พูดถึงการระงับความกำเริบเสิบสานเมื่อครู่นี้กันหน่อย
ที่จริงแล้วก็แค่ต้องการกำจัดยับยั้งความหยิ่งผยองของหลินหยุนลงเท่านั้น
หลินหยุนเองจะรู้ตัวหรือไม่?
ไท่จื่อมองว่า หลินหยุนเป็นคนที่เฉลียวฉลาด เขาคงน่าจะรู้ตัวอย่างแน่นอน
ไม่เพียงแต่เขาจะรู้ เขายังพูดโพล่งขึ้นมาอีกด้วยซ้ำ
เขาพูดว่าอย่างไรกัน?
“วันนี้ดูเหมือนว่าการแสดงอำนาจข่มขู่นั้นฉันเองจะต้องรับเคราะห์แล้วจริง ๆ ด้วย! ”
นี่คือคำพูดเดิมของหลินหยุน
ดังนั้นหลินหยุนเข้าใจอย่างชัดเจนว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น
ถ้าอย่างนั้นเขาต้องทำอย่างไรล่ะ?
ถ้าเป็นคนอื่น เห็นว่ายอดฝีมือแดนดั่งเทพกำลังที่จะข่มเหงรังแกตนเอง เกรงว่าคงจะไม่มีแม้แต่ความคิดที่จะลงมือ!
ยินยอมแต่โดยดี!
แต่หลินหยุน ไม่ใช่อย่างนั้น!
เขาถึงขนาดที่ยั่วยุท้าทายยอดฝีมือแดนดั่งเทพเลยด้วย!
ท้ายที่สุดผู้ที่มีพลังบำเพ็ญแดนจิตปฐมตอนต้น ก็สามารถที่จะได้รับผลเสมอในการต่อสู้กับยอดฝีมือแดนดั่งเทพตอนต้นได้สำเร็จ
ลักษณะนิสัยแบบนี้ คือนิสัยที่จะไม่มีทางยินยอมอ่อนข้อ
และก็ไม่ใช่นิสัยที่จะยอมถูกควบคุมจัดการได้ง่าย ๆ
จุดนี้คือสิ่งเดียวที่เขาเป็นกังวล!
แต่เมื่อคิดทบทวนดูอีกทีเขาก็โล่งใจขึ้นบ้างแล้ว
อัจฉริยะที่แท้จริงนั้นต่างก็มีนิสัยเฉพาะของตน! ต่างก็ไม่ยอมที่จะถูกใครมาควบคุมบังคับแน่นอน!
ในตอนนั้นเสด็จพ่อเองก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน
โดยข้างกายของเขามีพี่น้องร่วมสาบานอยู่คนหนึ่ง ที่แข็งแกร่งทรงพลังอย่างมาก ถ้าพูดกันตามคุณูปการแล้ว ที่ราชวงศ์สามารถดำรงอยู่มาจนถึงวันเวลานี้ อย่างเจริญรุ่งเรืองได้นั้น คนผู้นั้นไม่ได้ทำคุณประโยชน์น้อยไปกว่าเสด็จพ่อของเขาเลย!
โดยไม่ใช่สิ่งที่เสด็จพ่อของเขานั้นจะสามารถบังคับควบคุมบังคับอะไรได้
ซึ่งเสด็จพ่อของเขาก็ยินยอมอนุญาตให้เกิดเรื่องอย่างนั้นขึ้น
กำเริบเสิบสาน!
หลงระเริง!
เผด็จการ!
และต่อให้จะหยาบคายเสียมารยาท!
อันที่จริงในระดับความรุนแรงของพฤติกรรมเหล่านี้ ล้วนอยู่ในขอบเขตที่เสด็จพ่อสามารถยอมรับได้ทั้งหมด
เพียงแค่ทำตามคำสั่งของฉัน อย่างนั้นทุกอย่างก็ไม่เป็นปัญหา
ในเมื่อเสด็จพ่อของเขากระทำได้ เขาเองก็กระทำได้เช่นกัน!
คิดถึงเรื่องนี้แล้ว ไท่จื่อก็หัวเราะเหอะเหอะและพูดว่า “หลินหยุน สามวันหลังจากนี้ ก็คือวันเริ่มต้นงานสรรเสริญเก้าสำนักอย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นนายติดตามฉันไปเข้าร่วมงานด้วย หลังจากที่งานจบลง ก็ติดตามฉันกลับไปที่พระราชวัง! ”
ขณะที่พูด ในมือของไท่จื่อก็เกิดประกายแสงขึ้น แหวนเก็บของวงหนึ่งก็ลอยเหาะมาทางหลินหยุน
หลินหยุนรีบยื่นมืออกไปรับ และก็ฟังไท่จื่อพูด “ในแหวนเก็บของวงนี้มีหินทิพย์ชั้นกลางอยู่จำนวนหนึ่งหมื่นก้อน เอาไปใช้สำหรับการบำเพ็ญฝึกฝนของนายก่อน จากนั้นเมื่อนายได้อบรมสั่งสอนซื่อจื่อทั้งสองแล้ว ในทุกเดือนจะมีค่าตอบแทนประจำให้ เมื่อเข้าไปในสถาบันราชภัฏ ก็สามารถที่จะรับภารกิจที่สถาบันราชภัฏได้มอบหมายให้ ซึ่งเมื่อดำเนินภารกิจสำเร็จแล้วก็จะได้รับทรัพยากรจำนวนมากเป็นของรางวัล! ”
“สรุปว่า เพียงแค่นายตั้งใจทำตามหน้าที่ ฉันจะไม่มีทางทำให้นายผิดหวังแน่นอน! ”
หลินหยุนไม่ได้แสดงท่าทีเกรงใจเลย จากนั้นก็เก็บแหวนเก็บของขึ้น และยกมือแสดงความเคารพต่อไท่จื่อ “ขอบคุณไท้จื่อเป็นอย่างมากเลย! ”
ดูกันสิ มิน่าล่ะที่เขาเป็นถึงไท่จื่อ!
จ่ายครั้งหนึ่งก็เป็นจำนวนที่มากถึงหินทิพย์ชั้นกลางหนึ่งหมื่นก้อนเลย!
จากที่คำนวณ จำนวนนี้เทียบเท่าได้กับหินทิพย์ชั้นล่างจำนวนหนึ่งล้านก้อนเลยทีเดียว
อีกทั้งยังบอกว่าให้มาใช้ในการบำเพ็ญฝึกฝน ที่จริงแล้วหินทิพย์ชั้นล่างหนึ่งล้านก้อน ยังเทียบเท่าไม่ได้กับหินทิพย์ชั้นกลางหนึ่งหมื่นก้อนเลยด้วยซ้ำ
ระดับความบริสุทธิ์ของชี่ทิพย์ ไม่สามารถที่จะนำมาเปรียบเทียบกันได้
หินทิพย์ชั้นกลางหนึ่งหมื่นก้อนก็เพียงพอที่จะใช้ได้ในระยะเวลาหนึ่งแล้ว
งานย่องเยาว์สิ้นสุดลง หลินหยุนก็พาฉินหลันมาพักอาศัยอยู่ในตำหนัก
ส่วนเขาก็ได้เก็บตัวบำเพ็ญฝึกฝนโดยตลอด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...