จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 1411

คำพูดของหลินหยุนทำให้สองเยว่และคนอื่น ๆ ตกใจตื่นตะลึงกันขึ้นอีกครั้ง!

ฉินเหมยที่อยู่ด้านข้างได้สูดหายใจ และพูดขึ้นว่า “เสี่ยวหยุน สำนักหยุนเยว่ได้ก่อตั้งขึ้นมาเป็นเวลายาวนานแล้ว แต่นายกลับมาพูดว่าจู่ซือผู้ก่อตั้งในอดีตนั้น ได้ก่อตั้งสถานที่แห่งนี้ขึ้นเพื่อรอคอยนาย นี่......นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ”

“แม้ว่าจู่ซือในอดีตจะมีพลังบำเพ็ญถึงขั้นแดนจิตปฐม แต่ก็คงไม่สามารถรับรู้ได้อย่างแน่นอนว่า หลังจากผ่านไปนานหลายปี จะมีนายถือกำเนิดขึ้น และยังจะมาที่สำนักหยุนเยว่ด้วย? ”

หลินหยุนหัวเราะเบา ๆ อีกครั้ง จากนั้น ก็ได้ถอนหายใจยาวด้วยความปลดปลง พร้อมกับพูดขึ้นว่า “คำถามนี้ พวกคุณไม่จำเป็นต้องรู้หรอก สรุปว่า เรื่องทั้งหมดก็เป็นเช่นนี้”

“น้าฉิน คุณลองมองดูชื่อของหอนี้ที่อยู่ทางด้านหลังดูสิ”

ทุกคนต่างก็หันหลัง มองไปยังหอว่างหยุน โดยที่ทุกสายตาได้จับจ้องไปที่ตัวอักษรสามคำที่เป็นชื่อของหอว่างหยุน

ฉินเหมยพูดขึ้นว่า “หอว่างหยุน......ชื่อของนาย......ก็คือหยุน......”

ทุกคนต่างก็เบิกตาโพลง ซิงเฟยที่อยู่ด้านข้างจับชายเสื้อของตัวเองแน่น โดยที่ไม่ได้พูดอะไร แต่ตอนนี้ก็อดไม่ได้ที่จะกัดฟันพูดขึ้นว่า “ความสัมพันธ์ของนายกับจู่ซือผู้ก่อตั้งท่านนี้คือ......”

หลินหยุนมองไปที่ซิงเฟย และพูดว่า “หล่อนคือคู่ฝึกฝนของฉัน! ”

เรื่องราวมาถึงตรงนี้แล้ว

ก็คงไม่มีอะไรที่จะพูดไม่ได้อีกแล้ว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับซิงเฟย

สำหรับเรื่องการมีชีวิตอยู่ของเย่เยว่ เขาจำเป็นที่จะต้องพูดออกมา

ตลอดช่วงการเดินทางนี้ เขารู้สึกได้ว่าซิงเฟยนั้น มีมิตรภาพความสัมพันธ์ที่ดีกับตนเองอย่างมาก ดังนั้น ยิ่งไม่ควรที่จะปกปิด

แต่ความรู้สึกของหลินหยุนต่อซิงเฟยนั้น......เขายังคงมีสภาพจิตใจความรู้สึกที่ขัดแย้ง ดังนั้นจึงได้รักษาระยะห่างมาโดยตลอด

ทั้งสองคนต่างก็ไม่พูดถึงเรื่องของความรู้สึกอะไรกันเลย

เขาไม่พูด เพราะไม่อยากที่จะพูด แต่ซิงเฟยเองก็ไม่เคยพูดเช่นกัน

ซิงเฟยได้ยินที่หลินหยุนพูด ไม่เพียงแต่จะไม่โมโห กลับยังยิ้มหัวเราะขึ้นอีก และมองไปที่หลินหยุนแล้วพูดขึ้นว่า “หลินหยุน หลินชางฉอง นายกำลังแต่งเรื่องอยู่ใช่ไหม? ”

“จู่ซือของสำนักหยุนเยว่นั้น คือผู้เก่งกาจมีความสามารถขั้นจิตปฐมในโบราณกาล! ”

“นายกลับพูดว่า ผู้เก่งกาจมีความสามารถเมื่อในอดีตที่ผ่านมานั้น เป็นคู่ฝึกฝนของนาย? ”

“แม้ว่านายจะแต่งเรื่องโกหกขึ้น ก็ต้องให้มันสอดคล้องกับตรรกะหน่อยไหมล่ะ? ”

“ปีนี้นายอายุเท่าไร? ”

“นายโตเต็มวัยแล้วหรือยัง? ”

หลินหยุนยิ้มอย่างขมขื่น ซึ่งสามารถเข้าใจได้ เพราะเรื่องนี้มันน่าเหลือเชื่อมากเกินไปหน่อย!

ผู้ใดได้ฟังแล้วก็คงยากที่จะเชื่อ!

บางทีสองเยว่กับพวกคนอื่น ๆ อาจจะยอมรับได้ง่ายกว่าทางซิงเฟยเสียอีก เพราะว่า สำนักหยุนเยว่มีการสืบทอดอย่างแท้จริง!

ถ้าหากเรื่องที่หลินหยุนพูดนั้นไม่เป็นความจริง อย่างนั้นก็คงจะอธิบายไม่ได้ว่าทำไมคัมภีร์ลับโบราณที่หลงเหลืออยู่ในสำนักของพวกเธอนั้นถึงได้น่าแปลกยิ่งนัก!

รอคอยเจ้าพระคุณท่านหนึ่งมาถึง!

โดยที่เจ้าพระคุณท่านนี้ ยังจะใช้พลังวิชาของสำนักพวกเธอเป็นด้วย สำหรับค่ายกลของสำนักนั้น ก็ล้วนมีความรู้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้!

นี่ก็แสดงให้เห็นว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ คัมภีร์ลับโบราณของสำนักที่สืบทอดต่อกันมานั้น ไม่ใช่ของปลอมอย่างนั้นใช่ไหม!

หลินหยุนส่ายศีรษะไปมาอย่างจำใจ และพูดขึ้นว่า “พอเถอะ เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องพูดอีกแล้ว บางทีวันหนึ่งในอนาคต เมื่อเธอได้พบเจอกับหล่อน ก็จะเชื่อไปเอง! ”

“อะไรนะ? ”

“เจ้าพระคุณ ท่านพูดว่า......จู่ซือยังมีชีวิตอยู่อย่างนั้นเหรอ? ”

หลินหยุนมองไปที่สองเยว่ และพูดขึ้นว่า “แน่นอน หล่อนยังมีชีวิตอยู่ แต่ว่าตอนนี้สถานการณ์ทั่วไปยังไม่ค่อยดีนัก เกรงว่าจะประสบกับอันตรายที่รุนแรง! ดังนั้นรอให้ฉันจัดการกับสำนักอริยสัจแล้ว ก็คงจะรีบไปหาหล่อนโดยทันที! ”

“ไม่พูดแล้ว ไปกันเถอะ รีบไปจัดวางค่ายกลฮู่ซานกันก่อน! ”

หลินหยุนเหาะเหิน มายังด้านข้างของหุบเขา

เพราะว่าฐานค่ายกลเดิมนั้นได้ถูกถอนออกไปแล้ว เวลานี้ หุบเขาจึงได้เปิดเผยลักษณะที่แท้จริงออกมาโดยสมบูรณ์

หมอกควันขาวเหล่านั้น ได้สูญสิ้นหมดไปตั้งนานแล้ว

สองเยว่อยู่ด้านหลังของหลินหยุน โดยที่ได้นำวัสดุทั้งหมดออกมา

หลินหยุนพยักหน้า พร้อมกับสังเกตสภาพบริเวณของหุบเขา รวมไปถึงบริเวณโดยรอบของสำนักที่อยู่ด้านหลัง

เมื่อนั้น หลินหยุนจึงได้เริ่มต้นจัดวางค่ายกล

ค่ายกลเดิมนั้น เย่เยว่เป็นคนสร้างขึ้น โดยตั้งชื่อว่าค่ายกลหยุนเยว่ ซึ่งไม่มีพลังความสามารถในการโจมตีมากนัก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์