ที่สถาบัน หลินหยุนกำลังเก็บตัวบำเพ็ญฝึกฝนอยู่ในวิมาน
ด้านหลังภูเขา
ในช่วงเช้า ผู้อาวุโสเจียงได้เดินออกมาจากกระท่อม
ผู้อาวุโสเจียงในวันนี้ ได้เปลี่ยนชุดเสื้อผ้าใหม่ ไม่หลงเหลือภาพลักษณ์ที่ดูสกปรกยุ่งเหยิงแบบเดิมนั้นเลย
และเธอก็ยังได้จัดแต่งทรงผมให้เป็นรูปทรงอย่างเหมาะสมแล้วด้วย
แววตาก็ยิ่งจะดูสดใสขึ้นเป็นอย่างมาก
กลิ่นอายลมหายใจในร่างกายก็เกิดการเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย
มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องขึ้นมาก
ขณะที่เดินออกมาจากกระท่อมแล้ว ผู้อาวุโสเจียงก็ได้เดินลงจากภูเขาไป
ที่ปลายเขานั้นมีลำธารสายหนึ่ง
ซึ่งไม่กว้างใหญ่มากนัก และมีน้ำใสสะอาดจนมองทะลุเห็นถึงก้นบึ้ง
ทางฝั่งตรงข้ามของลำธาร ก็คือสวนยาแห่งหนึ่ง
ภายในมีการเพาะปลูกหญ้าทิพย์นานาชนิด
ทางทิศเหนือของสวนยา ก็คือสถานที่ต้องห้าม
บริเวณด้านหน้าของสถานที่ต้องห้าม มีศิลาหินตั้งตระหง่านอยู่แท่นหนึ่ง
ด้านบนเขียนอักษรไว้ว่า “คนนอกห้ามเข้า”
ด้านหลังคือป่าไม้ที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาทึบ
ซึ่งมองเห็นสภาพด้านในอย่างไม่ชัดเจน
ผู้อาวุโสเจียงมาถึงด้านล่างของภูเขา และถอดรองเท้าออก พร้อมกับเดินย่ำลงไปในลำธารที่น้ำใสจนเห็นก้นบึ้ง หลังจากนั้นก็เดินผ่านสวนยา มาถึงตรงด้านหน้าของหินศิลานั้น
สายตาของเธอได้จดจ้องอยู่ที่หินศิลานั้นชั่วขณะหนึ่ง
จึงได้หันมองไปยังป่าไม้ที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาทึบนั้น ราวกับว่าสายตาของเธอสามารถมองทะลุป่าไม้ไปได้อย่างไรอย่างนั้น
ในขณะนั้นเอง
บนยอดเขาหลักของสถาบัน ก็ได้มีลำแสงสียาวพุ่งทะยานออกมา
คนยังมาไม่ถึง แต่เสียงมาถึงก่อนแล้ว
“ศิษย์พี่! หยุดก่อน! ”
“คุณเข้าไปด้านในไม่ได้! ”
ผู้อาวุโสเจียงค่อย ๆ หันหน้ากลับมา แล้วลำแสงสีขาวนั้น ก็ได้มาถึงยังเบื้องหน้าของเธอ
ซึ่งก็คือชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีขาวที่เคยปรากฏตัวขึ้นตรงที่บ่อเลี้ยงจิตวิญญาณตอนก่อนหน้านี้
เมื่อมาถึง ชายวัยกลางคนก็รีบพูดขึ้นว่า “ศิษย์พี่ คุณเป็นบ้าไปแล้วเหรอ! คุณได้หลงลืมคำพูดของฟูจื่อ ที่ได้พูดไว้ก่อนที่จะจากไปแล้วเหรอ? ห้ามเข้าไปในสถานที่ต้องห้ามโดยเด็ดขาด! ”
ผู้อาวุโสเจียงพูดขึ้นว่า “ฉันไม่เข้าไปด้านใน แล้วนายจะเป็นผู้นำของสถาบันได้อย่างไร? ”
ชายวัยกลางคนได้ยินดังนั้น ก็พลันขมวดคิ้วขึ้นและพูดว่า “ศิษย์พี่! คุณทำแบบนี้ทำไม? หลายปีมาแล้วที่สถาบันไม่ได้เข้าร่วมช่วงชิงอำนาจกันในราชวัง! นี่ก็คือความต้องการของฟูจื่อ แต่ตอนนี้ทำไมคุณถึงจะต้องไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องแย่ ๆ เหล่านี้ด้วย? ”
ผู้อาวุโสเจียงหัวเราะฮึฮึและพูดว่า “เป็นความต้องการของพวกนายก็บอกว่าเป็นความต้องการของพวกนาย อย่าได้นำฟูจื่อมาเป็นข้ออ้าง! ฟูจื่อมีความต้องการแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน? ทำไมฉันถึงจำไม่ได้ว่าฟูจื่อได้เคยพูดแบบนี้เอาไว้ด้วย? ไม่อย่างนั้น นายเตือนสติฉันหน่อยสิ? ”
ชายวัยกลางคนพูดขึ้นว่า “ทุกครั้งที่กษัตริย์องค์ก่อนเข้าร่วมประลองในสนามรบหมื่นจักรวาล ในราชวังก็เกิดความโกลาหลช่วงชิงอำนาจขึ้นเป็นประจำ แต่มีครั้งไหนบ้างที่ฟูจื่อปล่อยให้สถาบันเข้าร่วมด้วย? ”
“อีกทั้ง ไม่ต้องพูดถึงราชวงศ์ปัจจุบันนี้ ต่อให้เป็นราชวงศ์ก่อนหน้านับเป็นพันปี”
“สถาบันของเราเคยได้เข้าร่วมสถานการณ์แบบนี้เมื่อไรกันล่ะ? ”
“หรือว่าขนาดนี้แล้วก็ยังจะพูดไม่ได้ว่าเป็นความต้องการของฟูจื่ออีกเหรอ? ”
“ฉันทราบดีว่าเป็นเพราะเรื่องราวในอดีตจึงทำให้ศิษย์พี่นั้นไม่เคยคิดที่ปล่อยวางมาโดยตลอด แต่ศิษย์พี่ นี่ไม่ใช่เหตุผลที่คุณจะเข้าร่วมสถานการณ์ดังกล่าวนั้น! ”
“หรือจะพูดว่า เรื่องราวมันได้ผ่านพ้นไปเป็นเวลานานหลายปีแล้ว! ”
“หล่อนได้จากไปตั้งนานแล้ว! ”
“ทำไมคุณยังต้องทนทุกข์ไม่ปล่อยวางลงอีกล่ะ? ”
ดูเหมือนว่าชายวัยกลางคนไม่พูดคำนี้ยังจะดีเสียกว่า แต่เมื่อได้พูดคำนี้ออกไป สีหน้าของผู้อาวุโสเจียงก็หม่นหมองลงไปทันที
ยิ้มเยาะและพูดขึ้นว่า “อะไรคือที่เรียกว่าไม่ปล่อยวาง? ฟางเอี่ยนฉันถามนายหน่อยว่า นายคิดว่า ฉันควรที่จะปล่อยวางลงอย่างนั้นหรอกเหรอ? ”
“ผู้หญิงที่เลวทรามคนนั้น ในอดีตฉันปฏิบัติกับหล่อนอย่างไรบ้าง? ”
“นายมองมาที่ดวงตาของฉันสิ แล้วนายบอกฉันมาหน่อยว่า นายไม่รับรู้ไม่เข้าใจใช่ไหม? ”
“แต่หลังจากนั้นหล่อนปฏิบัติกับฉันอย่างไร? ”
“ร้อยปีมานี้ฉันราวกับเป็นคนที่ไร้จุดหมายใช้ชีวิตอยู่ไปวัน ๆ! ”
“ความโกรธแค้นในใจของฉัน นายบอกฉันมาหน่อยสิว่า ถ้าเปลี่ยนเป็นนาย นายจะปล่อยวางลงไปได้ไหม? ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...