“ตัวอย่างเช่นทั่วทั้งเขตเหนือ บริเวณแปดเทือกเขาทิพย์ มีจำนวนเกินกว่าครึ่ง ที่ถูกควบคุมอยู่ภายใต้การปกครองของนิกายวิญญาณ์ปวงชน! ”
“นิกายวิญญาณ์ปวงชนปกครองสี่เทือกเขา”
“นิกายวิญญาณ์บริสุทธิ์ปกครองหนึ่งเทือกเขา”
“พวกเขาทั้งสองนิกายเป็นพี่เป็นน้องกัน ซึ่งก็ถือว่าเป็นหนึ่งนิกายเดียว ดังนั้นเท่ากับว่าปกครองห้าเทือกเขา”
“ส่วนอีกสามเทือกเขาที่เหลือนั้น ก็ถูกแบ่งแยกปกครองโดยสามนิกายที่เหลือ”
“ดังนั้น หากพี่หลินยังต้องการแสวงหาทรัพยากรในการบำเพ็ญฝึกฝน ก็คงจะยากมากทีเดียว”
“เป็นเพราะว่าทั้งเขตเหนือได้ถูกเรียกขานว่าเป็นดินแดนที่แห้งแล้ง”
“ซึ่งคงจะไม่มีทรัพยากรที่ดีอะไรเลย”
“พูดถึงเพียงแค่แปดเทือกเขาทิพย์ก็แล้วกัน”
“อันที่จริงก็มีระดับขั้นที่ต่ำมากแล้ว”
“ในจำนวนนั้นแม้แต่เทือกเขาทิพย์ชั้นกลางก็ยังไม่มีเลย! ”
“แต่ว่า......”
หลินหยุนดวงตาเป็นประกาย และพูดขึ้นว่า “แต่ว่าอะไร? ”
โม่หยู่แสดงอาการลังเลใจบ้าง แต่สุดท้ายก็พูดขึ้นว่า “พี่หลิน มีสถานที่แห่งหนึ่ง อาจจะมีทรัพยากรจำนวนมากก็เป็นได้ แต่......”
“สถานที่แห่งนั้น ก่อนอื่นเลยเป็นสถานที่ที่อันตรายอย่างมาก! ”
“รองลงมาก็คือ บางทีอาจจะไม่มีทรัพยากร หรือว่า เป็นไปได้สูงมากที่จะไม่มีอยู่จริง! ”
หลินหยุนได้ยินดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว และพูดว่า “ที่พูดนี้หมายความว่าอย่างไร? ”
โม่หยู่พูดขึ้นว่า “สถานที่แห่งนั้น มีชื่อว่าหุบขวัญเลือด! ”
“โดยสถานที่ดังกล่าวอยู่ในบริเวณพื้นที่บรรจบกันของนิกายวิญญาณ์ปวงชน สำนักศพใจ และสำนักฟ้าร้อง”
“โดยแค่ได้ยินชื่อก็รู้แล้วว่า ที่นั่นคือหุบเขา”
“เพราะว่าช่วงกลางหุบเขาจะมีหมอกเลือดแผ่กระจายอยู่อย่างหนาแน่น ดังนั้นจึงมีชื่อว่าหุบขวัญเลือด”
“สถานที่แห่งนั้นอยู่ห่างไกลจากที่นี่ ออกไปประมาณแสนลี้เห็นจะได้”
“หากพวกเราต้องการจะเดินทางไป ต่อให้ไม่มีการหยุดพัก ก็ต้องใช้เวลาประมาณครึ่งปีจึงจะถึง”
“หนึ่งร้อยปีก่อนหน้านี้”
“ได้ยินมาว่ามีผู้บำเพ็ญเซียนคนหนึ่ง ได้หลงเข้าไปยังหุบขวัญเลือดนี้”
“เดิมทีนั้นก็มีคนรู้จักและรับทราบถึงการมีอยู่ของหุบขวัญเลือดนี้แล้ว”
“โดยได้ยินมาว่าเคยมียอดฝีมือแดนจิตปฐมบริบูรณ์เข้าไปด้านใน และก็ไม่สามารถที่จะกลับออกมาได้”
“แต่ว่ายอดฝีมือจิตปฐมตอนต้นผู้นั้นกลับออกมาได้อย่างเหนือความคาดหมาย”
“ไม่เพียงเท่านี้! ”
“เขายังได้รับสิ่งของสุดพิเศษชิ้นหนึ่งจากภายในหุบขวัญเลือดนี้ด้วย! ”
“นั่นก็คือหินวิญญาณ์เลือด! ”
ได้ยินคำว่าหินวิญญาณ์เลือด หลินหยุนก็แปลกประหลาดใจขึ้นทันที และรีบพูดว่า “หินวิญญาณ์เลือดงั้นเหรอ? ”
โม่หยู่พยักหน้าและพูดว่า “ใช่คือหินวิญญาณ์เลือด! ได้ยินว่าหินวิญญาณ์เลือดนี้ เป็นสิ่งของที่ล้ำค่ามากกว่าหินทิพย์”
“โดยในสิ่งนั้นไม่เพียงแต่จะประกอบด้วยชี่ทิพย์ที่บริสุทธิ์! ”
“ขณะเดียวกันยังสามารถซ่อมแซมและเสริมสร้างจิตญาณได้ด้วย”
“แน่นอนว่า ฉันก็แค่ได้ยินมา แต่ยังไม่เคยพบเห็นของจริงมาก่อน”
“ในอดีตเรื่องนี้ได้สร้างความครึกโครมเป็นที่ฮือฮากันอย่างมาก! ”
“สำนักต่าง ๆ ทั่วทั้งเขตเหนือ รวมถึงยอดฝีมือผู้ฝึกอิสระที่ยิ่งใหญ่! ”
“ในระยะเวลาอันสั้น ต่างก็ได้มารวมตัวกันที่หุบขวัญเลือดทั้งหมด! ”
“หลังจากนั้นภายใต้การนำของสามสำนักใหญ่ ก็ได้กำหนดกฎเกณฑ์ขึ้น และเข้าไปด้านในหุบขวัญเลือด”
“ในระยะแรกมียอดฝีมือจำนวนมากที่ได้เสียชีวิตลงที่นี่! ”
“แต่ว่า นั่นเป็นถึงหินวิญญาณ์เลือดเลยทีเดียว! ”
“สมบัติสิ่งล้ำค่าสามารถทำให้จิตใจคนหวั่นไหวได้! ”
“ไม่มีใครที่จะยอมละทิ้งโอกาสไปอย่างแน่นอน! ”
“สามสำนักใหญ่และพวกยอดฝีมือผู้ฝึกอิสระนั้นก็ยิ่งจะเป็นไปไม่ได้! ”
“หลังจากที่ยอดฝีมือจำนวนมากได้เสียชีวิตลงไป”
“ในที่สุดก็สามารถค้นพบรายละเอียดและช่องทางเข้าสู่หุบขวัญเลือดได้บ้างแล้ว! ”
“จากนั้นต่อมา”
“แม้ว่าจะมีผู้บำเพ็ญเซียนเสียชีวิตลงไปบ้างเป็นครั้งคราว! ”
“แต่เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงก่อนหน้านี้แล้ว ก็ถือว่ามีจำนวนน้อยกว่าเดิมมาก! ”
“จากนั้น ก็เริ่มที่จะมียอดฝีมือจำนวนมากเข้าสู่ด้านในหุบขวัญเลือด”
“เริ่มต้นที่จะแสวงหาอย่างเป็นจริงเป็นจัง! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...