หลินหยุนยิ้มเยาะอยู่ในใจ
หั่วยู่ได้ปิดผนึกพลังของตนเองเอาไว้ที่แดนจิตปฐมตอนปลาย แล้วคิดที่จะต้านทานการโจมตีด้วยจิตญาณของเขา ช่างคิดมากไปเหลือเกินจริง ๆ
เขาไม่จำเป็นที่จะต้องยืมใช้พลังจิตญาณของเจียซินเลย โดยสามารถทำลายพลังการป้องกันลงได้อย่างง่ายดาย
แต่เวลานี้ หั่วยู่ที่อยู่ด้านข้างของเวทีนั้นได้ค่อย ๆ ลุกยืนขึ้นมา
สายตายิ่งดุดัน ชัดเจนว่าต้องการที่จะต่อสู้อีก หลินหยุนจึงพูดขึ้นว่า “ไม่อย่างนั้นนายปลดล็อคพลังบำเพ็ญทั้งหมดของนายให้กลับคืนเหมือนเดิมเถอะ หากว่านายใช้พลังบำเพ็ญในระดับเดียวกันกับฉัน และเผชิญหน้ากับฉันซึ่งก็คงจะไม่มีโอกาสอะไรเป็นแน่ ไม่ต่างกับพวกมดแมลง”
หลินหยุนพูดด้วยเสียงเบา แต่ผู้คนที่ได้ฟังนั้นกลับรู้สึกว่ามันทิ่มแทงหูเหลือเกิน
ไอ้หนุ่มนี้ ช่างกำเริบเสิบสานถึงขั้นที่ทำตัวเงียบสงบอย่างนี้แล้ว
แม้ว่าจะมีพลังความสามารถที่แข็งแกร่งอย่างมาก แต่ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกคันมือคันเท้า อยากที่จะฆ่าเขาให้มันจบสิ้นไปเลย!
แน่นอนว่า หลินหยุนเองนั้นก็ไม่ได้ทำมาเป็นเสแสร้ง เขาก็แค่ต้องการใช้คำพูดเสียดสีเพื่อกระตุ้นฝ่ายตรงข้ามก็เท่านั้น
เพราะขณะนี้อยู่ในงานสรรเสริญเก้าสำนัก
โดยเขาก็สามารถเอาชนะอัจฉริยะอันดับหนึ่งอย่างหั่วยู่ได้ด้วยพลังบำเพ็ญระดับเดียวกัน
สำหรับเขาแล้นั้น ที่จริงก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
ที่พูดแบบนี้ ก็เพียงแต่ต้องการให้อีกฝ่ายอับอายขายหน้า และหยุดการต่อสู้ลงเท่านั้น
เพราะว่าทั้งที่อยู่ต่อหน้าสาธารณชน บวกกับคำพูดที่รุนแรงของเขา เพียงแค่ไม่ต้องการที่จะอับอายขายหน้าต่อไป ก็คงจะหยุดการลงมือไปแล้ว
การที่หลินหยุนไม่อยากจะลงมือต่อนั้นไม่ใช่เพราะว่าเขาเกรงกลัวฝ่ายตรงข้าม แต่เป็นเพราะไม่มีความจำเป็นเท่าไร
เขาได้พิสูจน์ตัวของเขาเองแล้ว
ถ้าหากจะลงมือต่อสู้ต่อไปอีก ก็จะต้องแสดงพลังของตนเองอีกมากมาย ซึ่งหลินหยุนไม่อยากที่จะทำแบบนั้น
เวลานี้เขารู้จักที่จะปกปิดพลังความสามารถของตนเองเอาไว้แล้ว แบบนี้จึงจะทำให้ดำรงชีวิตอยู่ต่อไปได้ยืนยาวขึ้นอีก ซึ่งหลินหยุนเข้าใจตรงจุดนี้เป็นอย่างดี
แต่สิ่งที่ทำให้หลินหยุนคาดคิดไม่ถึงก็คือ หั่วยู่ผู้นี้ดูเหมือนจะไม่ใช่คนที่หน้าด้านแต่อย่างใด ซึ่งก็แค่ดูเหมือนเท่านั้น
เขาได้หัวเราะเสียงดังขึ้นอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นลมหายใจในร่างกายก็พลุ่งพล่านขึ้น พร้อมกับมองไปที่หลินหยุนและพูดว่า “ไอ้หนุ่ม ไม่แปลกเลยที่นายจะได้รับความสำคัญจากไท่จื่อ แต่ว่า ในเมื่อนายต้องการที่จะให้ฉันใช้พลังทั้งหมดเพื่อต่อสู้กับนาย ฉันเองก็ไม่อาจปฏิเสธได้! ”
“ดังนั้น จึงต้องให้นายลองรับมือกับพลังบำเพ็ญทั้งหมดของฉันดูว่าเป็นอย่างไรบ้างก็แล้วกัน! ”
หั่วยู่ลงมือทันที โดยมังกรไฟที่แข็งแกร่งไร้เทียมทานได้พุ่งทะยานออกมาจากมือของเขา
เมื่อมังกรไฟปรากฏขึ้น ก็เงยหน้าคำรามเสียงดัง อุณหภูมิบนเวทีก็พุ่งสูงขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้ร้อนจัดขึ้นอย่างที่สุด
มังกรไฟเหาะเหินวนเวียนอยู่ในอากาศหนึ่งรอบ แล้วก็พุ่งดิ่งลงมา พร้อมกับพ่นเปลวเพลิงออกมาจากปากของมัน
หลินหยุนเองก็รับรู้ได้ถึงอันตรายที่มาจากจิตวิญญาณอย่างแท้จริง
ดวงตาของหลินหยุนพลันเบิกกว้าง โดยไม่ได้ถอยหลังแต่กลับที่จะจู่โจมเข้าใส่ และได้แสดงท่าที่ห้าของสิบแปดท่าต้าเต๋า กักขังออกมาทันที
ทันใดนั้น ก็ได้กักขังทุกสิ่งทุกอย่าง! ในขณะเดียวกัน หลินหยุนก็ใช้กระบี่ กระหน่ำพลังอย่างรุนแรงออกไป
โดยใช้เพลงกระบี่พลังผกผันอีกครั้ง!
ในขณะที่มังกรไฟกำลังถูกกักขังอยู่นั้น กระบี่พลังผกผันที่เต็มไปด้วยจิตสังหารก็ได้ทิ่มแทงออกไป
และทะลุผ่านร่างที่ใหญ่โตของมังกรไฟนั้น
แต่วินาทีถัดมา หลังจากที่มังกรไฟได้ฟื้นตัวกลับขึ้นมาแล้ว ซึ่งราวกับว่าไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย ก็ได้พ่นเปลวเพลิงอันร้อนแรงออกมาอีกครั้ง
หลินหยุนใช้ดาบเฮ่าเทียนวางคั่นเอาไว้ด้านหน้าตัวเขา เปลวเพลิงก็ได้กระหน่ำเข้าใส่ดาบเฮ่าเทียน ซึ่งช่วยต้านทานพลังบางส่วนเอาไว้
แต่หลินหยุนเองก็ยังคงกระอักเลือดออกมา และกระเด็นลอยออกไป
จนมาหยุดอยู่ที่ด้านข้างของเวทีจึงจะทำการทรงตัวอยู่ได้
เมื่อหั่วยู่อีกฝ่ายเห็นเหตุการณ์ดังนั้น ก็หัวเราะฮ่าฮ่าดังลั่น “ไอ้หนุ่ม ตอนนี้นายรู้ถึงความเก่งกาจของฉันแล้วใช่ไหม? ก่อนหน้านี้ที่ปิดผนึกพลังบำเพ็ญนั้น ก็แค่หยอกล้อเล่นกับนายเท่านั้นเอง! ”
“พลังบำเพ็ญของนาย ก็ทำได้แค่โอ้อวดบารมีต่อหน้าพวกที่ไม่ได้เรื่องเหล่านั้นในงานย่องเยาว์ ซึ่งเมื่ออยู่ต่อหน้าฉันแล้ว นายก็แค่พวกมดแมลงเท่านั้น! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...