จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 1641

สรุปบท บทที่ 1641 ตอนนี้ประกาศผลได้แล้วใช่ไหม: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

บทที่ 1641 ตอนนี้ประกาศผลได้แล้วใช่ไหม – ตอนที่ต้องอ่านของ จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์

ตอนนี้ของ จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ โดย จูผาซู่ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายใช้ชีวิตทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1641 ตอนนี้ประกาศผลได้แล้วใช่ไหม จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

นี่คือชายหนุ่มคนหนึ่งที่รูปร่างไม่สูง และมีร่างกายที่ผอมบางมาก

สีหน้าของเขาขาวซีด แต่ในสายตาของเขา กลับมีความสงบนิ่งเป็นอย่างที่สุด กล่าวได้ว่าไม่มีความรู้สึกอะไรเลย

ริมฝีปากของเขาค่อนข้างบาง และยังมีจมูกที่โด่งมาก

คนลักษณะแบบนี้เหมือนได้ถูกลิขิตเอาไว้ว่าเป็นผู้ที่ไร้ความรู้สึก

บนร่างกายของเขามีหนังเสือคลุมตัวอยู่อย่างเรียบง่าย

ครึ่งหนึ่งของร่างกายท่อนบนนั้น เปลือยเปล่า

ส่วนร่างกายท่อนล่างเองก็เปลือยเปล่า และก็ไม่ได้สวมใส่รองเท้า

เมื่อเขาค่อย ๆ เดินออกมาจากทางด้านหลังของกลุ่มคน ก็กลายเป็นที่ดึงดูดสายตาของทุกคนในทันที

เขาก็คือหลางเลี่ย

เขามาถึงแล้ว!

โดยที่ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไรกัน!

และก็ไม่รู้ว่ามาปรากฏตัวอยู่ที่ด้านหลังของกลุ่มคนนั้นตั้งแต่เมื่อไรด้วย

เหมือนว่าจะไม่มีผู้ใดรับรู้ถึงการปรากฏขึ้นของเขา

เขาค่อย ๆ เดินเข้ามา ทีละก้าวทีละก้าวขึ้นไปยังสังเวียน

หลังจากนั้น ดวงตาที่เฉียบขาดของเขาคู่นั้น ก็ได้จับจ้องไปยังหลินหยุน

โดยไม่แม้แต่จะมองไปที่ผู้อาวุโสที่ควบคุมสังเวียนเลยด้วยซ้ำ แล้วก็ได้ยื่นมือออกมากวักเรียกหลินหยุน พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้างไม่รื่นหูว่า “เข้ามาเลย! ”

หลินหยุนก็ได้หันหน้ามองไปที่หลางเลี่ย

ขณะที่มองไปนั้น เขาเองก็รับรู้และเข้าใจได้แล้วว่า เพราะเหตุใดที่ผู้อาวุโสเจียงและเว่ยหลีต่างก็พากันพูดว่าหลางเลี่ยเป็นผู้ที่น่ากลัวกว่าหวูตี๋เป็นร้อยเท่า

เป็นเช่นนี้นี่เอง

หลินหยุนจ้องมองอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ฉันให้นายเป็นฝ่ายลงมือก่อนก็แล้วกัน ถ้าหากฉันลงมือก่อน เกรงว่านายคงจะไม่มีโอกาสอะไรอีกแล้ว! ”

“ฉันได้ยินมาว่า นายได้รีบเดินทางมาจากดินแดนแห้งแล้งทางทะเลทรายตะวันตก เพื่อการนี้โดยเฉพาะเลย! ”

“ถ้าหากแม้แต่โอกาสแสดงฝีมือก็ไม่มีแล้วล่ะก็! ”

“เป็นไปได้ที่จะทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยพากันรู้สึกเสียดาย! ”

เมื่อได้ยินที่หลินหยุนพูดหลางเลี่ยก็หัวเราะเยาะขึ้น

พร้อมกับโชว์ฟันเขี้ยวสองซี่นั้น

ที่มองดูแล้วเหมือนจะเป็นรอยยิ้มที่เรียบง่ายธรรมดา

แต่ดวงตาของเขากลับเย็นชาขึ้นมากเลยทีเดียว

โดยที่ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรขึ้นอีก

ประมาณว่าเขาเองก็ไม่ค่อยจะคุ้นเคยในการพูดแสดงออก ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจลงมือในทันที

เขาที่ใช้ชีวิตเติบโตอยู่ในดินแดนแห้งแล้งทางทะเลทรายตะวันตกมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งได้ปะทะต่อสู้กับสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งมากมายนับไม่ถ้วน

เขาจึงได้พัฒนาจากเดิมที่อ่อนแอจนแข็งแกร่งขึ้นทีละขั้น ๆ

ทำให้มีสัตว์อสูรจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนที่ต้องจบชีวิตลงไปด้วยน้ำมือของเขา!

ดังนั้นเขาจึงเชี่ยวชาญการสังหาร!

และก็มีเพียงการสังหารเท่านั้น ที่เป็นวิธีการแสดงออกที่เขาชื่นชอบและชำนาญอย่างที่สุด!

ดังนั้นเมื่อเขาลงมือแล้ว ก็จะไม่มีการออมกำลังอะไรแม้แต่น้อย!

ร่างลางของหมาป่าที่มีขนาดใหญ่มหึมา และมีความดุร้ายอย่างที่สุด ได้ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของเขาในทันที และเมื่อเขาตะโกนขึ้นนั้น ร่างลางก็พุ่งกระโจนตรงเข้าใส่หลินหยุนอย่างบ้าคลั่ง

นี่คือหนึ่งในวิชาที่ทรงพลังที่สุดในสถาบันราชภัฏ เคล็ดวิชาวกะท่องป่า

ตอนที่หลางเลี่ยได้จากออกไป เพื่อกลับไปยังดินแดนแห้งแล้งนั้น เขาเพิ่งจะฝึกฝนเคล็ดวิชาวกะท่องป่าได้ไม่นาน

หลังจากนั้นตัวเขาเองก็ย้อนกลับมาอีกหลายครั้ง และได้เข้าร่วมการประลองทดสอบของสถาบันด้วย

แต่ก็ยังไม่เคยได้แสดงเคล็ดวิชาวกะท่องป่าที่แท้จริงออกมาเลยสักครั้งเดียว

และก็ไม่มีผู้ใดรู้ด้วยว่าเคล็ดวิชาวกะท่องป่าของเขานั้นได้ทำการฝึกฝนไปถึงระดับขั้นไหนแล้ว

ครั้งนี้ เขาจึงได้แสดงเคล็ดวิชาวกะท่องป่าที่แท้จริงออกมาแล้ว!

ดาบเฮ่าเทียนปรากฏขึ้นในมือของหลินหยุน พร้อมกับใช้เพลงกระบี่พลังผกผันโจมตีออกไป

เจตนาสังหารอย่างไร้ที่สิ้นสุดได้แผ่กระจายเป็นวงกว้าง

และก็ทำให้ทุกคนทยอยมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป!

แต่ว่า ชี่กระบี่ที่ไร้เทียมทานนั้นได้กลับถูกร่างลางของหมาป่าทำลายลงไปโดยพลัน หลินหยุนถึงกับตาเบิกกว้าง ขณะที่เขาลอยตัวถอยหลังนั้น ร่างลางของหมาป่าก็เข้ามาประชิดใกล้กับตัวเขา และได้กระโจนใส่เขาจนล้มกองลงไปกับพื้น

พร้อมกับอ้าปากกว้าง และขย้ำใส่หลินหยุนทันที

หลินหยุนขับเคลื่อนพลังบำเพ็ญทั้งหมด และชกหมัดออกไป จนร่างลางของหมาป่ากระเด็นลอยไปไกล และเขาเองก็เหาะลอยตัวขึ้นทันที

หลังจากนั้น หลินหยุนก็ได้แสดงท่ากักขังของสิบแปดท่าต้าเต๋าขึ้น

พร้อมกับฟาดฟันกระบี่ออกไปอีกครั้ง

แต่ในขณะที่เพลงกระบี่พลังผกผันใกล้ที่จะปะทะไปที่ร่างของหลางเลี่ยนั้น หลางเลี่ยก็ร้องตะโกนเสียงดัง ทำลายพลังกักขังลงทั้งหมด พร้อมกับปล่อยพลังหมัด ทำลายชี่กระบี่ลงไปอีกครั้ง

พละกำลังอันน่าสะพรึงกลัว ถึงขนาดที่หลินหยุนเองก็ได้รับผลกระทบบ้างเล็กน้อย

และในขณะนั้นเอง หลางเลี่ยนั้นก็หายวับไปกับที่

ทันใดนั้น ก็มาปรากฏตัวขึ้นที่ร่างของหมาป่า

แต่หลินหยุนในตอนนี้ ได้ย่ำไปถึงขั้นที่สี่แล้ว

เมื่อได้ย่ำก้าวที่สี่ออกไป ชั้นฟ้าชั้นดินก็สั่นสะเทือนเลือนลั่นไปทั้งหมด

หมาป่าและหลางเลี่ยถึงกับต้องหยุดชะงักลงชั่วครู่

แต่ในเวลานี้เอง หลินหยุนก็ได้ย่ำก้าวที่ห้า

หลังจากที่ได้ย่ำก้าวที่ห้าแล้ว

แรงกดทับที่แข็งแกร่งทรงพลัง ถึงขนาดทำให้หมาป่าไม่สามารถที่จะทรงตัวอยู่กลางอากาศได้อีก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะไปเข้าใกล้ตัวของหลินหยุนเลย!

ความดุร้ายของหลางเลี่ยได้ปะทุขึ้นถึงขีดสุดแล้ว

กริชกระดูกขาวที่อยู่ในมือ ได้เปล่งประกายแสงสลัว ซึ่งก็ยังคงไม่สามารถที่จะทำลายแรงกดทับที่มาจากอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ของหลินหยุนได้แม้แต่น้อย เขาจึงได้ร้องตะโกนขึ้นอีกครั้ง จากนั้นก็รวบรวมพลังทั้งหมดไปที่กริชกระดูกขาวที่อยู่ในมือ

แสงสลัวที่น่าสะพรึงกลัว ก็ได้ทำลายพลังแรงกดทับนั้นลงทันที และพุ่งตรงเข้าใส่หลินหยุน

หลินหยุนรับรู้ได้ถึงอันตรายที่รุนแรง

แต่เขาเองก็ไม่ได้ไปสนใจอะไร

ยังคงขับเคลื่อนพลังบำเพ็ญอย่างบ้าคลั่ง

ฝ่าเท้าของเขา ได้ย่ำลงไปบนบันไดขั้นที่ห้าที่ว่างเปล่านั้น

ทันใดนั้นพลังอันรุนแรงที่น่าสะพรึงกลัวก็ร่วงตกลงมา

ทำลายแสงสลัวนั้นลงในทันที พร้อมกับได้กดทับตัวของหมาป่าและหลางเลี่ยเอาไว้ทั้งหมดโดยสิ้นเชิง

ทันใดนั้น เหมือนพื้นดินได้ทรุดตัวลงไปโดยพลัน

สังเวียนต่อสู้ที่มีความสูงนับร้อยเมตร และมีความกว้างโดยรอบกว่าพันเมตรนั้น ไม่เพียงแต่จะป้องกันไว้ด้วยพลังคุ้มกันไม่ได้กลับยังพังทลายลงไปอย่างสิ้นเชิง

สังเวียนต่อสู้ได้สลายสูญสิ้นกลายเป็นความว่างเปล่า

เดิมทีบริเวณพื้นที่ที่ตั้งของสังเวียนนั้น ก็ทรุดตัวลงไปใต้ดินอย่างลึกที่สุด

ส่วนเงาร่างของหลางเลี่ยเองก็หายสาบสูญไปโดยสิ้นเชิง

หลินหยุนเหาะมายังบริเวณด้านข้างของหลุมลึกนั้น

จากนั้นก็มองไปที่ผู้อาวุโสที่ควบคุมการประลอง ถอนหายใจและพูดขึ้นว่า “ตอนนี้ น่าจะสามารถประกาศผลการประลองได้แล้วล่ะสิ? ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์