หลายวันต่อมา พายุยิ่งอยู่ก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น
เรือใหญ่แล่นอยู่ใจกลางทะเล เหมือนตอไม้ที่ลอยอยู่กลางพายุ
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคลื่นทะเลที่สูงพันกว่าเมตร ราวกับเรือจะโดนกลืนกินหรือเรือล้มได้ตลอดเวลา
หลินหยุนขึ้นมาบนดาดฟ้าเรือหลายวันติดต่อกัน ชายชราที่เป็นยอดฝีมือแดนดั่งเทพคนนั้น
เขานั่งสมาธิอยู่บนใจกลางดาดฟ้า เขาหลับตาอยู่ตลอดเวลา และสีหน้าของเขาไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆเลย
สำหรับเหตุการณ์แบบนี้ ไม่ได้เจอกันครั้งแรกแล้ว ดูเหมือนเขาจะชินแล้ว
เรื่องนี้ทำให้คนอื่นๆมั่นใจมากขึ้น
แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคลื่นยักษ์ขนาดนี้ ทำให้ทุกคนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจ
ชายชรานั่งอยู่บนดาดฟ้า เขามั่นใจในตัวเองมากๆ
เมื่อเรือใหญ่เผชิญหน้ากับการโจมตีของอสูรกายใต้น้ำ เขาก็จะลืมตาขึ้นมาและลงมือสังหารอสูรกายใต้น้ำทันที
หลินหยุนยืนอยู่บนดาดฟ้าของเรือใหญ่ ตอนนี้เขาไม่กล้าเข้าไปใกล้ขอบเรือเลย
เขายืนอยู่ใกล้ๆกับทางเข้าห้องโดยสารเรือ ถ้าเกิดเรื่องอันตรายจริงๆ ก็สามารถเข้าไปห้องโดยสารได้ทันที
หลังจากยืนดูมาหลายวันแล้ว เขาก็วางใจมากขึ้น มียอดฝีมือแดนดั่งเทพค่อยควบคุมสถานการณ์
ถึงแม้จะโดนอสูรกายใต้น้ำโจมตีเรือใหญ่ แต่ก็คงไม่ค่อยอันตรายมากเท่าไหร่
ถ้าพายุไม่ได้รุนแรงมากขึ้น และผ่านวิกฤตช่วงนี้ไปได้ ก็คงไม่มีปัญหาอะไรอีกแล้ว
หลินหยุนกลับไปที่ห้องพักและเก็บตัวฝึกฝนทันที
ตั้งแต่ขึ้นมาบนเรือจนถึงตอนนี้ เวลาผ่านไปหนึ่งปีครึ่งแล้ว เขาใช้หินทิพย์ในการฝึกฝนตลอดเวลา
อันที่จริงผลลัพธ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลย
ประการแรกคือประสิทธิภาพของหินทิพย์ชั้นล่างสำหรับหลินหยุนในเวลานี้ มันไม่เพียงพอแล้ว
พลังชี่ทิพย์ที่อยู่ในหินทิพย์ชั้นล่างนั้น ประสิทธิภาพต่ำมากๆและพลังชี่ทิพย์ก็น้อยมากๆด้วย
ถ้าเขาใช้หินทิพย์ชั้นล่างในการฝึกฝนอย่างบ้าคลั่ง วันหนึ่งต้องสูญเสียหินทิพย์หนึ่งถึงสองแสนก้อน มันก็เป็นเรื่องที่ปกติมากๆ
ดังนั้นก่อนหน้านี้ ก่อนที่เขาจะสังหารคุณชายหั่วหยุนกับผู้อาวุโสสองคนของสำนักเทียนหั่ว
อันที่จริงเขาไม่เคยได้ฝึกฝนอย่างจริงจังเลย
แม้แต่การเก็บตัวฝึกฝน เขาก็ไม่มีเวลาได้ทำเลย
อันที่จริงพลังของเขาได้เพิ่มขึ้น เพราะได้หินทิพย์หลายล้านก้อนจากคุณชายหั่วหยุน
อย่างไรก็ตาม หลินหยุนก็ไม่ได้ใช้หินทิพย์ในการฝึกฝน
เพราะยอดฝีมือระดับเขา ถ้าใช้หินทิพย์ในการฝึกฝนอย่างเดียว มันไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเลย
มันได้ไม่คุ้มเสีย อย่างไรก็ตาม หลังจากใช้หินทิพย์สองสามล้านก้อนแล้ว อันที่จริงพลังของเขาก็เพิ่มขึ้นมาบ้าง
แต่พลังเพิ่มขึ้นเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
อย่างน้อยเขาก็รู้สึกได้ว่าโลกกำลังภายในตัวเพิ่มใหญ่ขึ้นมาเล็กน้อย
ในเวลาเดียวกัน จิตปฐมก็แข็งแกร่งขึ้นมาเล็กน้อยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ถ้าจะฝึกฝนถึงแดนจิตปฐมตอนกลางนั้นยังห่างไกลมากๆอยู่
หลังจากโลกกำลังภายในตัวใหญ่มากขึ้นและบัวเส้นปราณดินก็เข้าไปอยู่ในนั้น ทำให้พลังของไหมจัญไรไร้เงาเพิ่มสูงขึ้นมากๆ ราวกับว่าพลังของมันเพิ่มขึ้นตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ไหมจัญไรไร้เงากำลังหลับลึกอยู่ หลังจากพลังทั้งหมดของบัวเส้นปราณดินโดนมันดูดซับทั้งหมดแล้ว พลังของไหมจัญไรไร้เงาน่าจะเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งระดับ
พลังของมันน่าจะเทียบเท่ายอดฝีมือแดนยาทองได้อย่างแน่นอน
ก่อนหน้านี้ ตอนที่หลินหยุนเผชิญหน้ากับยอดฝีมือแดนจิตปฐมของสำนักเทียนหั่ว เขาก็เคยใช้ไหมจัญไรไร้เงา
อันที่จริงแล้ว ไหมจัญไรไร้เงาฝึกฝนถึงระดับนี้แล้ว มันก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะสามารถต่อสู้กับยอดฝีมือแดนจิตปฐมได้
ประการแรกคือตอนนั้นระยะห่างมันใกล้มากๆ
เพราะอยู่ใกล้จนเกินไป ทำให้อีกฝ่ายตอบสนองไม่ทัน ประการที่สองคืออีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัสแล้ว
ไหมจัญไรไร้เงาเข้าไปในร่างกายของอีกฝ่าย และทำลายร่างกายของอีกฝ่ายจากด้านใน
ทำให้หลินหยุนมีเวลามากขึ้นชั่วขณะ ดังนั้นเขาก็เลยตัดสินใจได้ทันที
ในที่สุดหลินหยุนก็หยุดการฝึกฝน และในเวลานี้ พลังของเขาต่างจากก่อนหน้านี้มากๆ
ถึงแม้จะห่างจากแดนจิตปฐมตอนกลางยังไกลอยู่ แต่ตอนนี้ก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าพลังเพิ่มสูงขึ้น
หลินหยุนปลดปล่อยพลังออกมา แม้แต่หลินหยุนเองก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งมากๆที่อยู่ในร่างกาย
หลินหยุนลืมตาขึ้นมาและถอนหายใจยาวๆ จากนั้นเขาก็ออกจากห้องพักส่วนทันที
เขามาถึงห้องพักส่วนตัวของฉินหลันก่อน โม่หยู่กับซินเอ๋อก็อยู่ในห้องพักส่วนตัวนี้เหมือนกัน
เมื่อมองเห็นหลินหยุนเดินเข้ามาในห้องพักส่วนตัว นอกจากซินเอ๋อแล้ว ฉินหลันกับโม่หยู่ดีใจมากๆจนรีบลุกขึ้นมา
ฉินหลันไม่ได้เป็นนักบำเพ็ญเซียน เรื่องนี้ไม่ต้องพูดถึงแล้ว
ด้วยพลังของโม่หยู่ หลังจากเธอปล่อยพลังออกไปสัมผัส ทำให้เธอพบเห็นทันที เธอไม่สามารถสัมผัสพลังของหลินหยุนได้ พลังของหลินหยุนลึกล้ำมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว
เธอเข้าใจทันที พลังของหลินหยุนจะต้องเพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอน
หลินหยุนพูด"หลายวันที่ผ่านมา เกิดเรื่องอะไรไหม?"
ระยะเวลาสิบสามวันที่ผ่านมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเก็บตัวฝึกฝนนานที่สุดในขณะที่เขาขึ้นมาอยู่บนเรือใหญ่ลำนี้
เมื่อโม่หยู่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ เธอก็อยากจะเอ่ยปากพูดทันที แต่ทุกคนกลับได้ยินเสียงดังสนั่นเกิดขึ้น จากนั้นเรือใหญ่ก็โคลงเคลงไปมาทันที
สีหน้าของผู้หญิงสามคนเปลี่ยนไปทันที ฉินหลันกับซินเอ๋อเกือบจะหกล้มเพราะเรือเกิดการโคลงเคลงไปมา
หลินหยุนเคลื่อนไหวทันที และหุ้มฉินหลันไว้ในอ้อมกอด ส่วนโม่หยู่ก็รีบอุ้มซินเอ๋อเอาไว้
สีหน้าของโม่หยู่เปลี่ยนไปทันที"หลายวันมานี้ มีอสูรกายใต้น้ำโจมตีเรือใหญ่ตลอดเวลา แต่มันไม่ได้รุนแรงมากนัก"
"มีอีกเรื่องหนึ่งก็คือพายุที่อยู่ด้านนอกไม่ได้หยุดลงเลย"
"แต่พายุลดความรุนแรงลงมาเล็กน้อยเท่านั้น"
"ฉันคิดว่าพายุน่าจะใกล้หยุดแล้ว!"
"เพราะเวลาที่เกิดพายุมันผ่านมานานมากๆแล้ว!"
หลินหยุนพยักหน้าทันที พายุอันนี้เกิดขึ้นมานานมากแล้ว มันเกิดขึ้นมาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
จบแค่นี้จริงดิ ไม่มั้ง เหมือนคนเขียนโดนตัดจบใน 5 ตอน อะไรกันนี่ อ่านถึงประมาณตอนที่ 1,500-1,600 พอละ หลังจากนั้นเละ ช่วงสุดท้ายนี่มั่วบ้านงานมั่ก ๆ...
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...