จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 1588

“ก็เหมือนกับไท่จื่อและองค์หญิงเก้ายังไงล่ะ! ”

“แม้ว่าฉันจะให้ความสำคัญกับจิตใจที่มุ่งมั่นต่อสนามรบหมื่นจักรวาลของไท่จื่อ แต่ที่จริงแล้วฉันก็ยังให้ความสำคัญกับอีกเรื่องหนึ่งด้วย นั่นก็คืออาการป่วยหนักขององค์หญิงเก้า และพลังบำเพ็ญที่ไม่เพียงพอ! อย่างน้อยเมื่อเทียบกับไท่จื่อแล้ว ยังมีความห่างชั้นกันมากเลย! ”

“มีเพียงแต่ยอดฝีมืออย่างไท่จื่อนี้ ที่ฉันชื่นชมและเลื่อมใสอย่างแท้จริง! ”

ได้ยินหลินหยุนพูดแบบนี้ องค์หญิงเก้าก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที แต่ไท่จื่อกลับหัวเราะฮ่าฮ่าขึ้น

หัวเราะดังลั่นจนทำให้ผู้คนนับหมื่นที่บริเวณเวทีนั้นไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไรแล้ว!

ไท่จื่อพูดขึ้นว่า “ฉันนึกว่านายนี้จะเป็นคนที่กำเริบเสิบสานโดยสันดานจริง ๆ แต่คิดไม่ถึงว่าจะพูดประจบสอพลอเป็นด้วย ซึ่งทำให้ฉันคาดคิดไม่ถึงจริง ๆ เลย! ”

เขาเองก็ไม่ได้ปกปิดอะไร

เพราะว่าไม่มีความจำเป็น

เขาต่างหากที่เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของดาวนกขาว!

เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นรุ่นหลังอย่างไร้ข้อโต้แย้ง!

ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ทุกคนรับทราบโดยทั่วกัน

ไม่มีอะไรที่จะต้องปิดบังอีก!

ถ้าหากจะบอกว่าในห้าเขตของดาวบำเพ็ญนกขาว ยังคงมีอีกหนึ่งคนที่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับไท่จื่อได้แล้วนั้น

คงจะมีอยู่เพียงแค่คนเดียวที่เป็นไปได้!

นั่นก็คือนางฟ้าปรวนแปรของสำนักเลือนราง ในตอนที่ยังไม่ได้ป่วยหนักมากขนาดนี้!

โดยหลังจากที่นางฟ้าปรวนแปรป่วยหนักนั้นก็ไม่มีคนอื่นคนใดอีกแล้ว

แน่นอนว่า สำหรับเรื่องนี้ มีผู้ที่รับทราบอยู่จำนวนไม่มาก

อีกทั้งไท่จื่อเป็นถึงองค์ชายซึ่งมักจะไม่ค่อยลงมือปะทะต่อสู้กับผู้ใด ดังนั้นผู้ที่รับรู้ถึงพลังบำเพ็ญที่แท้จริงของไท่จื่อในเวลานี้นั้น ต่อให้เป็นผู้อารักขาข้างกายของไท่จื่อเอง ก็ยังไม่ทราบเลย

ทำได้เพียงแค่คาดการณ์เอาเท่านั้น แต่ก็ยังคงมีหลายคนที่เชื่อว่า พลังบำเพ็ญของไท่จื่อนั้นลึกล้ำเกินที่จะคาดเดาได้

ต่อให้ยังไม่ได้สำเร็จขั้นแดนดั่งเทพอย่างแท้จริง แต่เกรงว่าคงจะใกล้อย่างมากแล้ว!

แต่หลินหยุนรู้สึกว่าไท่จื่อผู้นี้ ไม่ใช่ว่ายังไม่สำเร็จขั้นแดนดั่งเทพ แต่เกรงว่าจะสำเร็จขั้นแดนดั่งเทพมาตั้งนานแล้ว

อย่างน้อย ชายชราแดนดั่งเทพผู้นั้นที่ลงมือปะทะกับหลินหยุนก่อนหน้าที่จะเข้าไปในวัง คงจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของไท่จื่ออย่างแน่นอน!

ได้ยินที่หลินหยุนพูด ไท่จื่อก็อารมณ์ดีขึ้น

อีกทั้งยังได้เปลี่ยนมุมมองความคิดที่มีต่อหลินหยุนเล็กน้อย หรือพูดได้ว่าไว้วางใจเพิ่มมากขึ้น

หลินหยุนไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ วันนี้เขาได้นำแต่ดวงตาของเขามาเท่านั้น

เพียงแค่ดู โดยไม่อยากจะพูดอะไร!

มาถึงตำแหน่งหลักของเวที จากนั้นไท่จื่อก็กล่าวสุนทรพจน์ งานสรรเสริญเก้าสำนักก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ!

งานสรรเสริญแบ่งออกเป็นสองช่วง

ช่วงแรกคือการต่อสู้ประลองฝีมือ

ช่วงที่สองคือการเปิดสำนักรับลูกศิษย์

ต่อสู้ประลองฝีมือ

ที่จริงแล้วก็คือการที่ลูกศิษย์ของเก้าสำนักใหญ่ ขึ้นมาบนเวทีเพื่อประลองฝีมือการต่อสู้

นี่ก็คือช่วงเวลาที่จะให้แต่ละสำนักได้แสดงอิทธิพลช่วงชิงเกียรติและศักดิ์ศรีของสำนักตนเอง

หั่วยู่ก็ยิ้มและพูดว่า “ฉันยังเคยได้ยินว่า ไท่จื่อได้อนุญาตให้คนผู้นี้เข้าไปในสถาบันราชภัฏได้? เรื่องนี้ก็เป็นความจริงเหรอ? ”

ไท่จื่อพยักหน้า “ถูกต้อง คือเรื่องจริง! ”

หั่วยู่ดวงตาเป็นประกาย และพูดขึ้นว่า “ไท่จื่อ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉันก็ไม่คิดที่จะไปท้าประลองกับคนอื่นแล้ว ต้องการที่จะท้าประลองกับสหายหลินหยุนคนนี้! ฉันอยากจะดูว่า สหายคนนี้มีความสามารถอะไรถึงขนาดที่ไท่จื่อยินยอมอนุญาต ให้เข้าไปบำเพ็ญฝึกฝนในสถาบันราชภัฏได้! ไท่จื่อ อย่างพวกเรานี้หากต้องการที่จะเข้าไปในสถาบันราชภัฏ ก็จะต้องฝ่าฝันอุปสรรคมากมาย แต่ก็อาจจะยังไม่สามารถเข้าไปด้านในได้! ”

“ดังนั้นฉันจึงรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก กับสหายหลินหยุนคนนี้! ”

“ฉันเชื่อว่าสหายรุ่นเดียวกันกับฉันที่อยู่ในภายในงานนี้ ต่างก็คงมีความแปลกใจแบบนี้เช่นกัน! ”

“ดังนั้นก่อนหน้าที่ฉันจะเริ่มท้าประลองอย่างเป็นทางการนั้น ต้องการที่จะลองรับมือกับอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ของสหายหลินหยุนสักหน่อย หวังว่าทางไท่จื่อจะอนุญาต! ไม่ว่าอย่างไร สหายหลินหยุนก็เป็นถึงบุคคลที่จะเข้าไปภายในสถาบันราชภัฏแล้ว! จะทำให้สถาบันราชภัฏต้องอับอายขายหน้าได้อย่างไรกัน! ”

“ถ้าหากแม้แต่ฉันเองสหายหลินหยุนก็ยังไม่สามารถเอาชนะได้ แล้วเวลานั้นไท่จื่อจะส่งเขาเข้าไปในสถาบันราชภัฏจริง ๆ ล่ะก็ คงจะทำให้ไท่จื่อต้องอับอายขายหน้า และเสื่อมเสียเกียรติอย่างที่สุด! ”

ใครก็คาดคิดไม่ถึงว่า หั่วยู่จะเป็นคนแรกที่ขึ้นมาบนเวที แล้วไม่ได้ไปท้าประลองกับคู่ต่อสู้ของเก้าสำนักใหญ่ แต่ได้จับจ้องไปยังหลินหยุนที่อยู่ด้านหลังของไท่จื่อ

แต่กลับกลายเป็นว่าตรงกับความต้องการของทุกคนในสถานที่แห่งนี้เลย

เพราะว่าทุกคนในสถานที่แห่งนี้ต่างก็ต้องการที่จะรู้ว่า หลินหยุนผู้ที่สามารถเอาชนะอัจฉริยะทั้งหมดในงานย่องเยาว์ได้นั้น จะมีความพิเศษไม่ธรรมดาอย่างไรกันแน่!

อันที่จริงไท่จื่อเองก็คาดคิดไม่ถึงว่า หั่วยู่จะพูดออกมาเช่นนี้

แต่ก็คงยิ้มแย้ม และมองไปทางหั่วยู่พร้อมกับพูดขึ้นว่า “หั่วยู่ นายพูดอย่างเป็นหลักเป็นการแบบนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไรกัน? หรือว่ามีคนที่สอนนายเอาไว้นานแล้ว? ”

เมื่อได้ยินที่ไท่จื่อพูด ก็พลันเก้อเขินขึ้นชั่วขณะ จนทำให้ทุกคนอดที่จะหัวเราะกันไม่ได้

หั่วยู่เองก็ทำตัวแบบไม่ตรึงเครียดแล้ว จากนั้นก็ยกมือแสดงความเคารพต่อไท่จื่อและพูดว่า “ไท่จื่อ คำพูดดังกล่าวมีคนสอนฉันมาจริง ๆ แต่ฉันรู้สึกว่ามันถูกต้อง ทุกคนต่างก็อยากที่จะดูว่า เขามีความสามารถพิเศษอะไรกัน ที่สามารถทำให้ไท่จื่อแต่งตั้งให้เขาเป็นอาจารย์ของซื่อจื่อทั้งสองคน และยังอนุญาตให้เข้าไปในสถาบันราชภัฏได้อีกด้วย! ”

“ไท่จื่อ ท่านอย่าได้ปิดบังอะไรอยู่อีกเลย ให้เขาออกมาประลองฝีมือกับฉันสักหน่อย เพื่อให้ฉันได้ทดสอบกับตัวเองหน่อยว่า ไอ้หนุ่มนั่นมีพลังความสามารถระดับไหนกันแน่! ”

ไท่จื่อไม่รู้จะทำอย่างไร จึงได้ยื่นมือผ่านอากาศไปแตะที่ตัวของหั่วยู่และพูดว่า “นายต้องการที่จะท้าประลองหลินหยุนในสถานที่แห่งนี้ ซึ่งมันไม่ได้อยู่ในขั้นตอนพิธีการของงานสรรเสริญในวันนี้เลย ฉันเองก็ไม่สามารถที่จะเป็นตัวแทนของหลินหยุนได้ แบบนี้แล้วกัน ฉันจะลองสอบถามแทนนายดู หากว่าหลินหยุนเต็มใจ งั้นฉันเองก็ไม่ขัดข้อง! ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์