล

ค่ายกลเดิมนั้น เย่เยว่เป็นคนสร้างขึ้น โดยตั้งชื่อว่าค่ายกลหยุนเยว่ ซึ่งไม่มีพลังความสามารถในการโจมตีมากนัก

แบบนี้ไม่ดีแน่!

หลินหยุนรังเกียจสภาพแบบนี้เป็นอย่างมาก

ได้ชื่อว่าเป็นผู้บำเพ็ญเซียน ในเมื่อเลือกเดินหน้าเข้าสู่เส้นทางการบำเพ็ญฝึกฝนแล้ว ก็จะต้องมีจิตใจที่เข้มแข็ง มุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว ไม่ว่าเรื่องอะไร ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถมาขัดขวางจิตใจที่มุ่งมั่นในการฝึกฝนได้!

มุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ!

ต่อสู้กับฟ้า!

ต่อสู้กับดิน!

ต่อสู้กับคน!

ต่อสู้กับตนเอง!

หากไม่มีศรัทธาความมุ่งมั่นที่เด็ดเดี่ยวอย่างนี้แล้ว ก็ไม่สมควรที่จะเป็นผู้บำเพ็ญเซียน!

การบำเพ็ญฝึกฝนก็คือการทะเยอทะยานที่จะเอาชนะกฎเกณฑ์ทั่วไป!

หากไม่มีศรัทธาความมุ่งมั่นแล้ว ต่อให้นายเป็นถึงผู้เก่งกาจไร้เทียมทาน ต่อให้นายไร้ศัตรูคู่ต่อกร ต่อให้นายเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ เมื่อมาถึงขั้นสุดท้าย ก็ต้องพบกับความพ่ายแพ้อยู่ดี!

สำหรับเรื่องดังกล่าวนี้ หลินหยุนเข้าใจอย่างถ่องแท้!

ค่ายกลหุนหยวนสามชั้นสำหรับสำนักหยุนเยว่นั้น ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว!

หลินหยุนใช้เวลาทั้งสิ้นสองวัน ก็จัดวางค่ายกลเสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์

ด้านบนหุบเขา ภายใต้การขับเคลื่อนของค่ายกลนั้น หมอกควันสีขาวก็กลับมาปรากฏขึ้นอีกครั้ง

แม้ว่าค่ายกลจะมีความแตกต่างกับค่ายกลก่อนหน้านี้ แต่ว่า เมื่อมองจากลักษณะภายนอกแล้ว ก็เหมือนกันกับแต่ก่อนเลย!

ค่ายกลเริ่มต้นขับเคลื่อน พลังที่มองไม่เห็น ก็ได้รวมตัวกันขึ้นบนท้องฟ้าที่อยู่เหนือสำนักในทันที

แม้จะมองไม่เห็น แต่ก็สามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจน

เมื่อรู้สึกได้ถึงพลังของค่ายกล สองเยว่และคนอื่น ๆ ก็ตื่นเต้นดีใจขึ้นทั้งหมด

หลินหยุนถอนหายใจยาว พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ค่ายกลนี้ มีชื่อว่าค่ายกลหุนหยวน หากถูกศัตรูโจมตี ต่อให้เป็นยอดฝีมือยาทองระดับแปด ไม่ว่าจะมีจำนวนมากเท่าไร ก็สามารถต้านทานได้! หากว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นเข้ามาด้านใน ก็จะต้องตายสถานเดียว! ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์