จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 1490

หลินหยุนครุ่นคิดไปมา ซึ่งเพียงแค่ครู่เดียว ก็คิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ขึ้นมากมาย

แต่เขาก็ชัดเจนว่า ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา

โดยรีบรวบรวมสติความคิดทั้งหลายกลับคืนมาทั้งหมด ในขณะนั้นเอง จิตปฐมร่างเล็กที่ได้ดูดซับพลังอานุภาพที่ปะทะกันของทัณฑ์ฟ้าผ่าและลำแสงสีทองนั้น ก็ได้ลืมตาทั้งสองข้างขึ้นแล้ว

ราวกับว่ามีจิตวิญญาณที่แท้จริง และเพิ่งจะตื่นขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น

ในขณะนั้นเอง ทัณฑ์ฟ้าผ่าที่รุนแรงขั้นทำลายล้างชั้นฟ้าชั้นดินก็ฟาดฟันลงมาอีกครั้ง และก็ถูกสำแสงสีทองทำลายลงไปอีก

หลินหยุนถึงกับอึ้งจนอ้าปากค้าง พร้อมกับเก็บจิตปฐมร่างเล็ก ไว้ภายในจิตสมองตันเถียนข้างล่างของตนเอง

เวลานี้ภายในจิตสมองนั้น ดวงจิตได้กลายร่างเป็นพลังจิตญาณเรียบร้อยแล้ว

แต่ทั่วทั้งจิตสมอง ก็ยังมีขนาดเล็กมาก

หลินหยุนชัดเจนดีว่า ถึงเวลาสำคัญที่จะเปิดโลกกำลังภายในตัวแล้ว

โดยให้จิตสมองกลายเป็นโลกกำลังภายในตัว

โลกกำลังภายในตัวเปิดออกสำเร็จ ถึงจะเป็นสัญญาณบอกว่าเข้าสู่ขั้นแดนจิตปฐมโดยสมบูรณ์ ไม่อย่างนั้น ก็ยังคงเป็นขั้นยาทองระดับเก้าอยู่เช่นเคย

หรือจะเรียกว่าครึ่งขั้นของขั้นแดนจิตปฐม

อย่างเช่นพวกจูหยู่นั้น แม้ว่าจะสำเร็จการหลอมยาทองครั้งที่เก้าแล้ว แต่ขั้นตอนแรกของการทำให้ดวงจิตกลายเป็นจิตญาณนั้นก็ยังกระทำไม่สำเร็จ

จึงไม่ต้องพูดถึงยาทองเปลี่ยนเป็นจิตปฐม จิตสมองเปลี่ยนเป็นโลกกำลังภายในตัวเลย

มีผู้บำเพ็ญเซียนขั้นยาทองระดับเก้าบางคน ที่ต่อให้ทั้งชีวิต ก็ยังคงติดอยู่ที่ระดับขั้นนี้!

นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมจึงพูดว่า เมื่อก้าวข้ามระดับขั้นนี้ เข้าสู่ขั้นแดนจิตปฐมอย่างแท้จริงแล้วเท่านั้น จึงจะถือว่าเข้าสู่แนวทางการบำเพ็ญฝึกฝนต้าเต๋าที่ตรงตามความหมายอย่างแท้จริง!

ขั้นนี้ ไม่ใช่ว่าจะก้าวผ่านไปได้อย่างง่ายดายซะที่ไหน

พูดถึงการสะสมของหลินหยุนในช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งเขาเองก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนว่าจะก้าวผ่านขั้นนี้ในตอนที่หลอมยาทองครั้งที่เก้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะเกิดพลังอานุภาพพิเศษดังกล่าวขึ้น จึงทำให้เขามองเห็นถึงความคาดหวัง!

ซึ่งในขณะที่เขากำลังกลืนจิตปฐมเข้าไปนั้น พลังจิตญาณเกิดการขับเคลื่อนอย่างบ้าคลั่ง เริ่มที่จะไปเปิดโลกกำลังภายในตัว แล้วก็เกิดทัณฑ์ฟ้าผ่าฟาดลงมาอย่างรุนแรงอีก

ทัณฑ์ฟ้าผ่านี้ มีความรุนแรงมากกว่าสองครั้งก่อนหน้านี้หลายเท่านัก

เมฆแห่งทัณฑ์เคราะห์จึงพากันเคลื่อนตัวออกมา

เหมือนว่าจะนำพาความโมโหโกรธแค้นออกมาด้วย

พลังอานุภาพที่น่าสะพรึงกลัวนั้น ราวกับว่าจะต้องให้หลินหยุนจบชีวิตลงภายใต้ฟ้าผ่าที่ฟาดฟันลงมา

แต่ก็มีลำแสงสีทองที่พลันแยกตัวออกมา พันรอบฟ้าผ่าที่มีพลังทำลายอันรุนแรงนั้นเอาไว้เช่นเคย

คราวนี้ ทั้งสองไม่ได้เผชิญหน้ากันแล้วก็แหลกสลายลงไปในทันที แต่กลับกลายเป็นเริ่มต้น “ปะทะต่อสู้กันอย่างเต็มกำลัง” ขึ้น

ในที่สุด ทัณฑ์ฟ้าผ่าที่รุนแรงนั้นก็ไม่สามารถฟาดฟันลงมาได้อีก ส่วนฟ้าผ่านั้นก็ค่อย ๆ แหลกสลายไปเองทั้งหมด

หลังจากเกิดทัณฑ์ฟ้าผ่าสามครั้งติดต่อกัน เมฆแห่งทัณฑ์เคราะห์จึงเริ่มแหลกสลายไป

ทุกครั้งที่เกิดทัณฑ์ฟ้าผ่า ก็สอดคล้องกับทุกย่างก้าวการเพิ่มระดับขั้นของหลินหยุน

ส่วนหลินหยุนเอง ก็ยังคงดูดซับแรงพลังนั้นอย่างบ้าคลั่ง

โลกกำลังภายในตัวของเขา ก็ได้เปิดออกเกือบจะครึ่งหนึ่งแล้ว

เวลานี้เมฆแห่งทัณฑ์เคราะห์เริ่มที่จะสลายไป และก็ดึงดูดความสนใจของหลินหยุนในทันที

ทันใดนั้นก็ได้ยินเขาตะโกนพูดขึ้นอย่างไม่รู้ตัวว่า “อย่าไป! ”

ถ้าหากคนอื่นได้ยินคำที่เขาพูดตะโกนขึ้นนั้น เกรงว่าเขาคงจะพูดไม่ออกไปจนตายเลย

นายทำการหลอมยาทองครั้งที่เก้า แล้วก็ปรากฏทัณฑ์ฟ้าผ่าขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนก็ถือว่าไม่เป็นไร ตอนนี้เมฆแห่งทัณฑ์เคราะห์กำลังจะสลายไป นายกลับตะโกนบอกว่าอย่าเพิ่งไป นายต้องการที่จะลิ้มรสการถูกฟ้าผ่าสักครั้งใช่หรือไม่?

แต่นี่ไม่ใช่ว่าหลินหยุนต้องการจะถูกฟ้าผ่า

แต่เป็นเพราะหากเมฆแห่งทัณฑ์เคราะห์สลายไปแล้ว ไม่มีทัณฑ์ฟ้าผ่าฟาดฟันลงมา ลำแสงสีทองนั้นก็คงจะหายสูญไปอย่างรวดเร็ว

เวลานี้ร่างของหลินหยุน ได้ดูดซับพลังพิเศษนั้นแล้ว แต่โลกกำลังภายในตัวเพิ่งจะเริ่มเปิดออกได้เพียงแค่ครึ่งเดียว

หินทิพย์ทั้งหมดที่เขาได้มาจากคุณชายจินเอี้ยน และถุงเก็บของของลู่ซาน รวมถึงบางส่วนที่นำออกมาจากโลกคุนชางนั้น ตอนนี้ได้สูญสิ้นพลังไปทั้งหมดแล้ว

ซึ่งไม่มีทรัพยากรอะไรเหลือแล้ว

ขั้นตอนการเปิดโลกกำลังภายในตัวของเขานั้น จะต้องหยุดลงเพียงเท่านี้แล้ว

อีกทั้งเขาเองก็ยังรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า พลังลำแสงสีทองนั้น มีระดับขั้นที่สูงส่งอย่างมาก ไม่ใช่ว่าชี่ทิพย์ของหินทิพย์ใดจะสามารถเทียบเท่าได้เลย

เมฆแห่งทัณฑ์เคราะห์สลายไป บ่งบอกว่าเขาอาจจะไม่สามารถดูดซับพลังแสงสีทองนั่นได้อีกแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์